สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
มนุษย์ทั่วไป..เขียนบันทึกประวัติศาสตร์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ทว่า“นอสตราดามุส”กลับเขียนประวัติศาสตร์ จากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง!
นอสตราฯ..ใช้เวลาค่ำคืนจรดรุ่งสาง นั่งเพ่งน้ำในอ่างทองเหลืองกับจ้องมองเปลวเทียน อำนาจแห่งพลังจิตทัศน์ทำให้เขาเห็น ประดิษฐกรรมใหม่ๆของมนุษย์ในอนาคต ทั้งเรื่องไฟฟ้า รถยนต์ เครื่องบินยานอวกาศ อิเล็กทรอนิกส์ การค้นพบจุลชีพ ระเบิดนิวเคลียร์ กระทั่งยานเชลเลนเจอร์ระเบิดกลางอากาศ
การสิ้นสุดราชวงศ์ปาลาวีของอิหร่าน โดยการโค่นล้มของอิหม่ามอายาตอลลาห์โคไมนี การใช้เครื่องบินสู้รบกันกลางอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาดร้ายแรงในสังคมมนุษย์ ฯลฯ
ต้นปีค.ศ.1550 บันทึกคำพยากรณ์อันแม่นยำ ในรูปแบบปฏิทินของ“นอส ตราฯ”ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะชาวบ้านกับคนในราชสำนักฝรั่งเศส ต่างควักเงินซื้ออ่านกันควั่กเลย
ระหว่างปี ค.ศ.1555 ถึง 1558 รวม 3 ปี นอสตราฯเขียนคำทำนายเหตุการณ์โลกในรูปแบบโคลง4 แถว(คล้ายโคลง 4 สุภาพ) ในนาม“เดอะ เซ็นจูรี่ส์”ถึง 10 เล่มใหญ่ ซึ่งมีคำทำนายถึง 942 หัวข้อ
นอสตราฯ ใช้วิธีพรรณาจิตทัศน์ที่เห็น ด้วยโคลงและสัญญลักษณ์ทำนายเหตุการณ์โลก ดังนั้น ผู้คนยุคนั้น-ยุคนี้-ยุคหน้าล้วนต้องตีความ คำทำนายของ“นอสตราฯ”กันทั้งสิ้น
คนไทยที่ตีความคำทำนาย“นอสตราดามุส” ได้ต่อเนื่องและทันเหตุการณ์ คือศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน ซึ่งตีพิมพ์หนังสือคำทำนาย“นอสตราฯ”ไปแล้ว 26 ครั้ง(ควรมีไว้อ่านยิ่งนัก)
แน่นอน..คนตีความผิด..ก็มี คนตีความมั่ว..ก็มาก คนตีความถูก..ก็เยอะ!
แต่“นอสตราฯ”ก็มีคำทำนาย ทั้งชื่อบุคคลและเหตุการณ์แบบฟันธงตรงเป๊ะในบางเหตุการณ์ก็ทำนายชนิดตีความได้โดยไม่ยากนัก
หลายคนถามว่า..บาทหลวงที่นอสตราฯ ทำนายจะเป็นโป๊ปนั้น..ชื่อเรียงเสียงใด?
เรื่องนี้แค่นอสตราฯเดินสวนทาง กับพระฟรานซิสกันนิกายคาธอลิกกลุ่มหนึ่ง แค่เหลือบเห็น“บราเดอร์เฟลิช เพอเรตติ” นอสตราฯก็คุกเข่าลงคำนับแล้วทำนายว่า..ท่านจะได้เป็นโป๊ปในอนาคต
คณะพระที่มาด้วยหัวเราะกันเอิ้กอ้ากๆ..เพราะไม่เชื่อ ก็“บราเดอร์เพอเรตติ”เพิ่งทิ้งอาชีพเลี้ยงหมูมาบวชพระไม่นานนี้เอง จะเป็นโป๊ปได้ยังไง..จริงไหม?
แต่แล้ว“บราเดอร์เพอเรตติ”ที่บวชเรียนอยู่นาน ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นองค์พระสันตะปาปา ซิกส์ตุล ที่ 5 ในปี ค.ศ.1585 หลังนอสตราฯตายไปแล้วถึง 19 ปี!
