วานนี้ (12 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมของข้าราชการพลเรือน(ก.พ.ค.) นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกโยกย้ายจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) โดยนางสายสุนีย์ ธูปทอง หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป ของก.พ.ค. ได้มารับหนังสือร้องเรียน
นายถวิล กล่าวภายหลังว่า คู่กรณีที่มีชื่อในการร้องเรียนคือนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นผู้มีอำนาจในการบังคับบัญชาตนโดยตรง ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ก็รอว่าก.พ.ค.จะดำเนินการอย่างไร อาจจะมีการเรียกตนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม หนังสือฉบับนี้เป็นการร้องทุกข์ที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้าย เพราะเห็นว่าการใช้อำนาจของนายกฯนั้นไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม
ส่วนมีความกังวลหรือไม่ที่ในอดีตมีการยื่นลักษณะนี้ แต่ก.พ.ค.ไม่รับพิจารณา เพราะเป็นอำนาจของการบริหาร นายถวิล กล่าวว่า ทางก.พ.ค.เป็นที่พึ่งของข้าราชการได้ ซึ่งตนก็มายื่น แต่ผลเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และตนหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากคณะกรรมการ ไม่ได้หวังผลว่าจะแพ้ชนะ แต่ขอให้ได้ต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม
ส่วนระหว่างที่ก.พ.ค.กำลังพิจารณาจะไปรับตำแหน่งใหม่หรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ตนไปรายงานตัวแล้วเพราะต้องปฏิบัติตามมติครม.และนายกฯก็สั่งการแล้วตนก็ต้องไป อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบได้รับมอบให้ดูแลงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินด้านความมั่นคง ซึ่งตอนที่ทำงานด้านนี้ก็ทำงานด้านนี้อยู่
กรณีคำร้องมีข้ออ้างทางกฎหมายอะไรบ้าง นายถวิล กล่าวว่า ในคำร้องที่ยื่นก็เป็นเรื่องใหม่ เพราะก.พ.ค.เพิ่งมีมาเมื่อปี2551และมีการตั้งกรรมการมาเมื่อ 2 ปีเศษ จึงมีเรื่องพิจารณาไม่มากนักและถือเป็นเรื่องใหม่ของข้าราชการ ซึ่งในแบบคำร้องของก.พ.ค.เพียงแต่ให้ระบุถึงการที่ไม่ได้ความเป็นธรรมอะไรบ้างและต้องการให้ก.พ.ค.ช่วยเหลือและแก้ไขอะไรบ้าง
“ผมเสียใจอยู่นิดเดียว ว่าช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแทนที่จะได้ทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบก็ต้องมาเสียเวลาดูแลสิทธิของตัวเอง เรื่องของระบบคุณธรรมต่างๆก็เสียใจไม่อย่างนั้นผมก็จะได้ทำงานในสิ่งที่ผมถนัด ที่ผมรับผิดชอบอยู่”นายถวิลกล่าว
**ยอมรับลูกน้อง สมช.เสียขวัญ
ต่อข้อถามว่า กรณีที่ข้าราชการสมช.ยื่นจดหมายเปิดผนึกคัดค้านการนำคนนอกมาเป็นเลขาธิการสมช.นั้น นายถวิล กล่าวว่าตนเห็นเหมือนข้าราชการเหล่านั้นเพราะตนก็เป็นลูกหม้อของสมช.เรื่องแบบนี้เห็นมานานแล้วว่าที่เติบโตมาตามสายงาน เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีขวัญกำลังใจและเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีขวัญกำลังใจเพราะนอกจากเรื่องอื่นแล้วก็มีเรื่องการเติบโตตามสายงานไปจนถึงขั้นสูงสุดในองค์กร ซึ่งถ้าตำแหน่งเหล่านั้นมาจากคนนอกอยู่เรื่อยๆและประจำ ข้าราชการก็ขวัญเสียเพราะเขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตของตัวเอง เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อถามว่าหากผู้บังคับบัญชามาจากสายงายอื่นจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ก็เป็นปัญหาไม่สบายใจ หากตัวบุคคลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ด้วยระบบจะไม่สามารถทำให้เขาเติบโตได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ให้ข้าราชการยึด "ถวิล โมเดล"เป็นบทเรียนนั้น นายถวิล กล่าวว่า แต่ละกรณีแตกต่างกันออกไป จะไปใช้กรณีนี้เทียบเคียงกับกรณีอื่นไม่ได้เพราะต้องดูตามข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง แม้กระทั่งกรณีของอธิบดีกรมการปกครองก็ไม่เหมือนกับตน ที่เหมือนกันอย่างเดียวคือท่านกับตนมาร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งท่านได้รับการคุ้มครองแล้ว แต่ตนอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ต่อข้อถามว่า อยากให้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐานระหว่างการทำงานร่วมกันของข้าราชการกับนักการเมืองหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะเป็นบรรทัดฐานได้หรือไม่ แต่ความจริงแล้วฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำก็ต้องทำงานร่วมกันเพื่อชาติบ้านเมืองทั้งสองฝ่ายและหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายก็มีขอบเขตความรับผิดชอบ แต่เมื่อตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มาร้องขอ ซึ่งก็มีองค์กรคือก.พ.ค.รับเรื่องเหล่านี้
**“เหลิม”ปิดปากงดให้ความเห็น
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ เตรียมยื่นร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ก.พ.ค.อาจจะไม่รับเรื่องที่นายถวิลร้อง รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น และไม่อยากไปทะเลาะกับนายถวิล ตนไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระ จะทำอะไรก็เชิญ ตนจะปราบยาเสพติดอย่างเดียวแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการโยกย้ายนายวิเชียร ชวลิต ออกจากกระทรวงมหาดไทย ที่มีข่าวว่าจะนำเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (13 ก.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของนายกฯ ตนไม่อยากแสดงความเห็น เพราะเป็นงานนอกหน้าที่
เมื่อถามว่า การที่จะเอาคนมาใช้งานเป็นนโยบายและเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ถูก แต่ตอนนี้มีบางคนกำลังเข้าใจผิดที่บอกว่าย้ายบางคน แต่ตนไม่ขอระบุชื่อ เหมือนกับกรณีของนายวงศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ความจริงนั้นไม่ใช่ เพราะกรณีนายวงศักดิ์ เป็นการย้ายโดยรมว.มหาดไทย แต่บางคนย้ายโดยนายกฯ และอาศัยอำนาจระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 10 ซึ่งเป็นคนละเรื่อง
**อ้าง“ถวิล-วงษ์ศักดิ์”เทียบเคียงไม่ได้
“ อ่านหนังสือ อย่าไปอ่านเพียงครึ่งบท ต้องอ่านให้เต็มบท ผมว่าเลิกกันเสียทีข่าวลือข่าวปล่อยทั้งหลาย หรือที่ว่ารัฐบาลจะทำโน่นทำนี่ ผมขอถามหน่อยว่ารัฐบาลที่ไหนจะกล้าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย พวกผมกินข้าวนะไม่ใช่กินแกลบ ผมภาวะนาอยากให้ฝ่ายค้านยื่นกระทู้สักถามมาเลย ติดใจสงสัยเรื่องอะไรก็ถามว่าจะได้จบๆกันสักที รัฐบาลจะได้มีเวลาทำงานอื่นบ้าง ผมจะได้ไปทำงานปราบปรามยาเสพติด ถ้าผมไม่พูดก็มาหาว่าผมถูกห้าม ไม่มีใครห้ามผมหรอก บังเอิญผมเกิดมาเป็นคนช่างพูด แต่ถ้าเรื่องที่ไม่ถูกต้องผมก็ไม่พูด ถ้าผมชี้แจงไม่ได้ก็ไม่เอาด้วย ไม่ใช่จะพูดได้ทุกเรื่องมันต้องมีเหตุมีผล มีกฎเกณฑ์กติกาและถูกต้องชอบธรรม สังคมจะได้รู้ความจริง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องมาเขย่าผมหรอก ตอนเป็นฝ่ายค้านผมยังไม่กลัวคุณเลย แล้ววันนี้มีอะไรน่ากลัว ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ากรณีของนายถวิลและนายวงศักดิ์เทียบเคียงกันไม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า คนย้ายก็คนละคนแล้ว แล้วจะไปเทียบเคียงกันได้อย่างไร กรณีของนายวงศักดิ์ถูกโยกย้าย เพราะไม่ทำตามใจฝ่ายการเมือง เขาให้ทำโน่นทำนี่ก็ไม่ทำ
