นายถาวร เสนเนียม รมว.ยุติธรรม เงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงเวลานี้ เพราะข้ออ้างที่รัฐบาลต้องการให้แก้ไขในมาตราต่างๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศเลย ยกเว้นแต่จะมีวาระซ่อนเร้น หรือสับขาหลอก ของพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก เท่านั้น
นายถาวร กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลพยายามจะออก พ.ร.ก.อภัยโทษ แล้วถูกจับได้ไล่ทัน ก็บอกว่าไม่ใช่ไม่จริง พอจะออก พ.ร.บ.นิรโทษ ก็จับได้ แล้วบอกว่าไม่ใช่อีก แล้วหันไปยืมมือ คณะนิติราษฎร์ เสนอให้ล้มล้างการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 เพื่อเริ่มต้นใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งนั้น เพราะการเคลื่อนไหวหรือ จัดกิจกรรมแต่ละครั้ง ต้องใช้เงิน ถามว่าใครจะออก ไม่มีใครกล้าใช้งินเป็นพันๆล้าน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดมา
** แฉงาบ 35 %โครงการฟื้นฟู
ดังนั้นเชื่อว่า หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องแก้ ม. 309 แน่นอน เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ทั้งหมดที่ทำมา ทั้งเรื่องการยึดทรัพย์ หรือ คดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกิดจาก รธน. ปี 49 และประกาศที่เกี่ยวข้องของ คมช. เป็นอันโมฆะ แต่ปิดบังซ้อนเร้นโดยตั้งส.ส.ร.3 ขึ้นมา เขาต้องได้เสียงข้างมากอย่างแน่นอนจากการเลือกตั้ง 71 คน หรือ 22 คน จากการสรรหา
" ดังนั้นผมขอเรียกร้องให้พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะเท่าที่ฟังประเด็นที่จะแก้ ก็เรื่องของการยุบพรรคที่มีมาตั้งแต่ปี 40 หรือเรื่องการห้าม ส.ส.ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญ ปี 50 ยังผ่อนคลายด้วยซ้ำไป เรื่องอื่นๆ ยังไม่อยู่ในสถานะที่จำเป็น ฉะนั้นจำเป็นเรื่องเดียวคือ เอาเจ้าของเงิน เจ้าของพรรคกลับบ้านโดยไม่ติดคุก ขอให้หยุดก่อน ถ้าฝ่าฝืนดันทุรัง วิกฤตทักษิณ จะกลับมารอบสองแน่นอน เพราะต้องมีการปะทะของทั้งสองฝ่าย ถ้าเห็นแก่บ้านเมือง ก็ขอให้ยุติเรื่องนี้ แล้วหันไปแก้ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น เพราะเริ่มได้กลิ่นว่ามา เริ่มมีการเรียกใต้โต๊ะ คืนเงินทอนก่อนได้รับใบอนุญาตจัดสรร ร้อยละ 35 ของโครงการบูรณะซ่อมแซม เยียวยา หลังน้ำท่วม มีการจัดสรรกัน รัฐมนตรีแต่ละรายว่าได้โควต้ากันกี่ร้อยล้านพันล้าน รัฐมนตรีบางคนก็ให้ลูกน้องออกไปเร่ขายกับผู้รับเหมา โดยผมจะประสานกับ ส.ว. และภาคประชาชน คอยตรวจสอบต่อไป จึงขอปราม และอย่าคิดว่าประชาชนและฝ่ายค้านไม่รู้อะไร ขอให้นายกรัฐมนตรี จริงใจกับนโยบายในเรื่องของการปราบปรามการทุจริต อย่างเด็ดขาด" นายถาวร กล่าว
**ห้ามแตะมาตรา 309
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ควรจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร นายถาวร กล่าวว่า ตนจะเสนอกับคณะกรรมการบริหารพรรคว่า เราต้องคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่น เพราะหากยอมให้มีการแก้ไข ไม่สามารถรับประกันได้ว่า พรรคเพื่อไทย จะมีการยัดไส้ แก้ไขมาตราที่ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ และหากเลยไปถึงขั้นทำประชามติ อาจจะมีการนำมาอ้างใช้ในการทำตามอำเภอใจ เหมือนที่เขาอ้างเรื่อง 15 ล้านเสียง ต้องการให้คืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นตนเกรงว่า อาจจะคัดค้านช้าไปหรือไม่
ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคเคยมีการโหวต ไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิดว่าในครั้งนี้ จะต้องมีการโหวตภายในพรรคอีกหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่าถ้ามีความจำเป็นก็ต้องโหวต แต่ตนเชื่อว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ที่เคยสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น จะมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เพราะท่านต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และครั้งนี้จะเป็นการทำเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา จึงมั่นใจว่านายสุเทพ ไม่เอาด้วยแน่
อย่างไรก็ตาม ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขมาตราใดบ้าง ถ้าไม่แตะมาตรา 309 เลย เราอาจจะพิจารณาดูอีกที แต่ถ้าแตะมาตรา 309 เมื่อไร พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เอาด้วยแน่นอน
** แก้ ม.112 เมื่อไรเจอกัน
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงนั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ ในการฟ้องร้องหมิ่นประมาท โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเคารพของคนไทย ที่เราสามารถดำเนินการฟ้องร้องหมิ่นประมาทแทนสถาบันฯได้ ทำไมรัฐบาลต้องมุ่งมั่นที่จะแก้ไขมาตรานี้ ทั้งที่เห็นชัดว่า จะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไข ม.112 มีขั้นตอนที่ง่ายกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย มีเสียงข้างมากในสภา ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะใช้วิธีการใดคัดค้าน
" แม้เราจะแพ้เสียงในสภา แต่เชื่อว่า คนไทยจำนวนมากจะไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ รัฐบาลอ้าง15 ล้านเสียง แต่ประชาชนเขามอบหมายให้มาบริหารประเทศ ไม่ใช่ให้มาทำอะไรตามใจชอบ แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่า อีก 45 ล้านคน จะชอบใจหรือไม่ ผมบอกได้เลยว่า ถ้ารัฐบาลดำเนินการแก้ มาตรา 112 เมื่อไร จะมีประชาชนจำนวนมาก รวมถึงผม และคนสงขลา ออกมาคัดค้าน ซึ่งมากกว่าแสนคน ที่ออกมาตอนปี 53 อย่างแน่นอน" นายถาวร กล่าว
**ต้องประชาพิจารณ์ก่อนประชามติ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่า กระแสการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ มีแนวโน้มนำไปสู่การเผชิญหน้าและความแตกแยกในสังคมอีกครั้ง หากรัฐบาลมีเป้าหมายเพียงเพื่อยกเลิก มาตรา 309 หวังเปิดทางให้มีการนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่คำนึงถึงเสียงคัดค้าน
"อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 มาจากกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะขั้นตอนก่อนบังคับใช้ มีกระบวนการลงประชามติ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ จนในที่สุดประชาชนเสียงข้างมากลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยจำนวนเสียง 14.7 ล้านเสียง ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียว และฉบับแรกที่มีการออกเสียงประชามติให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ไม่ผูกขาดโดยรัฐสภาเท่านั้น แม้รัฐสภาหรือ สนช.ในขณะนั้นจะมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารก็ตาม"
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า ผู้ริเริ่มเสนอแก้รัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ควรยึดถือบรรทัดฐานนี้ เมื่อรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน ถ้าจะแก้ไขก็ควรให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ หรือทำประชามติว่าจะแก้ไขหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลควรจัดให้มีลงการประชามติในประเด็นว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถามแค่ประเด็นเดียวก็พอ ไม่ควรพ่วงประเด็นอื่นแทรกเข้ามา ถ้าเห็นสมควรแก้ไข ก็ค่อยไปว่ากันในกระบวนการยกร่าง โดยเฉพาะรูปแบบการตั้ง ส.ส.ร.
