"ถวิล" มั่นใจก.พ.ค.ให้ความเป็นธรรมได้ ซัดรัฐบาลอย่าคิดว่าได้เสียงเยอะแล้วทำตามอำเภอใจ ปูดรัฐบาลจ้องดึง"เด็กแม้ว" กลับนั่ง รองเลขาฯสมช. บอนไซลูกหม้อที่ทำงานกว่า 30 ปี ลั่นหากมาจริงจะนำคนทั้งองค์กร ต้านแน่
นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ว่า ก.พ.ค.ได้แจ้งมาว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 150 วัน และจะได้รับความเป็นธรรมด้วย
อย่างไรก็ตาม ระบบข้าราชการกับระบบการเมืองออกแบบมาให้ทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ให้ฝ่ายการเมืองอยู่เหนือ แม้จะได้รับเลือกมา 20-30 ล้านเสียงก็ตาม แต่ก็เป็นรัฐบาลที่มาจากภาคประชาชน
ส่วนระบบข้าราชการ แม้ในความเป็นจริงจะเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง แต่ในระบบการเติบโตทางการงานนั้น มีระบบคุณธรรมเป็นตัวตั้ง แม้ข้าราชการจะเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ก็สามารถทำงานได้เต็มที่ โดยจะต้องไม่เอาการเมืองเข้ามาแทรกแซง หรือทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
นายถวิล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีความพยายามเข้ามาแทรกแซงในองค์กร สมช. ด้วยความพยายามจะดึง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองเลขาธิการ สมช. สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กลับเข้ามาเป็นรองเลขาธิการ สมช. ซึ่งถือเป็นการทำลายขวัญกำลังใจข้าราชการที่ทำงานเติบโตมาในสมช.กว่า 20-30 ปี
หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็ต้องมีการต่อสู้ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะทนได้ ซึ่งตนพร้อมจะให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) กับความไม่เป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว
นายถวิล กล่าวว่าในอดีตที่ผ่านมาแม้มีคนนอกที่เป็นทหารเข้ามานั่งเป็นเลขาธิการ สมช. เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล หรือ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ซึ่งในยุคก่อนคนเหล่านี้เข้ามาทำงาน วางรากฐานการทำงานด้านความมั่นคง เนื่องจากมิติทางความมั่นคงที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับฝ่ายทหารที่ต้องการประสานขอความร่วมมือการทำงานด้วยกัน
แต่ยุคปัจจุบันกลับไม่มีความจำเป็น เนื่องจากข้าราชการภายในที่เติบโตมากว่า 20-30 ปี สามารถทำงานได้ จึงไม่จำเป็นต้องดึงคนนอกเข้ามา แต่หากคนนอกที่มาจากกองทัพ หรือหน่วยงานอื่นๆ จะเข้ามาเติบโตทางการงานใน สมช. ก็ควรจะเริ่มต้นในระดับซี 3-4 ก่อน แต่หากอยู่ๆ จะเข้ามาเป็นรองเลขาธิการสมช. ถือเป็นการทำลายขวัญกำลังใจและเป็นการรังแกคน สมช.
นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ว่า ก.พ.ค.ได้แจ้งมาว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 150 วัน และจะได้รับความเป็นธรรมด้วย
อย่างไรก็ตาม ระบบข้าราชการกับระบบการเมืองออกแบบมาให้ทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ให้ฝ่ายการเมืองอยู่เหนือ แม้จะได้รับเลือกมา 20-30 ล้านเสียงก็ตาม แต่ก็เป็นรัฐบาลที่มาจากภาคประชาชน
ส่วนระบบข้าราชการ แม้ในความเป็นจริงจะเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง แต่ในระบบการเติบโตทางการงานนั้น มีระบบคุณธรรมเป็นตัวตั้ง แม้ข้าราชการจะเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ก็สามารถทำงานได้เต็มที่ โดยจะต้องไม่เอาการเมืองเข้ามาแทรกแซง หรือทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
นายถวิล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีความพยายามเข้ามาแทรกแซงในองค์กร สมช. ด้วยความพยายามจะดึง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองเลขาธิการ สมช. สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กลับเข้ามาเป็นรองเลขาธิการ สมช. ซึ่งถือเป็นการทำลายขวัญกำลังใจข้าราชการที่ทำงานเติบโตมาในสมช.กว่า 20-30 ปี
หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็ต้องมีการต่อสู้ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะทนได้ ซึ่งตนพร้อมจะให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) กับความไม่เป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว
นายถวิล กล่าวว่าในอดีตที่ผ่านมาแม้มีคนนอกที่เป็นทหารเข้ามานั่งเป็นเลขาธิการ สมช. เช่น น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล หรือ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ซึ่งในยุคก่อนคนเหล่านี้เข้ามาทำงาน วางรากฐานการทำงานด้านความมั่นคง เนื่องจากมิติทางความมั่นคงที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับฝ่ายทหารที่ต้องการประสานขอความร่วมมือการทำงานด้วยกัน
แต่ยุคปัจจุบันกลับไม่มีความจำเป็น เนื่องจากข้าราชการภายในที่เติบโตมากว่า 20-30 ปี สามารถทำงานได้ จึงไม่จำเป็นต้องดึงคนนอกเข้ามา แต่หากคนนอกที่มาจากกองทัพ หรือหน่วยงานอื่นๆ จะเข้ามาเติบโตทางการงานใน สมช. ก็ควรจะเริ่มต้นในระดับซี 3-4 ก่อน แต่หากอยู่ๆ จะเข้ามาเป็นรองเลขาธิการสมช. ถือเป็นการทำลายขวัญกำลังใจและเป็นการรังแกคน สมช.