**ส.ว.จี้ “เหลิม” ยึดหลักคุณธรรม
ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาโดยมี พลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเจ้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยพ.ต.อ.สนทยา แสงเภา ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการำตำรวจประจำปี ตนขอฝากไปถึงร.ต.อ.เฉลิม ที่ดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ขอให้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายโดยให้ความสำคัญกับการใช้คุณธรรม จริยธรรม ความมีอาวุโส และขอให้คืนความเป็นธรรม กับผู้ที่ถูกแต่งตั้งโยกย้ายในรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย
ด้านพล.อ.อ.วีระวิทย์ คงศักด์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลจะแต่งตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทนนายถวิล เปลียนศรี ตนมีข้อกังวล 3 ประการ ที่ขอฝากไปยังรัฐบาล คือ งานความมั่นคงในยุคใหม่มีการขยายขอบเขตกว้างและซับซ้อนมากขึ้น เลขาฯ สมช. คนใหม่ ควรมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการปรับรูปงานความมั่นคงใหม่ โดยต้องวางแผนปฏิรูปไปสู่ความเป็นสากลให้ได้ งานความมั่นคงเป็นงานที่ต้องวางยุทธศาสตร์ ที่ต้องมีการตัดสินใจในการวางยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อน และรวดเร็ว บทเรียนที่ผ่านมา การที่เลขาธิการ สมช. มีความอ่อนด้อยในความรู้ ประสบการณ์ ทำให้การวางยุทธศาสตร์ไม่ถูกต้องและเสี่ยงต่อการที่จะทำให้ประเทศต้องได้รับความเสียหายด้านความมั่นคง เลขาธิการสมช.จึงต้องมีความรู้ความสามารถ และเป็นมืออาชีพ และเลขาธิการสมช. ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการประสานงานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ
ดังนั้นการเลือกเลขาธิการ สมช. รัฐบาลต้องทำได้วยความรอบคอบ เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นผู้เดือดร้อนคือ รัฐบาล
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ที่เดินทางมารอตอบกระทู้ถามสด จึงขอโอกาสชี้แจงว่า ตนมีวาระมาตอบเรื่องเงินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เมื่อสมาชิกให้ข้อสังเกตเรื่องนี้ ตนจะรับข้อสังเกตไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป
**โผโยกย้ายมท.-สธ.วันนี้
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่13 ก.ย.นี้กระทรวงมหาดไทย จะเสนอให้ครม.พิจารณาแต่งตั้งให้นายสมคิด ใจยิ้ม ผู้อำนวยการสอบสวนและนิติกร กรมการปกครอง ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
นอกจากนี้ครม.จะพิจารณาตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ(สธ.) 2 ตำแหน่งคือ 1.แต่งตั้ง นางจรุงศรี โกสินทรเสนีย์ ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ไปดำรงตำแหน่ง ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ และ2.แต่งตั้งนางสาวดารณี หมู่ขจรพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาเชี่ยวชาญ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไปดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาเชี่ยวชาญ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
