นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ตนได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการ กพค.หลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ย้ายออกจาก ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ว่าตนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กพค. เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 54 ต่อมาในวันที่ 15 ก.ย. ทาง กพค.ได้ส่งเรื่องให้นายกฯซึ่งนายกฯ มีเวลา 15 วัน ที่จะแก้คำร้องเรียนของตน ตามกฏหมาย แต่นายกฯ ได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วันรวมเป็น 45 วัน จากนั้นก็ขอขยายเวลาต่อไปอีก 30 วัน รวมเป็น 75 วัน
ทั้งนี้เมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทาง กพค.ได้แจ้งว่า นายกฯได้ทำเรื่องชี้แจงแก้ข้อร้องเรียนของตนมาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ คณะอนุกรรมการรับเรื่องร้องเรียนจะเปิดการไต่สวน ค้นหาความจริง
นายถวิลกล่าวถึงเนื้อหาในหนังสือแก้คำร้องของนายกฯ ที่ยื่นต่อ กพค.ว่า ตนได้อ่านแล้ว เห็นว่าไม่สมเหตุสมผล ที่จะอ้างว่าการโยกย้ายตน เพื่อให้มาช่วยงานด้านความมั่นคง หรือแม้แต่การระบุว่า คำพูดที่กดดันตนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับนายกฯ นั้น ตนคิดว่าฟังไม่ขึ้น เพราะข้อเท็จจริงตามคำร้องของตนนั้น ชัดเจนว่าเป็นการย้ายเพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ได้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่เรื่องนี้นายกฯ ก็ไม่ได้กล่าวถึง
อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดจะทำหนังสือโต้การแก้คำร้องของนายกฯ เพราะเกรงว่าอาจกลายเป็นช่องทางทำให้มีการประวิงเวลา ด้วยการโต้แย้งกลับ แต่ได้แสดงความจำนงต่อ กพค.แล้วว่า ตนพร้อมที่จะให้ข้อมูลด้วยวาจาเพิ่มเติม ว่าอะไรที่ไม่ตรงกับความจริง ในเนื้อหาที่นายกฯ แก้คำร้องส่งให้กพค.พิจารณา
เมื่อถามว่า การที่ผู้ถูกร้องเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของประเทศในเวลานี้ จะส่งผลกดดันต่อการพิจารณาของ กพค. ซึ่งเป็นข้าราชการประจำหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่าไม่มี เพราะตนเชื่อมั่นในความยุติธรรม ระบบคุณธรรม ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการได้ และยังเชื่อในกฏหแห่งกรรมว่า ทำกรรมดี ต้องได้รับกรรมดีตอบ
สำหรับที่หลายฝ่ายมองว่าจะเกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับกรณีที่ กระทรวงมหาดไทย เคยย้ายนายวงศ์ศักดิ์ เจริญวงศ์สักดิ์ อธิบดีกรมการปกครอง ออกไปและย้าย นายมงคล สุระสัจจะ มาเป็นแทน ซึ่งทาง กพค.ได้วินิจฉัยให้นายวงศ์ศักดิ์ กลับคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง แต่นายมงคล ยังนั่งแทนอยู่ ที่สุดแล้วก็ต้องย้ายนายมงคลออกไปก่อน ซึ่งนายมงคล ก็ไปฟ้องศาลปกครองอีก มันก็เป็นแนวปฏิบัติอยู่แล้ว ถ้าสมมุติว่า กพค. มีมติย้ายตน กลับไปที่เลขาฯ สมช. ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี เลขาฯ สมช. ก็ต้องไปร้องศาลปกครอง