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 กำหนดไว้ชัดว่า ก่อนวันลงประชามติไม่น้อยกว่า 45 วัน กกต.จะต้องจัดให้มีการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอย่างเปิดเผย กว้างขวาง และเท่าเทียมเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจ
นอกจากนี้ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนบังคับใช้รัฐธรรมนูญก็ควรให้ประชาชนเป็นคนลงประชามติตัดสินใจว่า จะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
หากพรรคเพื่อไทยเพิกเฉยเสียงคัดค้านก็ควรไปดูบทเรียนสมัยนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ที่มุ่งหมายจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกผิดพ.ต.ท.ทักษิณ จนนำไปสู่วิกฤติการณ์ทางการเมือง และพ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เสี่ยงที่จะปล่อยให้น้องสาวที่เขารัก ต้องบอบช้ำและพบจุดจบทางการเมืองเหมือนรัฐบาลนอมินีก่อนหน้านี้
** จี้"ปู"พูดให้ชัดมีส.ส.ร.3หรือไม่
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่า จะมีการตั้ง ส.ส.ร. 3 และทำประชามติหรือไม่ เพราะท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร. 3 เพราะเสียเวลานาน และขณะนี้สังคมที่ได้รับฟังข่าวสาร จึงเกิดความสับสน
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้จัดทำพิมพ์เขียวที่ชัดเจน คือ หากตั้ง ส.ส.ร. 3 โครงสร้างการได้มาเป็นเช่นไร ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือการสรรหา และมีความเป็นกลางมากน้อยเพียงใด ร่วมทั้งการเสนอประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้
**พท.ถกเรื่องแก้รธน.27 ธ.ค.นี้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมพรรคในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ซึ่งที่ประชุมจะหารือเรื่องกม.ต่างๆ ที่จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่ง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ของส.ส.พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นนโยบายที่แถลงเอาไว้ในสภาฯ รวมถึงเป็นนโยบายที่พรรคใช้หาเสียง จึงถือว่าเป็นสัญญาประชาคมที่ต้องดำเนินการ ส่วนจะแก้ไขอย่างไร มาตราใดนั้นวันนี้ยังระบุไม่ได้ เพราะต้องแก้มาตรา 291 ก่อน เพื่อให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)มาดำเนินการแก้ไข
" ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้แก้เพื่อคนๆเดียวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเคารพเสียงประชาชน ทั้งนี้หากมีการแก้ไข ก็จะมีการทำประชามติ ดังนั้นอยากให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดพฤติกรรมบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่าเป็นขี้แพ้ชวนตี" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
** พท.ใส่เกียร์ถอยยันไม่แก้ ม.112
นายพร้อมพงศ์ ยังถึงกรณีการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ขณะนี้มีการกระบวนการพยามบิดเบือนรัฐธรรมนูญว่า จะมีการแก้ มาตรา 112 ซึ่งทราบมาว่า มีการจุดกระแสให้มีม็อบ ซึ่งพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญา และพรรคไม่ได้หาเสียงไว้ และรัฐบาลไม่เคยประกาศแก้ไข
ดังนั้น มาตรา 112 ไม่มีการแก้ไขจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน จึงอยากเตือนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่ามั่ว ที่พยามโยงประเด็นนี้เป็นประเด็นการเมือง วันนี้ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่มีการแก้ มาตรา 112 แน่นอน และอย่านำประเด็นนี้มาจุดไฟการเมือง
นายถาวร กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลพยายามจะออก พ.ร.ก.อภัยโทษ แล้วถูกจับได้ไล่ทัน ก็บอกว่าไม่ใช่ไม่จริง พอจะออก พ.ร.บ.นิรโทษ ก็จับได้ แล้วบอกว่าไม่ใช่อีก แล้วหันไปยืมมือ คณะนิติราษฎร์ เสนอให้ล้มล้างการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 เพื่อเริ่มต้นใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งนั้น เพราะการเคลื่อนไหวหรือ จัดกิจกรรมแต่ละครั้ง ต้องใช้เงิน ถามว่าใครจะออก ไม่มีใครกล้าใช้งินเป็นพันๆล้าน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดมา
** แฉงาบ 35 %โครงการฟื้นฟู
ดังนั้นเชื่อว่า หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องแก้ ม. 309 แน่นอน เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ทั้งหมดที่ทำมา ทั้งเรื่องการยึดทรัพย์ หรือ คดีอาญาของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกิดจาก รธน. ปี 49 และประกาศที่เกี่ยวข้องของ คมช. เป็นอันโมฆะ แต่ปิดบังซ้อนเร้นโดยตั้งส.ส.ร.3 ขึ้นมา เขาต้องได้เสียงข้างมากอย่างแน่นอนจากการเลือกตั้ง 71 คน หรือ 22 คน จากการสรรหา