**คาดโยกขรก.ล๊อตใหญ่ 20 ก.ย.
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนกระแสข่าวที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง โดยอาจจะโยก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จากรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปนั่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และจะมีการโยกพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย จากที่ปรึกษากระทรวงไอซีที ไปเป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ส่วนนายชาติชาย สุทธิกรม จะโดนเขี่ยไปเป็นผู้ตรวจราชการก.ยุติธรรม
ส่วนกระทรวงมหาดไทย คาดว่า นายวิเชียร ชวลิตจะถูกโยกออกจากปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยแต่งตั้งนายพระนาย สุวรณรัฐ เป็นปลัดกระทรวง
รายงานข่าวแจ้งว่า คาดว่าการเสนอโยกย้าย ระดับ 11 ดังกล่าวอาจจะต้องเลื่อนไปจนถึงวันที่ 20 ก.ย.นี้ เนื่องจากติดขั้นตอนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ที่จะต้องรับรายงานการประชุมของคณะกรรมการ กพ. มาใช้ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง (คณะกรรมการว.15)
**ยงยุทธปัดชงครม.เด้งปลัดมท.
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าว ถึงกระแสข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ แทนนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน ซึ่งอาจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ย.เพียงว่า “ไม่มีๆ ถ้ามีก็เลิกคบกันได้เลย”
**พท.จวกสมัย ปชป.ย้ายไม่มีระบบ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาปลุกระดมให้ข้าราชการออกมาคัดค้านเรื่องการโยกย้ายข้าราชการที่อ้างว่ามีการโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ว่า รัฐบาลดำเนินการโยกย้ายตามฤดูการโยกย้ายและสิ้นปีงบประมาณ และรัฐบาลก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตรงกันข้ามกับสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่มีการโยกย้ายอย่างไม่เป็นระบบ
**“ปชป.จี้หยุดย้ายเซ่นอำนาจใหม่
นายเทพไท เสนพงศ์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่า ที่อ้างถึงการโยกย้ายในสมช.ในยุคประชาธิปัตย์ กรณี พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยการและแต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงองค์กรที่เอาลูกหม้อของสมช.มาแทนคนนอกที่เข้ามารับตำแหน่งในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่กรณีการโยกย้ายนายถวิลที่ถูกย้ายออกไป กลับเอาคนนอกเข้ามานั่งตำแหน่งแทนคนใน
นายถวิล กล่าวภายหลังว่า คู่กรณีที่มีชื่อในการร้องเรียนคือนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นผู้มีอำนาจในการบังคับบัญชาตนโดยตรง ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ก็รอว่าก.พ.ค.จะดำเนินการอย่างไร อาจจะมีการเรียกตนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม หนังสือฉบับนี้เป็นการร้องทุกข์ที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้าย เพราะเห็นว่าการใช้อำนาจของนายกฯนั้นไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม
ส่วนมีความกังวลหรือไม่ที่ในอดีตมีการยื่นลักษณะนี้ แต่ก.พ.ค.ไม่รับพิจารณา เพราะเป็นอำนาจของการบริหาร นายถวิล กล่าวว่า ทางก.พ.ค.เป็นที่พึ่งของข้าราชการได้ ซึ่งตนก็มายื่น แต่ผลเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และตนหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากคณะกรรมการ ไม่ได้หวังผลว่าจะแพ้ชนะ แต่ขอให้ได้ต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม
ส่วนระหว่างที่ก.พ.ค.กำลังพิจารณาจะไปรับตำแหน่งใหม่หรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ตนไปรายงานตัวแล้วเพราะต้องปฏิบัติตามมติครม.และนายกฯก็สั่งการแล้วตนก็ต้องไป อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบได้รับมอบให้ดูแลงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินด้านความมั่นคง ซึ่งตอนที่ทำงานด้านนี้ก็ทำงานด้านนี้อยู่