วันอีสเตอร์ของปีค.ศ.1555 วันแรกของการเขียนคำทำนาย“เซ็นจูรีส์”ของนอสตราฯนั้น เขาเห็นเรื่องราวและบุคคลในอนาคตชัดเจนถึงขนาดระบุชื่อ“ปาสเตอร์”เปรี้ยงลงไปเลยว่า
“จะมีการค้นพบสิ่งที่หาย ซ่อนเร้นอยู่หลายศตวรรษ ปาสเตอร์จะถูกเหยียบย่ำเกียรติ์ด้วยข่าวลือต่างๆ ในขณะเดียวกันก็จะถูกยกย่องให้เป็น มนุษย์กึ่งเทพ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเมื่อครบรอบใหญ่ของดวงจันทร์”
“หลุยส์ ปาสเตอร์”คือผู้ค้นพบจุลชีววิทยาไมโครไบโอโลยี ที่เกี่ยวกับความเร้นลับของเชื้อแบคทีเรีย จนแพทย์ยุคนั้นตราหน้าว่า“ปาสเตอร์”บ้า แต่“ปาสเตอร์”ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ทฤษฎีจุลชีววิทยาของเขาถูกต้อง เมื่ออุตสาหกรรมผลิตไวน์องุ่น ที่เป็นสินค้าหลักของฝรั่งเศสเกิดมีรสเปรี้ยวโดยไม่รู้สาเหตุทั่วประเทศ
“ปาสเตอร์”อธิบายต้นเหตุไวน์องุ่นเปรี้ยว เกิดจากการเพาะตัวของเชื้อจุลินทรีย์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทุกคนขอให้เขาช่วย “ปาสเตอร์”จึงใช้วิธีฆ่าเชื้อแบคทีเรียในไวน์องุ่นด้วยความร้อน วิกฤติไวน์ของประเทศฝรั่งเศสเลยหมดไป
การฆ่าเชื้อด้วยความร้อนนี้..ถูกเรียกว่า “ปาสเจอไรเซชั่น”ตามชื่อคนคิดค้นจนทุกวันนี้ครับ!
“หลุยส์ ปาสเตอร์”ได้ช่วยแก้วิกฤติให้ฝรั่งเศสอีกมากมาย ผู้คนจึงยกย่องให้เขาเป็น“มนุษย์กึ่งเทพ” จนรัฐบาลฝรั่งเศสสถาปนา“สถาบันปาสเตอร์” ในปี ค.ศ.1889 ซึ่งเป็นเวลา 333 ปี หลัง“นอสตราฯ”ได้ทำนายเรื่องนี้ไว้
การทำนายเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เมื่อครบรอบใหญ่ของดวงจันทร์รอบใหญ่แห่งดวงจันทร์ตามจันทรคตินั้น เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1535 และไปสิ้นสุดหมดรอบในปี ค.ศ.1889 ตรงกับปีที่มีการสถาปนา“สถาบันชีววิทยาปาสเตอร์”ในฝรั่งเศสพอดี
คนยุคนี้ต้องร้องเพลง“นายแน่มาก”ให้“นอสตราฯ” ที่ทำนายเรื่อง“หลุยส์ ปาสเตอร์”ได้อย่างแม่นยำจริงๆ
“นอสตราฯ” ทำนายเหตุการณ์ราชวงศ์ฝรั่งเศสแม่นมาก รวมทั้งทำนายการปฏิวัติฝรั่งเศสถึงขนาดระบุว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จะต้องละทิ้งราชศักดิ์ ต้องพลีชีวิตกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ นอสตราฯ ทำนายล่วงหน้า 227 ปี ก่อนเหตุการณ์จริงจะอุบัติขึ้น ที่ยอดเยี่ยมก็คือ..เขารู้รายละเอียดเส้นทางพระเจ้าหลุยส์ที่16 ใช้หนี!
“เขาจะผ่านป่าแห่งรีนส์ตอนค่ำคืน คู่ผัวตัวเมีย หนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด ราชินีหินขาว กษัตริย์ร่างพระชุดสีเทาที่วารอง ตั้งหัวหน้าใหม่ ก่อให้เกิดพายุหมุนไฟ เชือดเฉือนกันด้วยเลือด”
ในคืนวันที่ 16 มิถุนายน ปีค.ศ.1791 พระเจ้าหลุยส์ที่16 ได้พาครอบครัวหนีจากที่คุมขัง โดยปลอมตัวเป็นสามัญชน นั่งรถม้าหนีออกทางทิศเหนือของปารีส ซึ่งเป็นหนทางที่ขรุขระคดเคี้ยว..ตรงเผงเลย
“กษัตริย์ร่างพระในชุดสีเทา” ก็ตรงกับฉลองพระองค์ ของพระเจ้าหลุยส์ในค่ำคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะผู้คนที่เห็นพระเจ้าหลุยส์จะเรียกว่า“พระ”ทั้งสิ้น
“ราชินีหินขาว”ตรงกับฉลองพระองค์สีขาวของพระนางแมรี่ อังตัวเนต!
