ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-สีหน้าและแววตาของนายกมล ไกรวัตนุสสรณ์ อายุ 55 ปี อาของนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกอบจ.สมุทรสาคร หรือนายกตุ่น ที่ถูกยิงเสียชีวิต ในการไปรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจนั้น บ่งบอกถึงความเศร้าและอาลัยในการจากไปของหลานชายยิ่งนัก ทว่า หากมองลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจนายกมล หรือคนในตระกูล"ไกรวัตนุสสรณ์" แล้ว อาจแลเห็นเปลวเพลิงแห่งความแค้น คุกรุ่นอยู่ภายใน ที่พร้อมจะลุกโชนขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
นายกมล พูดถึงหลานชายในวันที่ไปรอรับศพว่า "ปมสังหารที่เจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นไปที่เรื่องแค้นส่วนตัวนั้น ไม่ขอออกความคิดเห็น เนื่องจากให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ แต่อุปนิสัยส่วนตัวของนายอุดรนั้น เป็นคนอัธยาสัยดี มีแต่คนรัก และไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกับใคร" ก็ย่อมบ่งบอกถึงความรักอาลัยที่มีต่อนายอุดรอย่างล้นเหลือ
บ่ายสามโมงเย็นแก่ๆของวันที่ 25 ธ.ค. ระหว่างที่ พ.ต.ท.โยธิน เธียรสุขสันต์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองสมุทรสาคร ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องสอบสวน พลันได้ยินเสียงวิทยุสื่อสาร แจ้งเหตุให้ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่สอบสวนยังที่เกิดเหตุ
"เหตุ 241 อาวุธปืน ภายในปั๊มน้ำมันปตท. สาขาก.ม.2 ถนนเศรษฐกิจ ตรงข้ามห้างบิ๊กซี สาขามหาชัย ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย รอ 30 ชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ เปลี่ยน"
หลังทราบเหตุจากวิทยุสื่อสารในเบื้องต้น พ.ต.ท.โยธิน ไม่รอช้า รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งรีบรายงานเหตุให้พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร ผบก.ภ.สมุทรสาคร และพ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาครทราบทันที
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้องน้ำ ตำรวจพบร่างแน่นิ่งของนายอุดร ไกรวัตนุส สรณ์ อายุ 49 ปี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ในสภาพสวมชุดซาฟารีสีดำ นอนเสียชีวิต มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน.40 เข้าที่โหนกแก้มด้านขวา ใบหูซ้าย และท้ายทอยรวม 8 นัด บริเวณนั้น พร้อมทั้งพบปลอกกระสุนตกอยู่อีก 10 ปลอก
บริเวณลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมัน ตรงหน้าห้องน้ำ ตำรวจพบรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กก 2424 สมุทรสาคร ซึ่งเป็นรถของผู้ตาย จอดสงบนิ่งอยู่ แต่ภายในรถบริเวณเบาะนั่งคนขับ ยังปรากฏร่างนายทองพูล พนาราบ คนขับรถวัย 38 ปี นั่งตัวสั่นเทา สีหน้าตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว แววตาบ่งบอกความกังวลว้าวุ่นอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อตำรวจเข้าไปใกล้ กลับพบว่า นายทองพูล ยังคงมีอาการคล้ายคนไม่มีสติ ปากพร่ำบ่นเพียงว่า"ลูกเมียๆๆ"เพียง 2 คำเท่านั้น ตำรวจต้องรีบเข้าไปปลอบประโลมให้คลายความวิตกกังวล เจ้าตัวจึงยอมลงมาจากรถ แต่ยังไม่ยอมให้การใดๆทั้งสิ้น
อาการวิตกกังวลอย่างหนักของนายทองพูล ยังไม่คลายลง จนกระทั่งเมื่อนายทองพูลเห็นนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ น้องชายของนายอุดร ผู้ตายมายังที่เกิดเหตุ จึงโผเข้าไปกอด ร่ำไห้ระล่ำระลักว่า "ผมดูแลนายไม่ได้ ผมขอโทษ" และเมื่อนายอุดมพูดปลอบอีกครั้งว่า "ทองพูลทำดีที่สุดแล้ว" จึงทำให้นายทองพูล ยอมไปและให้การกับตำรวจในเบื้องต้น