กรณีคำร้องมีข้ออ้างทางกฎหมายอะไรบ้าง นายถวิล กล่าวว่า ในคำร้องที่ยื่นก็เป็นเรื่องใหม่ เพราะก.พ.ค.เพิ่งมีมาเมื่อปี2551และมีการตั้งกรรมการมาเมื่อ 2 ปีเศษ จึงมีเรื่องพิจารณาไม่มากนักและถือเป็นเรื่องใหม่ของข้าราชการ ซึ่งในแบบคำร้องของก.พ.ค.เพียงแต่ให้ระบุถึงการที่ไม่ได้ความเป็นธรรมอะไรบ้างและต้องการให้ก.พ.ค.ช่วยเหลือและแก้ไขอะไรบ้าง
“ผมเสียใจอยู่นิดเดียว ว่าช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแทนที่จะได้ทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบก็ต้องมาเสียเวลาดูแลสิทธิของตัวเอง เรื่องของระบบคุณธรรมต่างๆก็เสียใจไม่อย่างนั้นผมก็จะได้ทำงานในสิ่งที่ผมถนัด ที่ผมรับผิดชอบอยู่”นายถวิลกล่าว
**ยอมรับลูกน้อง สมช.เสียขวัญ
ต่อข้อถามว่า กรณีที่ข้าราชการสมช.ยื่นจดหมายเปิดผนึกคัดค้านการนำคนนอกมาเป็นเลขาธิการสมช.นั้น นายถวิล กล่าวว่าตนเห็นเหมือนข้าราชการเหล่านั้นเพราะตนก็เป็นลูกหม้อของสมช.เรื่องแบบนี้เห็นมานานแล้วว่าที่เติบโตมาตามสายงาน เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีขวัญกำลังใจและเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีขวัญกำลังใจเพราะนอกจากเรื่องอื่นแล้วก็มีเรื่องการเติบโตตามสายงานไปจนถึงขั้นสูงสุดในองค์กร ซึ่งถ้าตำแหน่งเหล่านั้นมาจากคนนอกอยู่เรื่อยๆและประจำ ข้าราชการก็ขวัญเสียเพราะเขาไม่สามารถมองเห็นอนาคตของตัวเอง เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อถามว่าหากผู้บังคับบัญชามาจากสายงายอื่นจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ก็เป็นปัญหาไม่สบายใจ หากตัวบุคคลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ด้วยระบบจะไม่สามารถทำให้เขาเติบโตได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ให้ข้าราชการยึด "ถวิล โมเดล"เป็นบทเรียนนั้น นายถวิล กล่าวว่า แต่ละกรณีแตกต่างกันออกไป จะไปใช้กรณีนี้เทียบเคียงกับกรณีอื่นไม่ได้เพราะต้องดูตามข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง แม้กระทั่งกรณีของอธิบดีกรมการปกครองก็ไม่เหมือนกับตน ที่เหมือนกันอย่างเดียวคือท่านกับตนมาร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งท่านได้รับการคุ้มครองแล้ว แต่ตนอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ต่อข้อถามว่า อยากให้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐานระหว่างการทำงานร่วมกันของข้าราชการกับนักการเมืองหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะเป็นบรรทัดฐานได้หรือไม่ แต่ความจริงแล้วฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำก็ต้องทำงานร่วมกันเพื่อชาติบ้านเมืองทั้งสองฝ่ายและหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายก็มีขอบเขตความรับผิดชอบ แต่เมื่อตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มาร้องขอ ซึ่งก็มีองค์กรคือก.พ.ค.รับเรื่องเหล่านี้
**“เหลิม”ปิดปากงดให้ความเห็น
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ เตรียมยื่นร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ก.พ.ค.อาจจะไม่รับเรื่องที่นายถวิลร้อง รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น และไม่อยากไปทะเลาะกับนายถวิล ตนไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระ จะทำอะไรก็เชิญ ตนจะปราบยาเสพติดอย่างเดียวแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการโยกย้ายนายวิเชียร ชวลิต ออกจากกระทรวงมหาดไทย ที่มีข่าวว่าจะนำเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (13 ก.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของนายกฯ ตนไม่อยากแสดงความเห็น เพราะเป็นงานนอกหน้าที่
