“อย่ามัวแต่คร่ำครวญถึงอดีต อย่ามัวแต่เพ้อฝันถึงอนาคต จงเจริญสติและตั้งสมาธิอยู่กับปัจจุบัน : Do not dwell in the past, do not dream of the future, Concentrate the mind on the present moment.”
พระพุทธวจนะ
ท่านผู้อ่านที่เคารพ หัวข้อบทความข้างบนของผมนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์
แต่สำหรับพระพุทธวจนะ ควรระวังอาจจะมีผู้แอบอ้างเอาไปใช้แผลงๆ ได้ คือนักปรองดองจอมปลอมแห่งปัจจุบันยุค
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ผมคิดว่าควรจะคุยกับท่านผู้อ่านในเรื่องที่เหมาะกับกาลเวลา จึงขอยกเอาปรัชญาของเวลาขึ้นมาพูด
ความที่ผมเป็นคนเจริญมรณานุสติมาตั้งแต่เด็ก ผมสามารถจะพูดถึงปรัชญาแห่งกาลเวลาได้เป็นวันๆ โดยไม่ต้องไปเปิดตำรา แต่ผมเคารพและให้ความสำคัญแก่ท่านผู้อ่านมากกว่าตัวเอง จึงขอเสนอว่า หากท่านใดบังเอิญอยากรู้มากไปกว่าการอ่านบทความของผม ถึงท่านจะเป็นนักเรียนหรือนักปราชญ์แต่ใหม่กับหัวข้อนี้อยู่ แต่ท่านอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ และมหาปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร ท่านอาจเรียนจากการถาม http://www.google.com หรือ search engine ใดๆ ก็ได้ เพียงแต่กดคำว่า time และหรือ philosophy of time ลงไป ท่านก็สามารถกระทบไหล่กับยอดนักวิทยาศาสตร์ของโลก เช่น Einstein หรือ Hawking ได้โดยไม่ต้องง้อหรือเสียเงินให้ใครเลย
ถึงภาษาอังกฤษท่านจะไม่แข็ง ก็กด google ให้แปลเป็นภาษาไทย เขาก็จะแปลให้ภายในอึดใจเดียว ถึงแม้คำแปลนั้นจะตลกขำกลิ้งก็อย่าไปถือสามัน
ขอยกตัวอย่างก่อน www.google.com กด what is time ภาษาอังกฤษมีว่าดังนี้ WHAT IS TIME www.timephysics. com/-CachedSimilar You +1’d this publicly. Undo Time is an emergent concept, Time, Nature of time, What causes time? Why time slows in gravity? Why time slows with motion? Is time a dimension? แปลเป็นไทยแบบเข้าป่าไปเลยคือ “เวลาคือสิ่งที่ TIMEwww.timephysics.com/คืออะไร - CachedSimilar คุณ +1’ d นี้ต่อสาธารณชน เลิกทำเวลาเป็นแนวคิดที่โผล่ออก, เวลา, ธรรมชาติของเวลา เวลาอะไรคือสาเหตุ? ทำไมเวลาที่ช้าลงในแรงโน้มถ่วง? ทำไมเวลาที่มีการเคลื่อนไหวช้าลง? เวลาเป็นมิติหรือไม่?”