" ข้าราชการถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับฝ่ายการเมือง ไม่ใช่เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งเป็นลูกไล่ อีกฝ่ายหนึ่ง และต่างคนต่างมีหน้าที่ตามขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งในส่วนระบบราชการ ก็มีระบบคุณธรรมปกป้องอยู่ คือ กพค. และศาลปกครอง ดังนั้น ข้ารชการต้องทำงานอย่างสุจริต โดยไม่ต้องแคร์อะไร เพราะวันหนึ่งก็ต้องพ้นหน้าที่ไปตามกติกา แต่สิ่งที่เหลือในชีวิต คือความภาคภูมิใจ"
นายถวิล ยังกล่าวถึงกรณีข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ยอมทำตามใบสั่งนักการเมือง กรณีออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ต้องยอมรับว่า เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว ข้าราชการก็ทำงานลำบาก ทางที่ดีที่สุดคือ การไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แม้ว่าฝ่ายการเมืองจะมีอำนาจ ในการกำหนดนโยบาย แต่ฝ่ายประจำ ก็ต้องทำภายใต้ขอบเขตของกฏหมาย อะไรที่ผิดกฏหมาย ต้องบอกว่าทำไม่ได้ แค่นี้ก็จบ ซึ่งตนยังเชื่อว่า มีข้าราชการที่คิดแบบนี้อยู่ในทุกหน่วยงาน เหมือนนักข่าว หากกลัวเหมือนกันหมด ก็คงไม่มีใครกล้าถามแบบตรงไปตรงมา
" ฝ่ายประจำต้องไม่ทำในสิ่งผิดกฏหมาย และต้องปฏิเสธ เพราะเราต้องพูดให้ชัดเจนว่า คำสั่งที่ขัดกฎหมาย ข้ราชการทำให้ไม่ได้ อย่าไปห่วงว่าจะกระทบต่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ แต่ต้องยอมรับว่า ข้าราชการหลายคนเป็นแบบนี้ และบางคนถึงกับยืมมือฝ่ายการเมืองมากลั่นแกล้งกันเองก็มี"
นายถวิล ยังกล่าวถึงการทำงานของสมช.หลังจากที่ตนถูกย้ายออกจากหน่วยงานดังกล่าวว่า ตนยังมั่นใจในข้าราชการที่ถูกฝึกปรือมาเพื่องานด้านความั่นคง แม้หัวจะเปลี่ยนจาก พล.ต.อ.วิเชียร ก็คงไม่มีผล สามารถทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองได้ แต่อยากให้คำนึงถึงการให้ความสำคัญกับคนที่ทำงานใน สมช.ไม่ควรเอาคนนอกเข้ามา เพราะเป็นการทำลายขวัญกำลังใจ ควรให้คนในได้เติบโตตามสายงานวิชาชีพของตัวเอง
ทั้งนี้หลังจากที่ตนถูกย้ายให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงนั้น ต้องบอกว่า บ้านเมืองไม่ได้ประโยชน์จากการอยู่ในตำแหน่งนี้ของตนเลย
" 4-5 เดือนที่ผ่านมา ผมอึดอัดเพราะไม่มีงานให้ทำ นายกฯบอกว่าให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านความมั่นคง มอบหมายงานให้ผมทำ แต่ท่านก็ไม่เคยมอบหมายอะไรให้ผมทำ บ้านเมืองก็เลยไม่ได้ประโยชน์อะไร ในการใช้ศักยภาพของผม เพื่อทำงานรับใช้ประเทศชาติ ผมคิดว่าความจริง ถ้าผมทำผิดไล่ผมออกเสียยังดีกว่า เพราะมันไม่ต้องเปลืองภาษี ของประชาชน ตำแหน่งที่ปรึกษาเหล่านี้ มีไว้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เป็นประโยชน์กับฝ่ายการเมือง ในการโยกย้ายข้าราชการระดับ 11 จะได้มีกรุเอาไว้รองรับ ผมอึดอัดมหาศาลเลย เงินเดือนผมรวมๆ แล้วเป็นแสนนะ แล้วผมไม่ได้ทำงาน มันก็เท่ากับโกง แต่ที่ผมยังทนอยู่ในระบบราชการ ไม่ลาออก เพราะผมไม่ยอมแพ้ ต้องสู้ต่อ และหวังว่าความเป็นธรรม จะหาเจอภายในชาตินี้ ไม่ต้องไปหาในชาติหน้า" นายถวิล กล่าว