เมื่อถามว่า การที่จะเอาคนมาใช้งานเป็นนโยบายและเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ถูก แต่ตอนนี้มีบางคนกำลังเข้าใจผิดที่บอกว่าย้ายบางคน แต่ตนไม่ขอระบุชื่อ เหมือนกับกรณีของนายวงศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ความจริงนั้นไม่ใช่ เพราะกรณีนายวงศักดิ์ เป็นการย้ายโดยรมว.มหาดไทย แต่บางคนย้ายโดยนายกฯ และอาศัยอำนาจระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 10 ซึ่งเป็นคนละเรื่อง
**อ้าง“ถวิล-วงษ์ศักดิ์”เทียบเคียงไม่ได้
“ อ่านหนังสือ อย่าไปอ่านเพียงครึ่งบท ต้องอ่านให้เต็มบท ผมว่าเลิกกันเสียทีข่าวลือข่าวปล่อยทั้งหลาย หรือที่ว่ารัฐบาลจะทำโน่นทำนี่ ผมขอถามหน่อยว่ารัฐบาลที่ไหนจะกล้าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย พวกผมกินข้าวนะไม่ใช่กินแกลบ ผมภาวะนาอยากให้ฝ่ายค้านยื่นกระทู้สักถามมาเลย ติดใจสงสัยเรื่องอะไรก็ถามว่าจะได้จบๆกันสักที รัฐบาลจะได้มีเวลาทำงานอื่นบ้าง ผมจะได้ไปทำงานปราบปรามยาเสพติด ถ้าผมไม่พูดก็มาหาว่าผมถูกห้าม ไม่มีใครห้ามผมหรอก บังเอิญผมเกิดมาเป็นคนช่างพูด แต่ถ้าเรื่องที่ไม่ถูกต้องผมก็ไม่พูด ถ้าผมชี้แจงไม่ได้ก็ไม่เอาด้วย ไม่ใช่จะพูดได้ทุกเรื่องมันต้องมีเหตุมีผล มีกฎเกณฑ์กติกาและถูกต้องชอบธรรม สังคมจะได้รู้ความจริง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องมาเขย่าผมหรอก ตอนเป็นฝ่ายค้านผมยังไม่กลัวคุณเลย แล้ววันนี้มีอะไรน่ากลัว ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ากรณีของนายถวิลและนายวงศักดิ์เทียบเคียงกันไม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า คนย้ายก็คนละคนแล้ว แล้วจะไปเทียบเคียงกันได้อย่างไร กรณีของนายวงศักดิ์ถูกโยกย้าย เพราะไม่ทำตามใจฝ่ายการเมือง เขาให้ทำโน่นทำนี่ก็ไม่ทำ
**ส.ว.จี้ “เหลิม” ยึดหลักคุณธรรม
ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาโดยมี พลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเจ้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยพ.ต.อ.สนทยา แสงเภา ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการำตำรวจประจำปี ตนขอฝากไปถึงร.ต.อ.เฉลิม ที่ดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ขอให้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายโดยให้ความสำคัญกับการใช้คุณธรรม จริยธรรม ความมีอาวุโส และขอให้คืนความเป็นธรรม กับผู้ที่ถูกแต่งตั้งโยกย้ายในรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย
ด้านพล.อ.อ.วีระวิทย์ คงศักด์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลจะแต่งตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทนนายถวิล เปลียนศรี ตนมีข้อกังวล 3 ประการ ที่ขอฝากไปยังรัฐบาล คือ งานความมั่นคงในยุคใหม่มีการขยายขอบเขตกว้างและซับซ้อนมากขึ้น เลขาฯ สมช. คนใหม่ ควรมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการปรับรูปงานความมั่นคงใหม่ โดยต้องวางแผนปฏิรูปไปสู่ความเป็นสากลให้ได้ งานความมั่นคงเป็นงานที่ต้องวางยุทธศาสตร์ ที่ต้องมีการตัดสินใจในการวางยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อน และรวดเร็ว บทเรียนที่ผ่านมา การที่เลขาธิการ สมช. มีความอ่อนด้อยในความรู้ ประสบการณ์ ทำให้การวางยุทธศาสตร์ไม่ถูกต้องและเสี่ยงต่อการที่จะทำให้ประเทศต้องได้รับความเสียหายด้านความมั่นคง เลขาธิการสมช.จึงต้องมีความรู้ความสามารถ และเป็นมืออาชีพ และเลขาธิการสมช. ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการประสานงานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ
ดังนั้นการเลือกเลขาธิการ สมช. รัฐบาลต้องทำได้วยความรอบคอบ เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นผู้เดือดร้อนคือ รัฐบาล
