อีกปีกว่า ๆ วันสิ้นโลกจะมาถึง ปฏิทินของชาวมายาถูกตีความหมายว่า จุดพลิกผันที่จะนำไปสู่วันสิ้นโลกตรงกับวันที่ 22 ธันวาคม 2555 อย่างไรก็ดี ไม่มีใครยืนยันว่าอะไรจะทำให้เกิดจุดพลิกผันนั้นและวันสิ้นโลกคืออะไร อาณาจักรมายารุ่งเรืองอยู่ในอเมริกากลางและล่มสลายไปกว่าพันปีแล้ว เนื่องจากชาวมายาแตกฉานในด้านวิชาดาราศาสตร์ จึงคาดเดากันว่าชาวมายาอาจรู้ความลับเกี่ยวกับระบบดวงดาว เช่น ผีพุงไต้ หรือดาวขนาดใหญ่ จะพุ่งชนโลกจนเกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญสิ่งต่างๆ จนหมด
หลังอาณาจักรมายาล่มสลายไปราว 500 ปี มีโหรชาวฝั่งเศสชื่อนอสตราดามุสออกมาทำนายในแนวเดียวกัน เฉกเช่นชาวมายา เขามิได้บอกว่าอะไรจะทำให้เกิดจุดพลิกผันและวันสิ้นโลกคืออะไร เมื่อไม่นานมานี้ พระภิกษุไทยอายุกว่าร้อยปีชื่อ ฐิติลาโภ ภิกขุ ก็ทำนายว่าเหตุการณ์ใหญ่ในแนวนั้นจะเกิดขึ้นแน่ แต่ไม่บอกว่าเพราะอะไร เนื่องจากการตีความหมายและคำทำนายดังกล่าวไม่มีคำอธิบาย ปราชญ์ชาวฮังกาเรียนชื่อ เออร์วิน ลาสซโล จึงพยายามค้นคว้าหาคำอธิบายมาเสนอไว้ในหนังสือชื่อ The Chaos Point: The World at the Crossroads ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2549 และมีบทคัดย่อเป็นภาษาไทยอยู่ในหนังสือชื่อ กะลาภิวัตน์
คำอธิบายของเออร์วิน ลาสซโล สรุปได้ว่า โลกใบนี้สะสมความดีและความชั่วไว้มากมายและจะสะสมต่อไปเรื่อยๆ ความดีและความชั่วเหล่านั้นแสดงอาการออกมาในรูปต่างๆ รวมทั้งความโหดร้าย การใช้กำลังทหารและการทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมๆ กับการให้ทาน การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และการอยู่แบบเคารพธรรมชาติ ความดีและความชั่วจะสะสมต่อไปจนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2555 ถ้าความดีมีน้ำหนักมากกว่าความชั่ว โลกก็จะเดินเข้าสู่ทางแห่งความยั่งยืน ตรงกันข้าม ถ้าความดีมีน้ำหนักน้อยกว่าความชั่ว โลกก็จะเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายแบบกู่ไม่กลับ
ข้อสรุปดังกล่าวอาจนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของสังคมต่างๆ ได้ ในกรณีของเมืองไทย คงเป็นที่ประจักษ์ในชีวิตประจำวันโดยทั่วกันแล้วว่าความดีและความชั่วเกิดขึ้นทุกวัน การให้ทานเกิดพร้อมการแย่งชิงวิ่งราว การเอาเปรียบเกิดพร้อมกับความเมตตา การทำลายป่าเกิดพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้สะสมขึ้นทุกวันและถ่วงดุลกันอยู่ตลอดเวลา ประเด็นที่ควรจะพิจารณาอย่างยิ่งคือ เรื่องความฉ้อฉลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการไม่ทำตามกฎเกณฑ์ของสังคมและเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา
ย้อนไป 14 ปี เมืองไทยประสบวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ต้นตอของวิกฤตคือความชั่วอันเกิดจากคนไทยไปยืมเงินชาวต่างชาติมาเก็งกำไรในที่ดินและสินทรัพย์ต่างๆ จนกระทั่งเกิดภาวะฟองสบู่ นักการเมืองและข้าราชการละทิ้งหน้าที่และมักเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย หลังจากนั้นเกิดรัฐธรรมนูญใหม่และมีการเลือกตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งมีการซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างแพร่หลายและได้นักการเมืองฉ้อฉลบริหารประเทศ ทั้งที่บ่นกันขรม แต่ทุกครั้งที่สำนักสำรวจความเห็นออกสุ่มตัวอย่างของประชาชน ผลออกมาตรงกันว่า คนไทยส่วนใหญ่รับนักการเมืองฉ้อฉลได้ถ้าตนได้ประโยชน์ด้วย เพราะคนไทยส่วนใหญ่เป็นเสียเช่นนี้ จึงเกิดนายกรัฐมนตรีขี้โกงแบบสุดขั้ว ความชั่วของเขาสร้างความเดือดร้อนมาจนถึงปัจจุบัน ผลของความชั่วนั้นดูจะไม่มีทางออกที่มองเห็นได้ง่าย จึงมีการอ้างถึงคำทำนายอีกบทหนึ่งซึ่งบอกว่า จะมีสตรีขี่ม้าขาวมาปัดเป่าความเดือดร้อนของเมืองไทยให้หมดสิ้น