ทั้งนี้เมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทาง กพค.ได้แจ้งว่า นายกฯได้ทำเรื่องชี้แจงแก้ข้อร้องเรียนของตนมาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ คณะอนุกรรมการรับเรื่องร้องเรียนจะเปิดการไต่สวน ค้นหาความจริง
นายถวิลกล่าวถึงเนื้อหาในหนังสือแก้คำร้องของนายกฯ ที่ยื่นต่อ กพค.ว่า ตนได้อ่านแล้ว เห็นว่าไม่สมเหตุสมผล ที่จะอ้างว่าการโยกย้ายตน เพื่อให้มาช่วยงานด้านความมั่นคง หรือแม้แต่การระบุว่า คำพูดที่กดดันตนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับนายกฯ นั้น ตนคิดว่าฟังไม่ขึ้น เพราะข้อเท็จจริงตามคำร้องของตนนั้น ชัดเจนว่าเป็นการย้ายเพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ได้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่เรื่องนี้นายกฯ ก็ไม่ได้กล่าวถึง
อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดจะทำหนังสือโต้การแก้คำร้องของนายกฯ เพราะเกรงว่าอาจกลายเป็นช่องทางทำให้มีการประวิงเวลา ด้วยการโต้แย้งกลับ แต่ได้แสดงความจำนงต่อ กพค.แล้วว่า ตนพร้อมที่จะให้ข้อมูลด้วยวาจาเพิ่มเติม ว่าอะไรที่ไม่ตรงกับความจริง ในเนื้อหาที่นายกฯ แก้คำร้องส่งให้กพค.พิจารณา
เมื่อถามว่า การที่ผู้ถูกร้องเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของประเทศในเวลานี้ จะส่งผลกดดันต่อการพิจารณาของ กพค. ซึ่งเป็นข้าราชการประจำหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่าไม่มี เพราะตนเชื่อมั่นในความยุติธรรม ระบบคุณธรรม ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการได้ และยังเชื่อในกฏหแห่งกรรมว่า ทำกรรมดี ต้องได้รับกรรมดีตอบ
สำหรับที่หลายฝ่ายมองว่าจะเกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับกรณีที่ กระทรวงมหาดไทย เคยย้ายนายวงศ์ศักดิ์ เจริญวงศ์สักดิ์ อธิบดีกรมการปกครอง ออกไปและย้าย นายมงคล สุระสัจจะ มาเป็นแทน ซึ่งทาง กพค.ได้วินิจฉัยให้นายวงศ์ศักดิ์ กลับคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง แต่นายมงคล ยังนั่งแทนอยู่ ที่สุดแล้วก็ต้องย้ายนายมงคลออกไปก่อน ซึ่งนายมงคล ก็ไปฟ้องศาลปกครองอีก มันก็เป็นแนวปฏิบัติอยู่แล้ว ถ้าสมมุติว่า กพค. มีมติย้ายตน กลับไปที่เลขาฯ สมช. ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี เลขาฯ สมช. ก็ต้องไปร้องศาลปกครอง