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ที่เดินทางมารอตอบกระทู้ถามสด จึงขอโอกาสชี้แจงว่า ตนมีวาระมาตอบเรื่องเงินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เมื่อสมาชิกให้ข้อสังเกตเรื่องนี้ ตนจะรับข้อสังเกตไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป
**โผโยกย้ายมท.-สธ.วันนี้
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่13 ก.ย.นี้กระทรวงมหาดไทย จะเสนอให้ครม.พิจารณาแต่งตั้งให้นายสมคิด ใจยิ้ม ผู้อำนวยการสอบสวนและนิติกร กรมการปกครอง ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
นอกจากนี้ครม.จะพิจารณาตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ(สธ.) 2 ตำแหน่งคือ 1.แต่งตั้ง นางจรุงศรี โกสินทรเสนีย์ ทันตแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ไปดำรงตำแหน่ง ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านทันตกรรม กลุ่มงานทันตกรรม กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ และ2.แต่งตั้งนางสาวดารณี หมู่ขจรพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาเชี่ยวชาญ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไปดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาเชี่ยวชาญ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
**คาดโยกขรก.ล๊อตใหญ่ 20 ก.ย.
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนกระแสข่าวที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง โดยอาจจะโยก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จากรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปนั่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และจะมีการโยกพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย จากที่ปรึกษากระทรวงไอซีที ไปเป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ส่วนนายชาติชาย สุทธิกรม จะโดนเขี่ยไปเป็นผู้ตรวจราชการก.ยุติธรรม
ส่วนกระทรวงมหาดไทย คาดว่า นายวิเชียร ชวลิตจะถูกโยกออกจากปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยแต่งตั้งนายพระนาย สุวรณรัฐ เป็นปลัดกระทรวง
รายงานข่าวแจ้งว่า คาดว่าการเสนอโยกย้าย ระดับ 11 ดังกล่าวอาจจะต้องเลื่อนไปจนถึงวันที่ 20 ก.ย.นี้ เนื่องจากติดขั้นตอนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ที่จะต้องรับรายงานการประชุมของคณะกรรมการ กพ. มาใช้ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง (คณะกรรมการว.15)
**ยงยุทธปัดชงครม.เด้งปลัดมท.
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าว ถึงกระแสข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ แทนนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน ซึ่งอาจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ย.เพียงว่า “ไม่มีๆ ถ้ามีก็เลิกคบกันได้เลย”
**พท.จวกสมัย ปชป.ย้ายไม่มีระบบ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาปลุกระดมให้ข้าราชการออกมาคัดค้านเรื่องการโยกย้ายข้าราชการที่อ้างว่ามีการโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ว่า รัฐบาลดำเนินการโยกย้ายตามฤดูการโยกย้ายและสิ้นปีงบประมาณ และรัฐบาลก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตรงกันข้ามกับสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่มีการโยกย้ายอย่างไม่เป็นระบบ
**“ปชป.จี้หยุดย้ายเซ่นอำนาจใหม่
นายเทพไท เสนพงศ์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่า ที่อ้างถึงการโยกย้ายในสมช.ในยุคประชาธิปัตย์ กรณี พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยการและแต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนนั้น เป็นการเปลี่ยนแปลงองค์กรที่เอาลูกหม้อของสมช.มาแทนคนนอกที่เข้ามารับตำแหน่งในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่กรณีการโยกย้ายนายถวิลที่ถูกย้ายออกไป กลับเอาคนนอกเข้ามานั่งตำแหน่งแทนคนใน