แปลว่านักแปลของ google มือและภาษาไม่ถึง ทั้งๆ ที่เงินถึง นี่แหละคือคุณภาพของการศึกษาไทย แปลหนัง แปลหนังสือ แปลข่าวต่างประเทศก็ระนาบนี้แหละ
ก่อนเขียนบทความ ผมถามหลานปู่อายุ 13 ปีแต่เป็นนักอ่านตัวยง โรงเรียนมีชื่อ ว่า “ลูกรู้ไหมว่า เวลาคืออะไร” หลังจากพยายามตอบอยู่นานเขาก็บอกว่า “ไม่ทราบครับปู่ ทราบแต่ว่าเราชอบพูดคำว่า ฆ่าเวลา แต่ไม่เห็นเวลาตายสักที มีแต่คนพูดเท่านั้น ถูกเวลาฆ่าตายไม่เหลือสักคน”
ผมชมหลานว่า “รู้ไหมลูกพูดเหมือนนักประพันธ์ละครเอกของโลกชื่อ Dion Boucicault (1820-1890) เลย เขาพูดว่า Men talk of killing time, While time quietly kills them ลูกไปค้นคว้าเพิ่มเติมแล้วช่วยมาเล่าให้ปู่ฟังหน่อยนะ” อีกไม่นานผมก็จะได้เป็นศิษย์ของหลานเรื่อง Dion Boucicault
ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนไทยสักกี่คนที่คิดถึงเวลาในแง่ปรัชญาหรือวิทยาศาสตร์ ถ้ามีผมก็ยังไม่เคยได้ยินหรืออ่านพบที่ใดเลย สิ่งที่ได้ยินบ่อยมักจะเป็นแง่ลบเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา เช่น ไม่รักษาเวลา ไม่ตรงเวลา ผิดเวลา ฯลฯ
หรือไม่ ก็เป็นเรื่องทางอ้อมในคำสอนของศาสนาต่างๆ เช่น ศาสนาพุทธที่กล่าวว่า เวลาคือพระยามัจจุราช หรือกฎแห่งความไม่เที่ยง คือ อนิจจํ ทุกขํ อนํตตา เป็นต้น
ในขณะที่ผมเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่า สรรพสิ่งในสุริยจักรวาลหรือสากลจักรวาลนี้ รวมทั้งตัวจักรวาลเอง ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งความเป็นอนิจจํทั้งหมดทั้งสิ้น
ผมไม่แน่ใจว่า เวลาจะเป็นข้อยกเว้นหรือไม่ แต่ผมค่อนไปทางที่คิดว่าเวลาเป็นข้อยกเว้น
ไม่มีใครเคยเห็นว่า เวลามีตัวตนรูปร่าง สีสันวรรณะ กลิ่นหรือเสียงเป็นอย่างไร มีหลักแหล่งอยู่ที่ไหน แสงของกลางวันกลางคืนหรือสีแห่งฤดูกาลนั้น ก็มิใช่แสงสีแห่งเวลา หากเป็นแสงสีและเงาของดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
เมื่อปีที่ผมเกิดนั้น ปีใหม่ของไทยคือเดือนเมษายน เรามาเปลี่ยนเป็นปีใหม่สากลเมื่อปีพุทธศักราช 2484 ชาติต่างๆ ได้ทยอยเปลี่ยนมาถือปีใหม่สากลทีละชาติสองชาติ แต่บางชาติก็ยังควบความยิ่งใหญ่ของปีใหม่ตามคตินิยมของชาติตนไว้ด้วย เช่น วันตรุษจีน เป็นต้น การเปลี่ยนปฏิทินเป็นสากลนั้นก็เพื่อความสะดวกในด้านการค้าขายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ที่สำคัญยิ่งกว่าการแบ่งเวลาเป็นฤดูกาล ซึ่งอาศัยการหมุนของโลกและดวงอาทิตย์เป็นบรรทัดฐาน ก็คือ การแบ่งเวลาเป็นวินาที นาที และชั่วโมง นี่เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งยวดในความเจริญเติบโตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หากมนุษย์ไม่สามารถจับเอาเวลาใส่ลงไปในนาฬิกาได้แล้ว โลกนี้ก็คงไม่มีอาวุธประหัตประหารตั้งแต่ปืนเล็กๆ ขึ้นไปจนถึงระเบิดนิวเคลียร์ ทำนองเดียวกันกับประดิษฐกรรมต่างๆ ที่รับใช้และทำลายมนุษย์กับธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน (ดูกำเนิดนาฬิกาและปฏิทิน http:// inventors.about.com/library/weekly/aa070701a.htm)
แท้ที่จริง เวลาหาได้ถูกมนุษย์จับไปใส่ไว้ในนาฬิกาไม่ มนุษย์ต่างหากที่ถูกจับไปใส่ไว้ในนาฬิกา ปล่อยให้นาฬิกากำกับบงการพฤติกรรมทั้งดีและชั่วของมนุษย์
นาฬิกากลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ธุรกิจ อุตสาหกรรม และกิจกรรมองค์กรทุกอย่างของมนุษย์ และมนุษย์ที่อยู่นอกองค์กรก็ไม่ละเว้น ถ้าละเว้นแล้วอาจตกรถหรือเข้าสอบไม่ทัน เป็นต้น
มนุษย์ที่ควบคุมเวลาได้ดีนั้น เขามักจะยกย่องว่ามีประสาทเวลาแบบอุตสาหกรรม คือ มีความแม่นยำเป็นวินาที นาที ชั่วโมง ประเทศไทยและคนไทยมักจะถูกประเทศอุตสาหกรรมดูถูกว่าขาด industrial time sense ดังกล่าว จึงจะทำอะไรสำเร็จแบบผู้เจริญได้ยาก