"ทองพูล" คนขับรถของนายอุดรให้การว่า ขับรถพาเจ้านายไปร่วงงานต่างๆในพื้นที่ตั้งแต่เช้า กระทั่งเตรียมที่จะไปงานศพในพื้นที่กระทุ่มแบนต่อ แต่ระหว่างมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้านายให้แวะเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน เมื่อมาถึง เจ้านายลงรถไปเพียงคนเดียว ระหว่างนั้น สังเกตเห็น รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง 4 ประตูมาจอดติดกัน อีกพักเดียวจึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เมื่อหันไปมองที่หน้าห้องน้ำ เห็นคนร้ายเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ แต่งชุดดำ รองเท้าหนัง วิ่งมาขึ้นรถปิกอัพที่จอดอยู่ข้างๆ ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
การจ่อยิงนายอุดร นายกอบจ.สมุทรสาครอย่างอุกอาจ กลางวันแสกๆในสถานที่สาธารณะในครั้งนี้ จัดว่าเป็นคดีที่ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากนายอุดรจะดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สมุทรสาครแล้ว ยังเป็นบุตรชายของนายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ หรือเฮียม้อ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ.สมุทรสาครหลายสมัย เป็นพี่ชายของนายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้ช่วยรมต.แรงงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเมื่อปี 2550 ซ้ำตระกูล"ไกรวัตนุสสรณ์"ยังเป็นที่รู้จักกันดีทั้งของคนบ้านแพ้ว-มหาชัย เรียกว่าทั้งจังหวัดสมุทรสาครเสียด้วยซ้ำ นอกจากนายอุดร ผู้ตาย จะดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สมุทรสาครมา 2 สมัยติดต่อกันแล้ว ยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมกีฬา จ.สมุทรสาคร ประธานสมาพันธ์นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคกลาง และประธานสโมสรฟุตบอลสมุทรสาครเอฟซี หรือทีมสำเภาผยองด้วย
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินสร ผบก.สมุทรสาคร พ.ต.อ.จำแลง สุขใจ ผกก.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผกก.สส.ภ.7 พร้อมชุดสืบสวน บช.ภ.7 และชุดสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เข้าประชุม เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน หามูลเหตุของการสังหารนายกอบจ.อย่างอุกอาจในครั้งนี้อย่างเคร่งเครียด
เบื้องต้นตำรวจเชื่อว่า ลักษณะการจ่อยิงผู้ตาย 8 - 10 นัดเข้าที่ศีรษะนั้น น่าจะไม่ใช่ลักษณะการยิงของบรรดามือปืนรับจ้าง ที่ส่วนใหญ่มักลงมือเพียง 1-2 นัดเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับพาหนะของคนร้าย ถ้าหากเป็นมือปืนรับจ้าง คงไม่ใช้รถกระบะเป็นพาหนะในการก่อเหตุและหลบหนี โดยเวลาที่เกิดเหตุ บริเวณโดยรอบการจราจรยังคงคับคั่งอยู่ คนร้ายจึงไม่น่าใช่มือปืนรับจ้าง ส่วนปมปัญหาการเมืองท้องถิ่น ที่กำลังจะมีเลือกตั้งนายกอบจ.ใหม่ในเดือนเม.ย. 2555 นั้น ในพื้นที่ ยังไม่มีเค้าหรือสิ่งใดๆเป็นลางบอกเหตุว่าจะเกิดความรุนแรง จนถึงขั้นมุ่งเอาชีวิตกัน เบื้องต้น ตำรวจจึงพุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งส่วนตัวเสียมากกว่า
นายอุดม น้องชายนายอุดร ระบุว่า เรื่องของคดี ขอให้เป็นเรื่องของตำรวจในการรวบรวมหลักฐาน เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายแล้ว และไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะทางครอบครัวเล่นการเมืองด้วยดีมาตลอด แต่สาเหตุก็ยังไม่ทราบอะไรมากนัก คาดว่า น่าจะเกิดจากความไม่พอใจระหว่างพี่ชายกับคนร้าย ในเรื่องผลงานที่ปรากฏออกมาสู่พี่น้องประชาชนในจังหวัดสมุทรสาคร อีกทั้งทราบว่า ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้คำพูดกระทบกระทั่งกันผ่านทางเฟซบุ๊กด้วย
