“ถวิล” มาตามนัด!! ยื่น ก.พ.ค.ร้องถูกเด้งพ้น เลขาฯ สมช. เล่น “ยิ่งลักษณ์” คนเดียว ชี้นายกฯ ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม หวังกรรมการฯ ที่พึ่งข้าราชการ ยังอุบข้อต่อสู้ พร้อมทำตำแหน่งใหม่ตามปกติ เผยได้ดูแผนความมั่นคง เสียใจแทนที่จะได้ทำงานกลับต้องมาวุ่นเรื่องตัวเอง เห็นพ้อง สมช.เลขาฯ ใหม่ต้องคนใน แต่รับคนอื่นจะมาใช้เป็นโมเดลไม่ได้
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมของข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ค.) นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ได้ทางมายื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกโยกย้ายจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยนางสายสุนีย์ ธูปทอง หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปของ ก.พ.ค.ได้มารับหนังสือร้องเรียน ทั้งนี้ นายถวิลกล่าวภายหลังยื่นหนังสือว่า คู่กรณีที่มีชื่อในการร้องเรียนคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้มีอำนาจในการบังคับบัญชาตนโดยตรง ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ก็รอว่า ก.พ.ค.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป อาจจะมีการเรียกตนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกก็แล้วแต่คณะกรรมการ หนังสือนี้เป็นการร้องทุกข์ที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้าย เพราะเห็นว่าการใช้อำนาจของนายกฯ นั้นไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ที่ในอดีตมีการยื่นแบบนี้ แต่ ก.พ.ค.ไม่รับพิจารณา เพราะเป็นอำนาจของการบริหาร นายถวิลกล่าวว่า ทาง ก.พ.ค.เป็นที่พึ่งของข้าราชการได้ ซึ่งตนก็มายื่น แต่ผลเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และตนหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากคณะกรรมการ ไม่ได้หวังผลว่าจะแพ้ชนะ แต่ขอให้ได้ต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ต่อข้อถามว่า ระหว่างที่ ก.พ.ค.พิจารณาเรื่องท่านจะไปรับตำแหน่งใหม่หรือไม่ นายถวิลกล่าวว่า ตนไปรายงานตัวแล้วเพราะต้องปฏิบัติตามมติครม.และนายกฯก็สั่งการแล้วตนก็ต้องไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านใดบ้าง นายถวิลกล่าวว่า เท่าที่ทราบได้รับมอบให้ดูแลงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินด้านความมั่นคง ซึ่งตอนที่ทำงานด้านนี้ก็ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว เมื่อถามว่า ข้อต่อสู้หลักที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรมคืออะไร นายถวิลกล่าวว่า เอาไว้ก่อน ต่อข้อถามว่าในคำร้องมีข้ออ้างทางกฎหมายอะไรบ้าง นายถวิล กล่าวว่า ในคำร้องที่ยื่นก็เป็นเรื่องใหม่ เพราะก.พ.ค.เพิ่งมีมาเมื่อปี 2551 และมีการตั้งกรรมการมาเมื่อ 2 ปีเศษ จึงมีเรื่องพิจารณาไม่มากนักและถือเป็นเรื่องใหม่ของข้าราชการ ซึ่งในแบบคำร้องของ ก.พ.ค.เพียงแต่ให้ระบุถึงการที่ไม่ได้ความเป็นธรรมอะไรบ้างและต้องการให้ ก.พ.ค.ช่วยเหลือและแก้ไขอะไรบ้าง
“ผมเสียใจอยู่นิดเดียวว่า ช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแทนที่จะได้ทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบก็ต้องมาเสียเวลาดูแลสิทธิของตัวเอง เรื่องของระบบคุณธรรมต่างๆ ก็เสียใจ ไม่อย่างนั้นผมก็จะได้ทำงานในสิ่งที่ผมถนัด ที่ผมรับผิดชอบอยู่” นายถวิลกล่าว
ต่อข้อถามว่า กรณีที่ข้าราชการสมช.ยื่นจดหมายเปิดผนึกคัดค้านการนำคนนอกมาเป็นเลขาธิการ สมช.นั้น นายถวิลกล่าวว่า ตนเห็นเหมือนข้าราชการเหล่านั้นเพราะตนก็เป็นลูกหม้อของสมช.เรื่องแบบนี้เห็นมานานแล้วว่าที่เติบโตมาตามสายงาน เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีขวัญกำลังใจและเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีขวัญกำลังใจเพราะนอกจากเรื่องอื่นแล้วก็มีเรื่องการเติบโตตามสายงานไปจนถึงขั้นสูงสุดในองค์กร ซึ่งถ้าตำแหน่งเหล่านั้นมาจากคนนอกอยู่เรื่อยๆและประจำ ข้าราชการก็ขวัญเสียเพราะเขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตของตัวเอง เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อถามว่า หากผู้บังคับบัญชามาจากสายงายอื่นจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายถวิลกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ก็เป็นปัญหาไม่สบายใจ หากตัวบุคคลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ด้วยระบบจะไม่สามารถทำให้เขาเติบโตได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ให้ข้าราชการยึด “ถวิลโมเดล” เป็นบทเรียนนั้น นายถวิลกล่าวว่า แต่ละกรณีแตกต่างกันออกไป จะไปใช้กรณีนี้เทียบเคียงกับกรณีอื่นไม่ได้เพราะต้องดูตามข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง แม้กระทั่งกรณีของอธิบดีกรมการปกครองก็ไม่เหมือนกับตน ที่เหมือนกันอย่างเดียวคือท่านกับตนมาร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งท่านได้รับการคุ้มครองแล้ว แต่ตนอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ต่อข้อถามว่า อยากให้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐานระหว่างการทำงานร่วมกันของข้าราชการกับนักการเมืองหรือไม่ นายถวิลกล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะเป็นบรรทัดฐานได้หรือไม่ แต่ความจริงแล้วฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำก็ต้องทำงานร่วมกันเพื่อชาติบ้านเมืองทั้งสองฝ่ายและหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายก็มีขอบเขตความรับผิดชอบ แต่เมื่อตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มาร้องขอ ซึ่งก็มีองค์กรคือ ก.พ.ค.รับเรื่องเหล่านี้