ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-กล่าวสำหรับปี 2554 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่านับเป็นห้วงปีแห่งความโศกเศร้าของประเทศไทยและประชาชนคนไทยเกือบทั้งประเทศที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ "ภัยพิบัติน้ำท่วม" ซึ่งได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล ทั้งความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ทั้งความสูญเสียด้านชีวิต ตลอดรวมถึงสภาพจิตใจอย่างเหลือคณานับชนิดที่ไม่อาจประเมินค่าได้เลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ ภัยพิบัติจึงเป็นสิ่งน่าหวาดกลัวของคนไทยทั้งประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคนไทยคงจะอยากทราบถึงอนาคต ดวงชะตาของประเทศไทยเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติที่กำลังมาถึงในปี 2555 ว่าจะมีความน่ากลัวมากหรือน้อยกว่าปี 2554 เพียงใด
เริ่มจากอาจารย์อรรถวิโรจน์ ศรีตุลา โหรดังของเมืองไทย บอกว่า เรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมโคจรอยู่กับดวงประเทศไทยมา 4 ปีแล้ว คือดาวมฤตยูอยู่ราศีมีนซึ่งเป็นธาตุน้ำ และจะยังมีภัยพิบัติที่เกี่ยวกับน้ำไปอีก 2-3 ปี ไปสิ้นสุดในปี 2558 เหตุที่น้ำท่วมเยอะปีที่ผ่านมาเพราะว่าดาวราหูมาอยู่ธาตุน้ำ คือราศีพิจิก จึงทำให้น้ำเกิดพลังแรงมาก
เมื่อถามว่าช่วงเดือนไหนของปี 2555 น่ากลัวเป็นพิเศษ อ.อรรถวิโรจน์บอกว่าเป็นช่วงเดือนมีนาคมเพราะเป็นราศีธาตุน้ำ และอาทิตย์ไปเข้ากับราศีธาตุน้ำเลยอาจให้เกิดภัยพิบัติขึ้นอีกได้ ที่จะแรงขึ้นเพราะว่าอาทิตย์ได้ทำมุมไปเล็งราศีมีนธาตุน้ำ น้ำก็จะหมดไปเมื่ออาทิตย์เริ่มเข้าราศีธาตุไฟ คือช่วงหลังกลางเดือนพฤศจิกายน และจะไปเจอใหม่ในช่วงวันที่ 12 มีนาคม 2555 เป็นต้นไป แต่เรื่องภัยพิบัติน้ำต้องเฝ้าระวังไปอีก 3 ปี ช่วงที่แรงที่สุดก็จะเป็นช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม และกรกฎาคม ซึ่งจะมีเหตุให้คนเสียชีวิตเยอะจากโรคภัย ภัยพิบัติ ปัญหาทางชายแดน ปัญหายาเสพติด เพราะราหูยังโคจรอยู่ราศีนี้อยู่ แต่ประเทศไทยก็คงสามารถเอาตัวรอดไปได้
"ถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ปัจจัยอย่างสึนามิ หรือลมพายุก็อาจจะมีอยู่ หรืออาจเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงอย่างคนไปทำลายเขื่อน เขื่อนแตก ภัยพิบัติทางทะเล และควรระวังสิ่งที่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ และจะไปหมดในช่วงวันที่ 13 เมษายนเป็นต้นไปและเดือนมีนาคม ที่ว่าอาจจะเชื่อมโยงไปทั่วโลกก็ได้ไม่ได้จำเพาะแค่ในประเทศไทย ซึ่งถ้าจะกระทบถึงประเทศไทยก็ให้ระวังเรื่องสงครามทางน้ำ เช่น แล่นเรือไปอยู่ในน่านน้ำประเทศอื่น หรือเรือเดินสมุทรที่บรรทุกน้ำมัน เกิดพายุทางทะเล ก็เป็นสิ่งที่พึงควรระวัง"
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า ปี 2555 จะมีเหตุการณ์เขื่อนยักษ์แตกหรือไม่ อ.อรรถวิโรจน์ กล่าวว่า แนวโน้มอาจจะมีการก่อวินาศกรรมหรือมาขู่ขวัญได้เช่นกัน เนื่องจากต่างชาติเห็นว่าเป็นจุดอ่อนของประเทศไทย ต่อไปจึงต้องระวังเรื่องเขื่อน และระวังทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วม และต้องทำภายใน 3ปี เพราะดาวมฤตยูจะเคลื่อนไปสู่ราศีเมถุน คือธาตุไฟ ซึ่งจะทำให้เกิดสงครามวินาศกรรม มาทับซ้ำดวงประเทศด้วย
"ดาวมฤตยูมาอยู่ราศีเมถุน จะอยู่นานเป็นเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปลายปี 2558 ซึ่งมีเกณฑ์ว่าอาจจะเกิดสงคราม เกี่ยวกับไฟ อาทิน้ำมันระเบิด เกิดสงคราม ถ้าเกิดเหตุน้ำท่วมก็คงจะหนักเลย"
"มีข้อเสนอแนะคนทั้งประเทศ ช่วงที่ดาวมฤตยูมาอยู่ราศีเมถุน 7 ปี ก็เป็นที่น่ากลัวว่าอาจจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับดวงเมือง ในสมัยโบราณก็จะมีการหาฤกษ์สร้างดวงเมืองใหม่เพื่อให้พ้นจากราศีเมถุนไป ซึ่งที่ผมลองคำนวณดูจะเป็นวันที่ 1เดือนกุมภาพันธ์ ปี2556 ถ้าเปลี่ยนดวงเมืองใหม่จะทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองมาก ไม่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น ถ้าจะเกิดขึ้นก็คงอีกนานมาก โดยสมัยก่อนในสมัยรัชกาลที่ 1 ก็มีพิธีใหญ่ แต่ที่ผมพูดถึงคือแค่ย้ายดวงเมืองก็ด้วยการ ยกเสาหลักเมืองขึ้น เสียบเข้าไปใหม่ หรือไปเอาเสาใหม่มาทำ แต่ก็ต้องเป็นพิธีที่ถูกต้องตามหลัก ประเด็นคือย้ายดวงเมืองไปอยู่ราศีมังกร เพราะกว่าดาวมฤตยูจะมาถึงราศีมังกรก็เป็นอีกเป็นร้อยปี "
เมื่อถามถึงภัยพิบัติในแต่ละภาคของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรนั้น อ.อรรถวิโรจน์ ได้เปิดไพ่ยิปซีราหูและพยากรณ์ว่า สำหรับกรุงเทพมหานคร จะไม่เกิดน้ำท่วม ส่วนภาคใต้ ก็จะรอดจากภัยพิบัติน้ำท่วม ส่วนทางภาคอีสานก็จะรอด ส่วนทางภาคกลางก็จะรอดเช่นกัน
"ที่ต้องระวังเป็นที่สุด คือภาคเหนือ เพราะอย่างที่เห็นไพ่เปิดมาเป็น Death สัญลักษณ์ของความตาย ฉะนั้นคนที่ไปเที่ยวทางภาคเหนือจึงต้องระวังไว้เป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดเขื่อนถล่ม แผ่นดินถล่ม พายุถล่ม มีน้ำไหลหลาก ไม่ใช่หมายถึงทางเหนือสุดอย่างจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แต่จะลากลงมาถึงจังหวัดพิษณุโลก พิจิตรก็มีความเป็นไปได้ ก็คือยังเป็นพื้นที่เหนือตอนล่าง ซึ่งพื้นที่ทางภาคเหนือก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้เพราะมีภูมิศาสตร์เป็นภูเขา มีเขื่อนใหญ่ มีพื้นที่เป็นแอ่งน้ำ มีแผ่นดินไหว เป็นไปได้ทั้งนั้น"อรรถวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ โสรัจจะ นวลอยู่ เจ้าของฉายานอสตราดามุสเมืองไทย ได้พยากรณ์ว่าปี 2555จะเป็นปีที่เมืองไทยเข้าสู่วิกฤตหนักหลายเรื่อง เนื่องการเดินทางของดวงบาปเคราะห์ ที่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เริ่มตั้งแต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะมีขึ้นตั้งแต่ปี 2555 โดยเกิดพายุโซนร้อน ขึ้นที่จังหวัดทางภาคเหนือและอีสาน
โหรโสรัจจะบอกว่าประเทศไทยในปี 2555 มีสิ่งที่น่าจะเพ่งเล็ง คือเดือน มกราคม, กุมภาพันธ์, มีนาคม เริ่มเกิดความวิบัติทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพายุโซนร้อนหลายระลอก เป็นสิ่งวิปริตอาเพศเพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเลย น้ำท่วมจังหวัดในภาคเหนืออย่างรุนแรงเป็นแรมเดือน แล้วก็ลามลงมาภาคกลางไปจนทั่วประเทศ และรวมทั้งภาคใต้ด้วย สูญเสียผู้คนจำนวนมากและเสียหายเงินเหลือคณานับ ไร่นา ปศุสัตว์ล่ม กรุงเทพฯ ก็จมอยู่ในน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวฝั่งธนบุรี และเหตุการณ์เช่นเดิมนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้งในเดือน มิถุนายน, กรกฎาคม, สิงหาคม, กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน และธันวาคม ประชาชนชาวไทยที่ยากจนจำต้องเผชิญกับความทุกข์ยากที่หนักและรุนแรงกว่าปีก่อน ๆ เสียหายยับเยินไปทั่วทุกจังหวัด และทั่วทั้งประเทศเฉลี่ยไปโดยทั่วถึงกัน เป็นทุพภิกขภัยโดยแท้
อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่า ประเทศไทยในปี 2555 จะเกิดเหตุการณ์ถึงขั้นเขื่อนใหญ่แตกหรือไม่นั้น โสรัจจะ บอกว่า ปัญหาอุทกภัยอาจถึงขั้นเกิด “เขื่อนใหญ่แตก” 2 เขื่อน โดยเป็นคลื่นยักษ์ถล่มสู่เบื้องล่าง ร่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้าง พื้นที่หลายตำบล และหลายจังหวัด ต้องเสียหายต่อเนื่องมาจนถึงกรุงเทพฯ มีคนล้มตายหลายหมื่นคน เกิดพื้นดินถล่ม และทรุดตัวไปทั่ว อาจต้องสูญเสียแผ่นดินแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา จมสู่ใต้ทะเล
"ส่วนชายฝั่งทะเลภาคใต้ ตั้งแต่ภูเก็ต กระบี่ พังงา รวมถึงฝั่งอ่าวไทย จะถูกคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มครั้งใหญ่กว่าปี 2547 กวาดผู้คนทั้งไทยและต่างชาติ จะเกิดน้ำทะเลท่วมขังตามจังหวัดชายฝั่งจนไหลเข้าสู่ภาคกลาง กรุงเทพฯ จะกลายเป็นทะเล ไม่สามารถดำเนินชีวิตปกติได้ อาจต้องย้ายเมืองหลวงขึ้นไปทางเหนือจนถึงชายแดน นอกจากนี้ อาจเกิดแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ตึกสูงให้ระวังเพราะเกิดพังทลายได้ ผู้คนจะเกิดความสูญเสียอย่างมาก เกิดแผ่นดินทรุด ในปี พ.ศ.2555 นี้ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เป็นอาเพศมากที่สุดในประเทศไทยก็คือ จะเกิดหิมะตกในภาคเหนือ และในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลางร้ายของประเทศ เพราะความหนาวเย็นจะนำเอาโรคร้ายมายังคนและสัตว์ ทำให้เกิดการล้มตายจำนวนมาก และแพทย์หมดปัญญารักษา"
" ที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือเดือน มิถุนายนกรุงเทพฯ เกิดภาวะแผ่นดินทรุดตัว เกิดพายุ ภาคเหนือ น้ำไหลบ่าจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ดินฟ้าอากาศแปรปรวน แผ่นดินไหวในภาคเหนือรุนแรง เศรษฐกิจตกต่ำ หุ้นตก เกิดพายุรุนแรง ภาคใต้ ชายฝั่งทะเลตะวันออก และเกิดพายุใหญ่ที่ภาคกลาง และเดือนกันยายนจะ เกิดพายุไต้ฝุ่น น้ำท่วม ตราด จันทบุรี แพร่ กาญจนบุรี น้ำท่วมจังหวัดภาคตะวันตกอย่างหนัก เชียงรายน้ำท่วมสูง ภาคเหนือเจอไต้ฝุ่น น้ำท่วมกรุงเทพฯ บ้านเมืองเกิดการปฏิรูป มีแผ่นดินไหว เกิดอุบัติเหตุทางทะเล และเครื่องบิน สหรัฐฯ เกิดแผ่นดินไหว ไข้หวัดนกกลับมาระบาด เกิดข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสอันตราย ระวังแหล่งท่องเที่ยวนครนายกเกิดน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วม พายุโซนร้อนเกิดขึ้นที่ใต้ ในเดือนพฤศจิกายน อากาศจะหนาวที่สุดในรอบร้อยปี น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ อีกครั้ง และปัญหาภัยธรรมชาติจะลากยาวไปจนถึงสิ้นปี"
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คำทำนายของของหมอดูชื่อดังอาจจะดูรุนแรง แต่ทั้ง อ.อรรถวิโรจน์ และอ.โสรัจจะ ก็ได้ย้ำเตือนให้คนไทยตั้งอยู่ในความประมาท โอกาสจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ หากเตรียมตัวบริหารจัดการให้ดี ปัญหาต่างๆ ก็จะสามารถลุล่วงไปได้ด้วยดี