ส.ว.เตือน กก.ฎีกาอย่ามีธง หวั่นปลุกขัดแย้ง “เหลิม” แจงลั่นรัฐไม่ทำผิด กม.

“ส.ว.สมชาย” ชี้ฎีกาอภัยโทษต้องเป็นไปตามกฎหมายทำแทนไม่ได้ ยัน “นช.แม้ว” หนีคุกไม่อยู่ในสถานะถวาย เตือน กก.ยธ.อย่ามีธง หวั่นปลุกขัดแย้ง “ส.ว.วีระวิทย์” แนะเลขาฯ สมช.ใหม่ต้องเชี่ยวชาญ จี้รัฐรอบคอบ “ส.ว.สนธยา” แนะตั้งบิ๊ก ตร.ใช้หลักคุณธรรม ยึดอาวุโส คืนความเป็นธรรมพวกโดน “มาร์ค” เด้ง ด้าน “เฉลิม” โผล่แจง อ้างเห็นฎีกาไม่ตรงกัน ยันรัฐไม่ทำผิดกฎหมาย


วันนี้ (12 ก.ย.) ที่รัฐสภา การประชุวุฒิสภา โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาเรื่องการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย โดยหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการถวายฎีกาทางการเมือง กรณีการถวายฎีกามีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดเงื่อนไขวิธีการไว้อย่างชัดเจน การขอพระราชทานอภัยโทษไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำอย่างไร เมื่อใดก็ได้ การขอพระราชทานอภัยโทษต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ผู้ที่ถูกพิพากษาให้รับโทษต้องเป็นผู้ถวายฎีกาเอง ทนายความไม่สามารถทำแทนได้ ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่นักโทษเด็ดขาดและไม่ได้ถูกขังไว้ตามหมายจำคุก จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะถวายฎีกา ขณะที่ประชาชนที่เข้าชื่อก็ไม่ใช่ญาติของอดีตนายกรัฐมนตรี ตนไม่ขัดหากญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นผู้ยื่นเอง แต่ต้องไม่ใช่มวลชนที่ถูกครอบงำความคิดให้เชื่อว่าสามารถเป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงฝากคณะกรรมการฯ ว่าอย่ามีธง เพราะเรื่องนี้อาจนำไปสู่ความขัดแย้งขึ้นได้ โดยขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะดำเนินการเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมารอชี้แจงรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินกองทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า กรณีเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องของหลายคนหลายมุมมองที่มีความไม่ตรงกัน การมีความเห็นไม่ตรงกันของนักกฎหมายเป็นเรื่องธรรดา เพราะแม้แต่ศาลยังมีถึง 3 ศาล ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย โดยเรื่องใดขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม รัฐบาลชุดนี้จะไม่ทำโดยเด็ดขาด

ขณะที่ พล.อ.อ.วีระวิทย์ คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลจะแต่งตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทนนายถวิล เปลี่ยนศรี ตนมีข้อกังวล 3 ประการที่ขอฝากไปยังรัฐบาล คือ งานความมั่นคงในยุคใหม่มีการขยายขอบเขตกว้างและซับซ้อนมากขึ้น เลขาฯ สมช.คนใหม่ควรมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการปรับรูปงานความมั่นคงใหม่ โดยต้องวางแผนปฏิรูปไปสู่ความเป็นสากลให้ได้ งานความมั่นคงเป็นงานที่ต้องวางยุทธศาสตร์ที่ต้องมีการตัดสินใจในการวางยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนและรวดเร็ว บทเรียนที่ผ่านมาการที่เลขาธิการ สมช.มีความอ่อนด้อยในความรู้ ประสบการณ์ทำให้การวางยุทธศาสตร์ไม่ถูกต้องและเสี่ยงต่อการที่จะทำให้ประเทศต้องได้รับความเสียหายด้านความมั่นคง เลขาธิการ สมช.จึงต้องมีความรู้ความสามารถและเป็นมืออาชีพ และเลขาธิการ สมช.ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการประสานงานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ดังนั้น การเลือกเลขาธิการ สมช.รัฐบาลต้องทำได้ด้วยความรอบคอบ เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นผู้เดือดร้อนคือรัฐบาล

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมได้ขอโอกาสชี้แจงว่า ตนมีวาระมาตอบเรื่องเงินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เมื่อสมาชิกให้ข้อสังเกตเรื่องนี้ตนจะรับข้อสังเกตไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทางด้าน พ.ต.อ.สนธยา แสงเภา ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการตำรวจประจำปี ขอฝากไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม ขอให้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายโดยให้ความสำคัญกับการใช้คุณธรรม จริยธรรม ความมีอาวุโส และขอให้คืนความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกแต่งตั้งโยกย้ายในรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย ทั้งนี้ สำหรับการใช้ชุดปฏิบัติการสนธิกำลังระหว่างกองทัพและตำรวจชุด 315 เมื่อรัฐบาลยืนยันจะให้คงชุดเฉพาะกิจ 315 ไว้ควรต้องจัดงบประมาณให้ด้วย