" ข้าราชการถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับฝ่ายการเมือง ไม่ใช่เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งเป็นลูกไล่ อีกฝ่ายหนึ่ง และต่างคนต่างมีหน้าที่ตามขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งในส่วนระบบราชการ ก็มีระบบคุณธรรมปกป้องอยู่ คือ กพค. และศาลปกครอง ดังนั้น ข้ารชการต้องทำงานอย่างสุจริต โดยไม่ต้องแคร์อะไร เพราะวันหนึ่งก็ต้องพ้นหน้าที่ไปตามกติกา แต่สิ่งที่เหลือในชีวิต คือความภาคภูมิใจ"
นายถวิล ยังกล่าวถึงกรณีข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ยอมทำตามใบสั่งนักการเมือง กรณีออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ต้องยอมรับว่า เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว ข้าราชการก็ทำงานลำบาก ทางที่ดีที่สุดคือ การไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แม้ว่าฝ่ายการเมืองจะมีอำนาจ ในการกำหนดนโยบาย แต่ฝ่ายประจำ ก็ต้องทำภายใต้ขอบเขตของกฏหมาย อะไรที่ผิดกฏหมาย ต้องบอกว่าทำไม่ได้ แค่นี้ก็จบ ซึ่งตนยังเชื่อว่า มีข้าราชการที่คิดแบบนี้อยู่ในทุกหน่วยงาน เหมือนนักข่าว หากกลัวเหมือนกันหมด ก็คงไม่มีใครกล้าถามแบบตรงไปตรงมา
" ฝ่ายประจำต้องไม่ทำในสิ่งผิดกฏหมาย และต้องปฏิเสธ เพราะเราต้องพูดให้ชัดเจนว่า คำสั่งที่ขัดกฎหมาย ข้ราชการทำให้ไม่ได้ อย่าไปห่วงว่าจะกระทบต่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ แต่ต้องยอมรับว่า ข้าราชการหลายคนเป็นแบบนี้ และบางคนถึงกับยืมมือฝ่ายการเมืองมากลั่นแกล้งกันเองก็มี"
นายถวิล ยังกล่าวถึงการทำงานของสมช.หลังจากที่ตนถูกย้ายออกจากหน่วยงานดังกล่าวว่า ตนยังมั่นใจในข้าราชการที่ถูกฝึกปรือมาเพื่องานด้านความั่นคง แม้หัวจะเปลี่ยนจาก พล.ต.อ.วิเชียร ก็คงไม่มีผล สามารถทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองได้ แต่อยากให้คำนึงถึงการให้ความสำคัญกับคนที่ทำงานใน สมช.ไม่ควรเอาคนนอกเข้ามา เพราะเป็นการทำลายขวัญกำลังใจ ควรให้คนในได้เติบโตตามสายงานวิชาชีพของตัวเอง
ทั้งนี้หลังจากที่ตนถูกย้ายให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงนั้น ต้องบอกว่า บ้านเมืองไม่ได้ประโยชน์จากการอยู่ในตำแหน่งนี้ของตนเลย
" 4-5 เดือนที่ผ่านมา ผมอึดอัดเพราะไม่มีงานให้ทำ นายกฯบอกว่าให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านความมั่นคง มอบหมายงานให้ผมทำ แต่ท่านก็ไม่เคยมอบหมายอะไรให้ผมทำ บ้านเมืองก็เลยไม่ได้ประโยชน์อะไร ในการใช้ศักยภาพของผม เพื่อทำงานรับใช้ประเทศชาติ ผมคิดว่าความจริง ถ้าผมทำผิดไล่ผมออกเสียยังดีกว่า เพราะมันไม่ต้องเปลืองภาษี ของประชาชน ตำแหน่งที่ปรึกษาเหล่านี้ มีไว้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เป็นประโยชน์กับฝ่ายการเมือง ในการโยกย้ายข้าราชการระดับ 11 จะได้มีกรุเอาไว้รองรับ ผมอึดอัดมหาศาลเลย เงินเดือนผมรวมๆ แล้วเป็นแสนนะ แล้วผมไม่ได้ทำงาน มันก็เท่ากับโกง แต่ที่ผมยังทนอยู่ในระบบราชการ ไม่ลาออก เพราะผมไม่ยอมแพ้ ต้องสู้ต่อ และหวังว่าความเป็นธรรม จะหาเจอภายในชาตินี้ ไม่ต้องไปหาในชาติหน้า" นายถวิล กล่าว