การประสบมหาอุทกภัยครั้งนี้ก็เป็นเพราะผู้นำและสังคมไทยขาด industrial time sense โดยแท้ จึงไม่สามารถนำเอาปัจจัยต่างๆ มาใช้ให้ทันหรือเอาชนะเวลาได้
การแบ่งเวลาเป็นฤดูกาลอาศัยการหมุนของโลกและดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ การแบ่งเวลาเป็นวินาที นาทีนั้นอาศัยความสัมพันธ์ทางกลศาสตร์หรือฟิสิกส์ คือความสัมพันธ์กับความเร็วของแสงและเสียงเป็นเกณฑ์ เวลาจึงกลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังและมีอำนาจที่สุดในจักรวาล ซึ่งเวลาอาจจะ “เป็น อยู่ คือ” โดยตัวของตัวเองเป็นอิสระไม่ขึ้นกับความถ่วงจักรวาลหรือกฎใดๆ ก็ได้ เพราะเวลาเป็นสิ่งเดียวในโลกนี้ที่ “อยู่เฉยๆ” (พวกมึงต่างหากที่พากันยุ่ง)
ความเข้าใจเรื่องเวลา และความเคารพเวลาจึงเป็นธรรมะและปรัชญาอันสูงสุด
ในปี 2554 ต่อเนื่องจากปี 2544 เป็นต้นมา มีมนุษย์จกเปรตพวกหนึ่งที่มักมาไม่ทัน หรือทันแต่ก็พากันนอนหลับน้ำลายยืดอยู่ในสภา ครั้นพอตื่นก็พากันออกไปเพ่นพ่านทวงส่วนบุญ ลืมไปว่าเวลาของตนหมดไปแล้ว เมื่อไม่ได้ดังใจก็ด่าทอเกรี้ยวกราดอาละวาดเผาบ้านเผาเมือง ไม่เข้าใจธรรมว่าด้วยกาละเทศะที่สัตบุรุษพึงเข้าใจ
ปี 2555 นี้ เวลาจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์และแผลงฤทธิ์เดชเผาผลาญจกเปรตพวกนี้ให้หมดไปจากแผ่นดิน เมื่อคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจพระพุทธวจนะว่า ปัจจุบันของพวกเราทุกคนมีอยู่ครั้งเดียวเท่านั้น หากเราไม่รู้จักใช้ให้คุ้ม เวลาก็จะทิ้งเราไป
สวัสดีปีใหม่ครับ
พระพุทธวจนะ
ท่านผู้อ่านที่เคารพ หัวข้อบทความข้างบนของผมนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์
แต่สำหรับพระพุทธวจนะ ควรระวังอาจจะมีผู้แอบอ้างเอาไปใช้แผลงๆ ได้ คือนักปรองดองจอมปลอมแห่งปัจจุบันยุค
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ผมคิดว่าควรจะคุยกับท่านผู้อ่านในเรื่องที่เหมาะกับกาลเวลา จึงขอยกเอาปรัชญาของเวลาขึ้นมาพูด
ความที่ผมเป็นคนเจริญมรณานุสติมาตั้งแต่เด็ก ผมสามารถจะพูดถึงปรัชญาแห่งกาลเวลาได้เป็นวันๆ โดยไม่ต้องไปเปิดตำรา แต่ผมเคารพและให้ความสำคัญแก่ท่านผู้อ่านมากกว่าตัวเอง จึงขอเสนอว่า หากท่านใดบังเอิญอยากรู้มากไปกว่าการอ่านบทความของผม ถึงท่านจะเป็นนักเรียนหรือนักปราชญ์แต่ใหม่กับหัวข้อนี้อยู่ แต่ท่านอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ และมหาปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร ท่านอาจเรียนจากการถาม http://www.google.com หรือ search engine ใดๆ ก็ได้ เพียงแต่กดคำว่า time และหรือ philosophy of time ลงไป ท่านก็สามารถกระทบไหล่กับยอดนักวิทยาศาสตร์ของโลก เช่น Einstein หรือ Hawking ได้โดยไม่ต้องง้อหรือเสียเงินให้ใครเลย
ถึงภาษาอังกฤษท่านจะไม่แข็ง ก็กด google ให้แปลเป็นภาษาไทย เขาก็จะแปลให้ภายในอึดใจเดียว ถึงแม้คำแปลนั้นจะตลกขำกลิ้งก็อย่าไปถือสามัน
ขอยกตัวอย่างก่อน www.google.com กด what is time ภาษาอังกฤษมีว่าดังนี้ WHAT IS TIME www.timephysics. com/-CachedSimilar You +1’d this publicly. Undo Time is an emergent concept, Time, Nature of time, What causes time? Why time slows in gravity? Why time slows with motion? Is time a dimension? แปลเป็นไทยแบบเข้าป่าไปเลยคือ “เวลาคือสิ่งที่ TIMEwww.timephysics.com/คืออะไร - CachedSimilar คุณ +1’ d นี้ต่อสาธารณชน เลิกทำเวลาเป็นแนวคิดที่โผล่ออก, เวลา, ธรรมชาติของเวลา เวลาอะไรคือสาเหตุ? ทำไมเวลาที่ช้าลงในแรงโน้มถ่วง? ทำไมเวลาที่มีการเคลื่อนไหวช้าลง? เวลาเป็นมิติหรือไม่?”