“พายุหมุนกับไฟ”หมายถึงสถานการณ์ไม่สงบบานปลาย มีการ“เชือดเฉือนกันด้วยเลือด” ตรงแน่..เพราะมีการบั่นคอฝ่ายตรงข้ามไม่เว้นแต่ละวันด้วย“กิโยติน”
รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางแมรี่ อังตัวเนต ก็ถูกประหารด้วย“กิโยติน”ต่อหน้าชาวฝรั่งเศสเช่นกัน
แม้แต่เสียงเพลงปลุกใจของการปฏิวัติประชาชนคราครั้งนั้น นอสตราฯยังได้ยิน..และได้กลายมาเป็นเพลงชาติฝรั่งเศสจนทุกวันนี้!
“นอสตราฯ”ได้ทำนายประเทศอังกฤษ ที่ยังเป็นแค่เกาะเล็กๆ มีกองทัพเรือหยิบมือเดียว จึงไม่ได้อยู่ในสายตาพี่เบิ้มอย่างสเปน โปรตุเกส กับฝรังเศส
นอสตราฯ กล้าหาญที่ทำนายว่า อังกฤษจะกลายเป็นมหาอำนาจมีอาณาจักรในครอบครองใหญ่โต แผ่อำนาจทั้งทางบกและทางทะเลได้ต่อเนื่องถึง“300ปี”
ถ้ามองในแง่พฤตินัยแล้ว อังกฤษตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่60 ได้คุยโม้ว่าพระอาทิตย์ไม่เคยลับฟ้าต่อธงชาติยูเนียนแจ๊ค ก็เหลือเพียงอำนาจในนามเท่านั้น จึงถือได้ว่าปีค.ศ.1961ห้วงที่โลกต่อต้านการล่าอาณานิคม ถ้านับกลับไป 300 ปี จะตรงกับยุค“โอลิเวอร์ ครอมเวลล์”พอดี คือ ปีค.ศ.1658 นั่นเอง
“นอสตราฯ”ยังทำนายการเกิดของประเทศอเมริกาไว้ว่า
“พี่สาวคนโตของเกาะอังกฤษ จะเกิดก่อนพี่ชาย15 ปี เพราะเขาพิสูจน์คำมั่นสัญญาว่าเป็นความจริง หล่อน(อเมริกา)จะได้รับความสำเร็จบนแผ่นดินแห่งดุยภาพ”
นักตีความคำทำนายนอสตราฯระบุว่า “พี่สาวคนโต”หมายถึง“สหรัฐอเมริกา” ด้วยความช่วยเหลือของฝรั่งเศส อเมริกาได้รับการปลดแอกจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และเป็นประเทศแรกที่ใช้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ยุคนั้น..นอสตราดามุสเรียกไม่ถูก..เลยเรียกระบอบปกครองนั้นว่า “แผ่นดินแห่งดุลยภาพ”แทน อีก 15 ปีต่อมา..ฝรั่งเศสได้ประกาศเป็นประเทศสาธารณรัฐ จึงเท่ากับเกิดทีหลัง“น้องสาว”(สหรัฐ) 15 ปีดั่งคำทำนาย
นอสตราดามุส..ยังทำนายว่า จะมีสงครามโดย“ผู้ล้างโลก”หรือ“ผู้แอนตี้พระคริสต์ 3 คน” เขาระบุชื่อไว้อย่างชัดเจนว่า
คนแรก-นโปเลียน คนที่สอง-ฮิตเลอร์ ส่วนคนที่สาม..นอสตราฯระบุว่าชื่อ“มาบูช”เขียนเป็นภาษาโรมันว่า mabus
คำทำนาย“นอสตราดามุส”จะจริงมากน้อยแค่ไหน..ตามอ่านตอนสามครับ!