อีกไม่นาน เมืองไทยจะได้นายกรัฐมนตรีสตรีเป็นครั้งแรก เธอกำลังถูกห้อมล้อมด้วยคนมากมายหลายแบบ ทั้งคนดีและคนจำพวกที่มีสมญาว่าปลาไหล นักเลงโบราณ และชาละวันดื่มไวน์ ในสภาพเช่นนี้ เป็นโอกาสดีที่เธอจะแสดงความสามารถและความดีหากเธอมีอยู่บ้างโดยการปราบคนทรามรอบข้างให้ราบคาบพร้อมกับมอบงานให้คนดีที่มีความสามารถร่วมบริหารประเทศ เธอจะเลือกฝ่ายคนดีซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นม้าขาว หรือฝ่ายคนทรามซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นตัวเงินตัวทองจะมีผลใหญ่หลวงต่ออนาคตของเมืองไทย
ประเด็นใหญ่ที่ยังไม่มีความกระจ่างได้แก่เรื่องอดีตนายกรัฐมนตรีหนีคุก เขามีความสามารถและเคยมีโอกาสพาเมืองไทยไปสู่ทางแห่งความยั่งยืน แต่เขาไม่ทำ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังมีโอกาสและยังสามารถทำได้โดยเริ่มจากการสำนึกผิดและยอมติดคุกสองปี คนไทยส่วนใหญ่จะให้อภัยและให้โอกาสเขาทำงานเพื่อสังคมไทยซึ่งจะปูทางให้เขาไปสู่ความเป็นรัฐบุรุษ หากเขาไม่ยอมทำ ตรงข้าม กลับแนะนำและสนับสนุนน้องสาวให้ทำชั่วด้วย เมืองไทยก็จะได้นายกรัฐมนตรีที่จะถูกตราหน้าว่าโคตรชั่วซึ่งไม่สามารถปลีกตัวออกจากสภาพชั่วทั้งโคตรได้ การทิ้งโอกาสเป็นสตรีขี่ม้าขาวตามคำทำนายด้วยการเลือกขี่ตัวเงินตัวทองของเธอจะส่งผลให้เมืองไทยเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายในวันที่ 22 ธันวาคม 2555
เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่คิดว่าการโกงไม่เป็นไร อนาคตของเมืองไทยจึงขึ้นอยู่กับสตรีซึ่งอาจเลือกขี่ตัวเงินตัวทองแทนม้าขาว
หลังอาณาจักรมายาล่มสลายไปราว 500 ปี มีโหรชาวฝั่งเศสชื่อนอสตราดามุสออกมาทำนายในแนวเดียวกัน เฉกเช่นชาวมายา เขามิได้บอกว่าอะไรจะทำให้เกิดจุดพลิกผันและวันสิ้นโลกคืออะไร เมื่อไม่นานมานี้ พระภิกษุไทยอายุกว่าร้อยปีชื่อ ฐิติลาโภ ภิกขุ ก็ทำนายว่าเหตุการณ์ใหญ่ในแนวนั้นจะเกิดขึ้นแน่ แต่ไม่บอกว่าเพราะอะไร เนื่องจากการตีความหมายและคำทำนายดังกล่าวไม่มีคำอธิบาย ปราชญ์ชาวฮังกาเรียนชื่อ เออร์วิน ลาสซโล จึงพยายามค้นคว้าหาคำอธิบายมาเสนอไว้ในหนังสือชื่อ The Chaos Point: The World at the Crossroads ซึ่งพิมพ์เมื่อปี 2549 และมีบทคัดย่อเป็นภาษาไทยอยู่ในหนังสือชื่อ กะลาภิวัตน์
คำอธิบายของเออร์วิน ลาสซโล สรุปได้ว่า โลกใบนี้สะสมความดีและความชั่วไว้มากมายและจะสะสมต่อไปเรื่อยๆ ความดีและความชั่วเหล่านั้นแสดงอาการออกมาในรูปต่างๆ รวมทั้งความโหดร้าย การใช้กำลังทหารและการทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมๆ กับการให้ทาน การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และการอยู่แบบเคารพธรรมชาติ ความดีและความชั่วจะสะสมต่อไปจนถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2555 ถ้าความดีมีน้ำหนักมากกว่าความชั่ว โลกก็จะเดินเข้าสู่ทางแห่งความยั่งยืน ตรงกันข้าม ถ้าความดีมีน้ำหนักน้อยกว่าความชั่ว โลกก็จะเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายแบบกู่ไม่กลับ