" ดังนั้นผมขอเรียกร้องให้พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะเท่าที่ฟังประเด็นที่จะแก้ ก็เรื่องของการยุบพรรคที่มีมาตั้งแต่ปี 40 หรือเรื่องการห้าม ส.ส.ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญ ปี 50 ยังผ่อนคลายด้วยซ้ำไป เรื่องอื่นๆ ยังไม่อยู่ในสถานะที่จำเป็น ฉะนั้นจำเป็นเรื่องเดียวคือ เอาเจ้าของเงิน เจ้าของพรรคกลับบ้านโดยไม่ติดคุก ขอให้หยุดก่อน ถ้าฝ่าฝืนดันทุรัง วิกฤตทักษิณ จะกลับมารอบสองแน่นอน เพราะต้องมีการปะทะของทั้งสองฝ่าย ถ้าเห็นแก่บ้านเมือง ก็ขอให้ยุติเรื่องนี้ แล้วหันไปแก้ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น เพราะเริ่มได้กลิ่นว่ามา เริ่มมีการเรียกใต้โต๊ะ คืนเงินทอนก่อนได้รับใบอนุญาตจัดสรร ร้อยละ 35 ของโครงการบูรณะซ่อมแซม เยียวยา หลังน้ำท่วม มีการจัดสรรกัน รัฐมนตรีแต่ละรายว่าได้โควต้ากันกี่ร้อยล้านพันล้าน รัฐมนตรีบางคนก็ให้ลูกน้องออกไปเร่ขายกับผู้รับเหมา โดยผมจะประสานกับ ส.ว. และภาคประชาชน คอยตรวจสอบต่อไป จึงขอปราม และอย่าคิดว่าประชาชนและฝ่ายค้านไม่รู้อะไร ขอให้นายกรัฐมนตรี จริงใจกับนโยบายในเรื่องของการปราบปรามการทุจริต อย่างเด็ดขาด" นายถาวร กล่าว
**ห้ามแตะมาตรา 309
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ควรจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร นายถาวร กล่าวว่า ตนจะเสนอกับคณะกรรมการบริหารพรรคว่า เราต้องคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่น เพราะหากยอมให้มีการแก้ไข ไม่สามารถรับประกันได้ว่า พรรคเพื่อไทย จะมีการยัดไส้ แก้ไขมาตราที่ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ และหากเลยไปถึงขั้นทำประชามติ อาจจะมีการนำมาอ้างใช้ในการทำตามอำเภอใจ เหมือนที่เขาอ้างเรื่อง 15 ล้านเสียง ต้องการให้คืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นตนเกรงว่า อาจจะคัดค้านช้าไปหรือไม่
ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคเคยมีการโหวต ไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิดว่าในครั้งนี้ จะต้องมีการโหวตภายในพรรคอีกหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่าถ้ามีความจำเป็นก็ต้องโหวต แต่ตนเชื่อว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ที่เคยสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น จะมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เพราะท่านต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และครั้งนี้จะเป็นการทำเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา จึงมั่นใจว่านายสุเทพ ไม่เอาด้วยแน่
อย่างไรก็ตาม ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขมาตราใดบ้าง ถ้าไม่แตะมาตรา 309 เลย เราอาจจะพิจารณาดูอีกที แต่ถ้าแตะมาตรา 309 เมื่อไร พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เอาด้วยแน่นอน
** แก้ ม.112 เมื่อไรเจอกัน
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงนั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ ในการฟ้องร้องหมิ่นประมาท โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเคารพของคนไทย ที่เราสามารถดำเนินการฟ้องร้องหมิ่นประมาทแทนสถาบันฯได้ ทำไมรัฐบาลต้องมุ่งมั่นที่จะแก้ไขมาตรานี้ ทั้งที่เห็นชัดว่า จะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไข ม.112 มีขั้นตอนที่ง่ายกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย มีเสียงข้างมากในสภา ทางพรรคประชาธิปัตย์ จะใช้วิธีการใดคัดค้าน
" แม้เราจะแพ้เสียงในสภา แต่เชื่อว่า คนไทยจำนวนมากจะไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ รัฐบาลอ้าง15 ล้านเสียง แต่ประชาชนเขามอบหมายให้มาบริหารประเทศ ไม่ใช่ให้มาทำอะไรตามใจชอบ แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่า อีก 45 ล้านคน จะชอบใจหรือไม่ ผมบอกได้เลยว่า ถ้ารัฐบาลดำเนินการแก้ มาตรา 112 เมื่อไร จะมีประชาชนจำนวนมาก รวมถึงผม และคนสงขลา ออกมาคัดค้าน ซึ่งมากกว่าแสนคน ที่ออกมาตอนปี 53 อย่างแน่นอน" นายถาวร กล่าว
**ต้องประชาพิจารณ์ก่อนประชามติ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่า กระแสการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ มีแนวโน้มนำไปสู่การเผชิญหน้าและความแตกแยกในสังคมอีกครั้ง หากรัฐบาลมีเป้าหมายเพียงเพื่อยกเลิก มาตรา 309 หวังเปิดทางให้มีการนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่คำนึงถึงเสียงคัดค้าน
"อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 มาจากกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะขั้นตอนก่อนบังคับใช้ มีกระบวนการลงประชามติ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ จนในที่สุดประชาชนเสียงข้างมากลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วยจำนวนเสียง 14.7 ล้านเสียง ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียว และฉบับแรกที่มีการออกเสียงประชามติให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ไม่ผูกขาดโดยรัฐสภาเท่านั้น แม้รัฐสภาหรือ สนช.ในขณะนั้นจะมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารก็ตาม"
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า ผู้ริเริ่มเสนอแก้รัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ควรยึดถือบรรทัดฐานนี้ เมื่อรัฐธรรมนูญมาจากประชาชน ถ้าจะแก้ไขก็ควรให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ หรือทำประชามติว่าจะแก้ไขหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลควรจัดให้มีลงการประชามติในประเด็นว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถามแค่ประเด็นเดียวก็พอ ไม่ควรพ่วงประเด็นอื่นแทรกเข้ามา ถ้าเห็นสมควรแก้ไข ก็ค่อยไปว่ากันในกระบวนการยกร่าง โดยเฉพาะรูปแบบการตั้ง ส.ส.ร.
