อดีตเลขาฯ สมช. เผย ก.พ.ค.ตั้งกรรมการพิจารณาคำร้องแล้ว เชื่อเสร็จก่อน 150 วัน ได้รับความเป็นธรรมแน่ ยันข้าราชการนักการเมืองต้องทำงานร่วมกัน ไม่ใช่มาอยู่เหนือกว่า ด้านสมัชชาประชาชน โผล่มอบดอกไม้ “ไชยวัฒน์” ชูลุกสู้ความเป็นธรรม เสียดาย กกต.ตาบอดไม่เห็นใครบงการเพื่อไทย สับรัฐเก่า-ใหม่ไม่กล้ายืนยันดินแดนเขมร ชี้หากช่วย “วีระ” ได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ ลั่นพร้อมเคลื่อนไหวทวงคืนพระวิหารแน่
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ว่า ก.พ.ค.ได้แจ้งมาว่าขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยตนเชื่อว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จก่อนภายใน 150 วัน และจะได้รับความเป็นธรรมด้วย อย่างไรก็ตาม ระบบข้าราชการกับระบบการเมืองออกแบบมาให้ทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ให้ฝ่ายการเมืองอยู่เหนือ แม้จะได้รับเลือกมา 20-30 ล้านเสียงก็ตาม แต่ก็เป็นรัฐบาลที่มาจากภาคประชาชน แต่ส่วนระบบข้าราชการ แม้ในความเป็นจริงจะเป็นเครื่องมือของข้าราชการ แต่ในระบบการเติบโตทางการงานนั้น มีระบบคุณธรรมเป็นตัวตั้ง แม้ข้าราชการจะเป็นเครื่องมือของรัฐบาลก็สามารถทำงานได้เต็มที่ โดยจะต้องไม่เอาการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
ขณะที่ กลุ่มสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาฯ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ และ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ได้เดินทางมามอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นกำลังใจให้ นายถวิล โดยนายไชยวัฒน์กล่าวว่า นายถวิลเป็นบุคคลตัวอย่างที่มีน้อย ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความชอบธรรมในการทำงานของข้าราชการ แต่ผู้ที่จะมาแทนในตำแหน่งเลขาฯสมช.นั้น กลับไม่มีจิตสำนึกที่จะกล้าต่อสู้เหมือนนายถวิล แม้จะผ่านกรอบของการหล่อหลอมการเป็นตำรวจมาแล้วก็ตาม ซึ่งในการทำงาน สมช.ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาทำก็ได้ เรารู้ว่าพรรคเพื่อไทยใครคือตัวบงการทำตัวเสมอหนึ่งหัวหน้าพรรคเสียเอง ซึ่งน่าเสียดายที่ กกต.มองไม่เห็นแต่ประชาชนมองเห็น แม้แต่กรณีโผทหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดา ก็เป็นผู้บงการ
นายไชยวัฒน์กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองคนไทยที่ถูกจับและรับโทษจำคุกข้อหาเป็นสายลับในกัมพูชาว่า ขณะนี้มีการลดหย่อนผ่อนโทษจากทางกัมพูชาแล้ว แต่หากนายวีระ และ น.ส.ราตรี กลับมายังไทยก็ต้องถูกควบคุมต่อในคดีชุมนุมสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ตามข้อกล่าวหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ดี ยกเว้นรัฐบาลจะสั่งให้กองปราบปรามประกันตัว แต่ความจริงแล้วนายวีระก็ไม่มีสิทธิได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เพราะว่านายวีระไม่มีความผิด ไม่เหมือนคนชื่อทักษิณ อันนี้ผิด แต่รัฐบาลไทยกับไปจับมือชูธงกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่านายวีระ และน.ส.ราตรีผิด ก็ยังดีที่รัฐบาลผู้หญิงนำไม่พูดสิ่งเหล่านี้ แต่สิ่งที่ทั้งสองพรรคไม่กล้าพูดเหมือนกัน คือ ไม่กล้ายืนยันว่าดินแดนข้อพิพาทนั้นเป็นของใคร
นายไชยวัฒน์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนยินดีและยอมรับการช่วยเหลือของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่จะไม่ถือเป็นบุญคุณและการลบล้างความผิด ตนขอพูดตรงๆ ว่ากลับมาก็ดีกว่าติดคุก และคนทั้งสองกลับมาในประเทศเมื่อไหร่ เราจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไทย ไม่ให้ตกเป็นของกัมพูชา แต่หากทั้งสองคนถูกควบคุมนานเกินไปเราก็อาจจะเคลื่อนไหวเลยก็เป็นได้