ข้อสรุปดังกล่าวอาจนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของสังคมต่างๆ ได้ ในกรณีของเมืองไทย คงเป็นที่ประจักษ์ในชีวิตประจำวันโดยทั่วกันแล้วว่าความดีและความชั่วเกิดขึ้นทุกวัน การให้ทานเกิดพร้อมการแย่งชิงวิ่งราว การเอาเปรียบเกิดพร้อมกับความเมตตา การทำลายป่าเกิดพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้สะสมขึ้นทุกวันและถ่วงดุลกันอยู่ตลอดเวลา ประเด็นที่ควรจะพิจารณาอย่างยิ่งคือ เรื่องความฉ้อฉลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการไม่ทำตามกฎเกณฑ์ของสังคมและเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา
ย้อนไป 14 ปี เมืองไทยประสบวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ต้นตอของวิกฤตคือความชั่วอันเกิดจากคนไทยไปยืมเงินชาวต่างชาติมาเก็งกำไรในที่ดินและสินทรัพย์ต่างๆ จนกระทั่งเกิดภาวะฟองสบู่ นักการเมืองและข้าราชการละทิ้งหน้าที่และมักเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย หลังจากนั้นเกิดรัฐธรรมนูญใหม่และมีการเลือกตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งมีการซื้อสิทธิขายเสียงกันอย่างแพร่หลายและได้นักการเมืองฉ้อฉลบริหารประเทศ ทั้งที่บ่นกันขรม แต่ทุกครั้งที่สำนักสำรวจความเห็นออกสุ่มตัวอย่างของประชาชน ผลออกมาตรงกันว่า คนไทยส่วนใหญ่รับนักการเมืองฉ้อฉลได้ถ้าตนได้ประโยชน์ด้วย เพราะคนไทยส่วนใหญ่เป็นเสียเช่นนี้ จึงเกิดนายกรัฐมนตรีขี้โกงแบบสุดขั้ว ความชั่วของเขาสร้างความเดือดร้อนมาจนถึงปัจจุบัน ผลของความชั่วนั้นดูจะไม่มีทางออกที่มองเห็นได้ง่าย จึงมีการอ้างถึงคำทำนายอีกบทหนึ่งซึ่งบอกว่า จะมีสตรีขี่ม้าขาวมาปัดเป่าความเดือดร้อนของเมืองไทยให้หมดสิ้น
อีกไม่นาน เมืองไทยจะได้นายกรัฐมนตรีสตรีเป็นครั้งแรก เธอกำลังถูกห้อมล้อมด้วยคนมากมายหลายแบบ ทั้งคนดีและคนจำพวกที่มีสมญาว่าปลาไหล นักเลงโบราณ และชาละวันดื่มไวน์ ในสภาพเช่นนี้ เป็นโอกาสดีที่เธอจะแสดงความสามารถและความดีหากเธอมีอยู่บ้างโดยการปราบคนทรามรอบข้างให้ราบคาบพร้อมกับมอบงานให้คนดีที่มีความสามารถร่วมบริหารประเทศ เธอจะเลือกฝ่ายคนดีซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นม้าขาว หรือฝ่ายคนทรามซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นตัวเงินตัวทองจะมีผลใหญ่หลวงต่ออนาคตของเมืองไทย
ประเด็นใหญ่ที่ยังไม่มีความกระจ่างได้แก่เรื่องอดีตนายกรัฐมนตรีหนีคุก เขามีความสามารถและเคยมีโอกาสพาเมืองไทยไปสู่ทางแห่งความยั่งยืน แต่เขาไม่ทำ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังมีโอกาสและยังสามารถทำได้โดยเริ่มจากการสำนึกผิดและยอมติดคุกสองปี คนไทยส่วนใหญ่จะให้อภัยและให้โอกาสเขาทำงานเพื่อสังคมไทยซึ่งจะปูทางให้เขาไปสู่ความเป็นรัฐบุรุษ หากเขาไม่ยอมทำ ตรงข้าม กลับแนะนำและสนับสนุนน้องสาวให้ทำชั่วด้วย เมืองไทยก็จะได้นายกรัฐมนตรีที่จะถูกตราหน้าว่าโคตรชั่วซึ่งไม่สามารถปลีกตัวออกจากสภาพชั่วทั้งโคตรได้ การทิ้งโอกาสเป็นสตรีขี่ม้าขาวตามคำทำนายด้วยการเลือกขี่ตัวเงินตัวทองของเธอจะส่งผลให้เมืองไทยเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายในวันที่ 22 ธันวาคม 2555
เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่คิดว่าการโกงไม่เป็นไร อนาคตของเมืองไทยจึงขึ้นอยู่กับสตรีซึ่งอาจเลือกขี่ตัวเงินตัวทองแทนม้าขาว