เมื่อ“ไอ้กี้ร์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ ผู้จุดไฟกลางเมืองหลวงให้ลุกโชติช่วงกลายเป็นทะเลเพลิง เมื่อกลางปีที่แล้ว กำลังจะกลับประเทศไทย พร้อมความหวังว่าจะได้รับอิสรภาพทันทีที่เหยียบแผ่นดิน
เราคนไทยจะเตรียมรับมือกับสภาพแวดล้อมที่จะมลพิษมากขึ้นเหล่านี้อย่างไร
ภาพ ตัวเงินตัวทอง ตะกายตึกหนีตายที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาคนฝนตกขี้หมูไหลร่วมกัน ประกาศตั้งรัฐบาลผสม 5 พรรคเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะความกร่างของคนเสื้อแดงที่ปิดล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ มี “ไอ้กี้ร์” เป็นผู้บัญชาการปลดอาวุธตำรวจ แล้วให้กบฏแดงถือปืนจี้ตำรวจแทน
รวมทั้งคำพูดปลุกปั่นยุยงให้มวลชนใช้ความรุนแรงต่อผู้นำรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรอิสระอย่าง กกต. หรือแม้กระทั่งศาลสถิตยุติธรรม ล้วนเป็นผลงานชิ้นโบดำ จากปลายลิ้นสองแฉกของ “ไอ้กี้ร์” ทังสิ้น
“ถ้าอภิสิทธิ์อยู่ จะเอาเลือดหัวมาล้างตีน”
“ถ้า กกต.ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ จะยุบชีวิต กกต. และกกต.จะเดินตลาดไม่ได้"
“เอาขวดมาให้ได้ 1 ล้านใบ เติมน้ำมันเอาข้างหน้า รับรองกรุงเทพฯ เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน”
ฯลฯ
นี่เป็นเพียงแค่เสี้ยวเดียวของพฤติกรรมดิบ ถ่อย เถื่อน ที่สั่นคลอนความมั่นคงของชาติบ้านเมือง ตลอดการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง
“ไอ้กี้ร์” ยังถือเป็นฮาร์ดคอร์ตัวเอ้ ที่จัดอยู่ในกลุ่มก่อการร้ายร่วมวางแผนวินาศกรรมตามจุดต่าง ๆ คู่ขนานไปกับการชุมนุมของแก๊งแดงป่วนเมืองด้วย
เมื่ออำนาจกำลังจะเปลี่ยนมือ ประวัติศาสตร์กำลังจะถูกเขียนใหม่ พลิกให้คนเผาบ้านเผาเมืองเป็นนักประชาธิปไตย โยนบาปให้เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทำหน้าที่ปกปักรักษาบ้านเมือง มิให้ต้องเป็นรัฐล้มเหลว กลายเป็นจำเลยและผู้เข่นฆ่าประชาชน ถือเป็นสิ่งท้าทายกระบวนการยุติธรรมของไทยต่อจากนี้ไปเป็นอย่างยิ่ง
เคราะห์ดีที่หลายคดีมีการสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังหวังว่า “ไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย” ผู้ที่ทำหน้าที่ในฝ่ายตุลาการจะมีความมั่นคงในการทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่หวั่นไหวไปกับแรงเสียดทานทางการเมือง หรือการใช้กฎหมู่มาข่มขู่ตุลาการ
เพราะนี่คือทางรอดเดียวในการรักษาความยุติธรรมในบ้านนี้เมืองนี้ ให้ดำรงอยู่เพื่อต้านทานระบอบทักษิณที่กำลังฟื้นคืนชีพ
หากคนในวงการยุติธรรมเกิดความหวาดกลัว ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองเสียแล้ว บ้านนี้เมืองนี้คงตกอยู่ในสภาพยิ่งกว่าสิ้นหวัง หรือกลับไปสู่ยุค “วิกฤตที่สุดในโลกอีกครั้ง”
เพราะการโยนหินถามทางจะกลับเข้ามอบตัวหลังหนีคุกนานแรมปีของ “ไอ้กี้ร์” ย่อมเป็นการเช็กกระแสการตอบรับของสังคมว่า จะชูป้ายเชียร์ หรือถือพวงหรีดรอรับ ขณะเดียวกันก็คงมีความพยายามวิ่งเต้นอย่างถึงที่สุด เพื่อให้มีการประกันตัวเกิดขึ้น เนื่องจากอำนาจกลับมาอยู่ในมือแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงขนมสองล้าน แต่ใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปแทรกแซงแทน
เป็นวิธีคิดที่นักการเมือง “ขั้วทักษิณ” ถนัด และจะสร้างอาณาจักรความกลัวให้เกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหง เพื่อให้คนไทยสยบยอมอยู่ภายใต้อาณัติของทักษิณอย่างราบคาบ
ถ้า “ไอ้กี้ร์” กลับประเทศได้โดยได้รับการประกันตัวจริง กระบวนการ “ยุติความเป็นธรรม” ก็กำลังจะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบภายใต้ความอหังการ์ ของ ทักษิณ ลิ่วล้อ และคนเสื้อแดงว่า
“กรูจะทำอะไรก็ได้ ในบ้านนี้เมืองนี้”
จึงขอฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่กระบวนการยุติธรรมว่า จะสถิตไว้ซึ่งความยุติธรรม อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ปฏิบัติหน้าที่ท่านตามที่ได้ให้สัตย์ปฎิญาณไว้ ให้สมกับการทำหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กรงเล็บ