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 กำหนดไว้ชัดว่า ก่อนวันลงประชามติไม่น้อยกว่า 45 วัน กกต.จะต้องจัดให้มีการประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอย่างเปิดเผย กว้างขวาง และเท่าเทียมเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจ
นอกจากนี้ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนบังคับใช้รัฐธรรมนูญก็ควรให้ประชาชนเป็นคนลงประชามติตัดสินใจว่า จะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
หากพรรคเพื่อไทยเพิกเฉยเสียงคัดค้านก็ควรไปดูบทเรียนสมัยนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ที่มุ่งหมายจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกผิดพ.ต.ท.ทักษิณ จนนำไปสู่วิกฤติการณ์ทางการเมือง และพ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เสี่ยงที่จะปล่อยให้น้องสาวที่เขารัก ต้องบอบช้ำและพบจุดจบทางการเมืองเหมือนรัฐบาลนอมินีก่อนหน้านี้
** จี้"ปู"พูดให้ชัดมีส.ส.ร.3หรือไม่
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่า จะมีการตั้ง ส.ส.ร. 3 และทำประชามติหรือไม่ เพราะท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร. 3 เพราะเสียเวลานาน และขณะนี้สังคมที่ได้รับฟังข่าวสาร จึงเกิดความสับสน
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้จัดทำพิมพ์เขียวที่ชัดเจน คือ หากตั้ง ส.ส.ร. 3 โครงสร้างการได้มาเป็นเช่นไร ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือการสรรหา และมีความเป็นกลางมากน้อยเพียงใด ร่วมทั้งการเสนอประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้
**พท.ถกเรื่องแก้รธน.27 ธ.ค.นี้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมพรรคในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ซึ่งที่ประชุมจะหารือเรื่องกม.ต่างๆ ที่จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่ง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ของส.ส.พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นนโยบายที่แถลงเอาไว้ในสภาฯ รวมถึงเป็นนโยบายที่พรรคใช้หาเสียง จึงถือว่าเป็นสัญญาประชาคมที่ต้องดำเนินการ ส่วนจะแก้ไขอย่างไร มาตราใดนั้นวันนี้ยังระบุไม่ได้ เพราะต้องแก้มาตรา 291 ก่อน เพื่อให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)มาดำเนินการแก้ไข
" ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้แก้เพื่อคนๆเดียวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเคารพเสียงประชาชน ทั้งนี้หากมีการแก้ไข ก็จะมีการทำประชามติ ดังนั้นอยากให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดพฤติกรรมบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่าเป็นขี้แพ้ชวนตี" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
** พท.ใส่เกียร์ถอยยันไม่แก้ ม.112
นายพร้อมพงศ์ ยังถึงกรณีการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ขณะนี้มีการกระบวนการพยามบิดเบือนรัฐธรรมนูญว่า จะมีการแก้ มาตรา 112 ซึ่งทราบมาว่า มีการจุดกระแสให้มีม็อบ ซึ่งพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญา และพรรคไม่ได้หาเสียงไว้ และรัฐบาลไม่เคยประกาศแก้ไข
ดังนั้น มาตรา 112 ไม่มีการแก้ไขจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน จึงอยากเตือนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่ามั่ว ที่พยามโยงประเด็นนี้เป็นประเด็นการเมือง วันนี้ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่มีการแก้ มาตรา 112 แน่นอน และอย่านำประเด็นนี้มาจุดไฟการเมือง