แปลว่านักแปลของ google มือและภาษาไม่ถึง ทั้งๆ ที่เงินถึง นี่แหละคือคุณภาพของการศึกษาไทย แปลหนัง แปลหนังสือ แปลข่าวต่างประเทศก็ระนาบนี้แหละ
ก่อนเขียนบทความ ผมถามหลานปู่อายุ 13 ปีแต่เป็นนักอ่านตัวยง โรงเรียนมีชื่อ ว่า “ลูกรู้ไหมว่า เวลาคืออะไร” หลังจากพยายามตอบอยู่นานเขาก็บอกว่า “ไม่ทราบครับปู่ ทราบแต่ว่าเราชอบพูดคำว่า ฆ่าเวลา แต่ไม่เห็นเวลาตายสักที มีแต่คนพูดเท่านั้น ถูกเวลาฆ่าตายไม่เหลือสักคน”
ผมชมหลานว่า “รู้ไหมลูกพูดเหมือนนักประพันธ์ละครเอกของโลกชื่อ Dion Boucicault (1820-1890) เลย เขาพูดว่า Men talk of killing time, While time quietly kills them ลูกไปค้นคว้าเพิ่มเติมแล้วช่วยมาเล่าให้ปู่ฟังหน่อยนะ” อีกไม่นานผมก็จะได้เป็นศิษย์ของหลานเรื่อง Dion Boucicault
ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคนไทยสักกี่คนที่คิดถึงเวลาในแง่ปรัชญาหรือวิทยาศาสตร์ ถ้ามีผมก็ยังไม่เคยได้ยินหรืออ่านพบที่ใดเลย สิ่งที่ได้ยินบ่อยมักจะเป็นแง่ลบเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา เช่น ไม่รักษาเวลา ไม่ตรงเวลา ผิดเวลา ฯลฯ
หรือไม่ ก็เป็นเรื่องทางอ้อมในคำสอนของศาสนาต่างๆ เช่น ศาสนาพุทธที่กล่าวว่า เวลาคือพระยามัจจุราช หรือกฎแห่งความไม่เที่ยง คือ อนิจจํ ทุกขํ อนํตตา เป็นต้น
ในขณะที่ผมเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่า สรรพสิ่งในสุริยจักรวาลหรือสากลจักรวาลนี้ รวมทั้งตัวจักรวาลเอง ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งความเป็นอนิจจํทั้งหมดทั้งสิ้น
ผมไม่แน่ใจว่า เวลาจะเป็นข้อยกเว้นหรือไม่ แต่ผมค่อนไปทางที่คิดว่าเวลาเป็นข้อยกเว้น
ไม่มีใครเคยเห็นว่า เวลามีตัวตนรูปร่าง สีสันวรรณะ กลิ่นหรือเสียงเป็นอย่างไร มีหลักแหล่งอยู่ที่ไหน แสงของกลางวันกลางคืนหรือสีแห่งฤดูกาลนั้น ก็มิใช่แสงสีแห่งเวลา หากเป็นแสงสีและเงาของดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
เมื่อปีที่ผมเกิดนั้น ปีใหม่ของไทยคือเดือนเมษายน เรามาเปลี่ยนเป็นปีใหม่สากลเมื่อปีพุทธศักราช 2484 ชาติต่างๆ ได้ทยอยเปลี่ยนมาถือปีใหม่สากลทีละชาติสองชาติ แต่บางชาติก็ยังควบความยิ่งใหญ่ของปีใหม่ตามคตินิยมของชาติตนไว้ด้วย เช่น วันตรุษจีน เป็นต้น การเปลี่ยนปฏิทินเป็นสากลนั้นก็เพื่อความสะดวกในด้านการค้าขายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ที่สำคัญยิ่งกว่าการแบ่งเวลาเป็นฤดูกาล ซึ่งอาศัยการหมุนของโลกและดวงอาทิตย์เป็นบรรทัดฐาน ก็คือ การแบ่งเวลาเป็นวินาที นาที และชั่วโมง นี่เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งยวดในความเจริญเติบโตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หากมนุษย์ไม่สามารถจับเอาเวลาใส่ลงไปในนาฬิกาได้แล้ว