วันรุ่งขึ้น หลังจากเกิดเหตุเพียง 1 วัน พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำรายละเอียดข้อมูลทั้งสถานที่เกิดเหตุ ลักษณะของเหตุที่เกิด บุคคลที่เห็นเหตุการณ์ ระยะความห่างระหว่างการมองเห็นบุคคลต้องสงสัย และข้อมูลอื่นๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน มาประมวลเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้าย
พล.ต.ท.หาญพลบอกว่า จากหลักฐานที่มีอยู่กว่า 80% ทั้งจากการสอบพยานบุคคล ซึ่งเป็นในลักษณะประจักษ์พยาน 3-4 คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ผนวกกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ทำให้ได้ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงตัวคนร้ายได้แล้ว ตำรวจอยู่ระหว่างยื่นขอหมายจับจากศาล แต่ทั้งนี้ การจะออกหมายจับบุคคลคนนี้ต้องใช้ความรัดกุมและข้อมูลที่แน่นหนาพอสมควร ส่วนประเด็นของการยิงนั้น มุ่งไปที่เรื่องของความโกรธแค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และอาวุธปืนที่ใช้แม้จะมีไม่มาก แต่ทางเจ้าหน้าที่ทะเบียนปืนก็สามารถอนุญาตให้บุคคลทั่วไปใช้กันได้ ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นข้อมูลสำคัญในการบ่งชี้ตัวมือปืนรายนี้ได้ ส่วนบุคคลที่เป็นพยานรวมถึงบุคคลในครอบครัวไกรวัตนุสสรณ์นั้น อยู่ในการคุ้มกันดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด
"ส่วนกรณีที่คนร้ายตามมายิง หรือบังเอิญมาเจอกันพอดีและเกิดอารมณ์แค้นชั่ววูบ ยังคงตอบไม่ได้ต้องรอให้ได้ตัวก่อน ส่วนคำถามที่ว่ามีนักการเมืองใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องถ้าผิดจริงก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และไม่รู้สึกหนักใจถึงแม้จะเป็นนักการเมืองก็ตาม"พล.ต.ท.หาญพลกล่าวย้ำในวันนั้น
เย็นวันเดียวกันนั่นเอง ศาลจังหวัดสมุทรสาครได้อนุมัติหมายจับ นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ตามหมายจับเลขที่ จ.454/2554 ลงวันที่ 26 ธ.ค. 2554 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากการเสียชีวิตของนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ !
พล.ต.ท.หาญพล บอกหลังศาลอนุมัติหมายจับว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานพร้อม จึงไม่มีความหนักใจอะไร ถึงแม้ว่ามือยิงจะเป็นผู้มีตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ออกจากพื้นที่ไปแล้ว ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอยู่ ส่วนประเด็นการสังหารในครั้งนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวที่ผู้ตายและผู้ต้องหาเป็นนักการเมืองที่อยู่กันคนละขั้ว โดยผู้ตายจะอยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทย ส่วนผู้ต้องหาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเจอหน้ากันก็จะมีการพูดจากระทบกระทั่งกันเรื่อยมาจนกลายเป็นการชนวนเหตุของความแค้นเคืองที่ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งมาพบจุดจบดังกล่าว แต่หลังจากที่หมายจับออกมาแล้วก็คงต้องนำเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นนักการเมืองมีเอกสิทธิ์ในการคุ้มครอง
ขณะเดียวกัน มีรายงานแจ้งว่า มูลเหตุของการถึงขั้นลงมือจ่อยิงไม่ยั้งในครั้งนี้ มีข้อมูลว่านายอุดร และนายครรชิต มาพบกันโดยบังเอิญที่ห้องน้ำปั๊มน้ำมันเกิดเหตุ โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีปัญหากันอยู่ก่อนแล้ว เป็นเรื่องกินใจและพูดจาถากถางกันไปมาหลายครั้ง เกี่ยวกับเรื่องหญิงสาวคนหนึ่ง และในวันเกิดเหตุ นายอุดร น่าจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นอีก ทำให้นายครรชิต ไม่พอใจชักปืนรัวยิงถึง 8-10 นัด ด้วยความโกรธแค้น เข้าตำรา ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้!
หลังจากที่ตำรวจได้อนุมัติหมายจับนายครรชิต ทับสุวรรณแล้ว นายอุดม น้องชายนายกฯตุ่น บอกว่า ครอบครับทับสุวรรณ กับครอบครัวไกรวัตนุสสรณ์ แม้จะมีอุดมการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน แต่ทั้งสองครอบครัวมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน คือการขันอาสารับใช้ประชาชน บ้านของทั้งสองครอบครัวอยู่ใกล้กัน ตอนเด็กๆ ยังเคยไปเล่นที่บ้านทับสุวรรณด้วย ในขณะที่ตัวพี่ชาย กับนายครรชิต ก็ยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบันสวนกุหลาบวิทยาลัยมาด้วยกัน แต่สาเหตุที่แท้จริง ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ครั้นต่อมา เมื่อเวลา 13.45 น. ของวันที่ 27 ธ.ค. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยทีมกฎหมายและทนายความ ได้พานายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดียิงนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เสียชีวิต เข้ามอบตัวต่อพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัตร รองผบ.ตร. พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ. 7 โดยมีคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เข้าร่วมสอบปากคำ
การเข้ามอบตัวของนายครรชิตในครั้งนี้ มีสีหน้าอิดโรย เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามถึงข้อเท็จจริง นายครรชิตได้ให้นายนิพิฏฐ์ตอบแทน โดยนายนิพิฎฐ์ระบุว่า เบื้องต้น ในชั้นพนักงานสอบสวน นายครรชิต ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอไปให้การในชั้นศาล ส่วนต่อไปจะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาฯจะเป็นผู้พิจราณา
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจหรือไม่ เนื่องจากมีพยานเห็นนายครรชิต ก่อเหตุยิงนายนายอุดร นายนิพิฎฐ์ ปฏิเสธว่า ไม่ขอพูดถึง เนื่องจากเป็นรายละเอียดของคดี!
จากนี้ไป คงต้องจับตามองถึงคดีความในชั้นศาลว่า นายครรชิตจะต่อสู้คดีนี้อย่างไร ในขณะที่พนักงานสอบสวน ยังคงเชื่อมั่นว่า พยานหลักฐานที่เขามี จะสามารถเอาผิดนายครรชิตได้ แม้เบื้องต้นนายครรชิตจะปฏิเสธก็ตาม แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว คงต้องย้อนกลับไปดู ในวันเวลาที่เกิดเหตุ ซึ่งนายทองพูล คนขับรถของนายอุดร นั่งตัวสั่นเทาอยู่ในรถ คล้ายคนไร้สติ มีเพียงเสียงพร่ำบ่น"ลูกเมียๆ"เล็ดรอดออกมาให้ได้ยินเท่านั้น แต่หลังจากที่นายอุดม น้องชายนายอุดรเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ นายทองพูลก็เริ่มมั่นใจ และคลายอะไรออกมาบางอย่าง ในขณะเดียวกัน เมื่อตำรวจเดินทางไปขออนุมัติหมายจับนายครรชิตจากศาล พยานที่สำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้น"ทองพูล" จนทำให้ศาลอนุมัติหมายจับตามคำขอของพนักงานสอบสวน
คดีนี้ ชีวิตและครอบครัวของพยาน เริ่มตกอยู่ในอันตรายแล้ว ตั้งแต่นายครรชิตเดินทางเข้ามอบตัว และปฏิเสธข้อกล่าวหา ในขณะเดียวกัน ไฟแค้นที่ต้องชำระระหว่างตระกูล "ไกรวัตนุสสรณ์" กับ "ทับสุวรรณ" อาจจะลุกโชนขึ้นอีกครั้ง นับจากนาทีนี้ไปหรือไม่ อย่ากระพริบตา!