โลกนี้ก็คงไม่มีอาวุธประหัตประหารตั้งแต่ปืนเล็กๆ ขึ้นไปจนถึงระเบิดนิวเคลียร์ ทำนองเดียวกันกับประดิษฐกรรมต่างๆ ที่รับใช้และทำลายมนุษย์กับธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน (ดูกำเนิดนาฬิกาและปฏิทิน http:// inventors.about.com/library/weekly/aa070701a.htm)
แท้ที่จริง เวลาหาได้ถูกมนุษย์จับไปใส่ไว้ในนาฬิกาไม่ มนุษย์ต่างหากที่ถูกจับไปใส่ไว้ในนาฬิกา ปล่อยให้นาฬิกากำกับบงการพฤติกรรมทั้งดีและชั่วของมนุษย์
นาฬิกากลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ธุรกิจ อุตสาหกรรม และกิจกรรมองค์กรทุกอย่างของมนุษย์ และมนุษย์ที่อยู่นอกองค์กรก็ไม่ละเว้น ถ้าละเว้นแล้วอาจตกรถหรือเข้าสอบไม่ทัน เป็นต้น
มนุษย์ที่ควบคุมเวลาได้ดีนั้น เขามักจะยกย่องว่ามีประสาทเวลาแบบอุตสาหกรรม คือ มีความแม่นยำเป็นวินาที นาที ชั่วโมง ประเทศไทยและคนไทยมักจะถูกประเทศอุตสาหกรรมดูถูกว่าขาด industrial time sense ดังกล่าว จึงจะทำอะไรสำเร็จแบบผู้เจริญได้ยาก
การประสบมหาอุทกภัยครั้งนี้ก็เป็นเพราะผู้นำและสังคมไทยขาด industrial time sense โดยแท้ จึงไม่สามารถนำเอาปัจจัยต่างๆ มาใช้ให้ทันหรือเอาชนะเวลาได้
การแบ่งเวลาเป็นฤดูกาลอาศัยการหมุนของโลกและดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ การแบ่งเวลาเป็นวินาที นาทีนั้นอาศัยความสัมพันธ์ทางกลศาสตร์หรือฟิสิกส์ คือความสัมพันธ์กับความเร็วของแสงและเสียงเป็นเกณฑ์ เวลาจึงกลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังและมีอำนาจที่สุดในจักรวาล ซึ่งเวลาอาจจะ “เป็น อยู่ คือ” โดยตัวของตัวเองเป็นอิสระไม่ขึ้นกับความถ่วงจักรวาลหรือกฎใดๆ ก็ได้ เพราะเวลาเป็นสิ่งเดียวในโลกนี้ที่ “อยู่เฉยๆ” (พวกมึงต่างหากที่พากันยุ่ง)
ความเข้าใจเรื่องเวลา และความเคารพเวลาจึงเป็นธรรมะและปรัชญาอันสูงสุด
ในปี 2554 ต่อเนื่องจากปี 2544 เป็นต้นมา มีมนุษย์จกเปรตพวกหนึ่งที่มักมาไม่ทัน หรือทันแต่ก็พากันนอนหลับน้ำลายยืดอยู่ในสภา ครั้นพอตื่นก็พากันออกไปเพ่นพ่านทวงส่วนบุญ ลืมไปว่าเวลาของตนหมดไปแล้ว เมื่อไม่ได้ดังใจก็ด่าทอเกรี้ยวกราดอาละวาดเผาบ้านเผาเมือง ไม่เข้าใจธรรมว่าด้วยกาละเทศะที่สัตบุรุษพึงเข้าใจ
ปี 2555 นี้ เวลาจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์และแผลงฤทธิ์เดชเผาผลาญจกเปรตพวกนี้ให้หมดไปจากแผ่นดิน เมื่อคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจพระพุทธวจนะว่า ปัจจุบันของพวกเราทุกคนมีอยู่ครั้งเดียวเท่านั้น หากเราไม่รู้จักใช้ให้คุ้ม เวลาก็จะทิ้งเราไป
สวัสดีปีใหม่ครับ