ทีมงาน m-petพาคุณมาตะลุยบ้านคนรักสัตว์ ของครอบครัวปอทเจส หลายคนอาจไม่คุ้นกับนามสกุลนี้ แต่ถ้าพูดถึง แน็ก - ชาลี ไตรรัตน์ คงไม่มีใครไม่รู้จักเขา ซึ่งแจ้งเกิดจากผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน แต่วันนี้เราจะมารู้จักเขาในอีกมุมหนึ่งของคนรักสัตว์และมาตีสนิทกับครอบครัวที่ไม่ธรรมดา เนื่องจากบ้านหลังนี้ได้เคยมีสัตว์เลี้ยงมากถึง 1,000 ตัวเลยทีเดียว
หนุ่มลูกครึ่งฮอลแลนด์คนนี้ ไม่นิยมของนอก เพราะสัตว์เลี้ยงแทบจะทุกตัวในบ้านเป็นพันธุ์ไทยทั้งหมด โดยเฉพาะสุนัขข้างถนน ที่บ้านของหนุ่มแน็กเลี้ยงกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว ทว่าเปิดฟาร์มในบ้านก็ไม่ผิด มีสัตว์เลี้ยงเยอะแยะมากมาย รวมทั้งสัตว์แปลก! ที่เชื่อเลยว่าบ้านหลายคนไม่มีเลี้ยงกันแน่ๆ
เลี้ยงสัตว์ตั้งแต่เกิด
ด้วยความที่คุณแม่ของแน็ก เป็นคนรักสัตว์ และชอบเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว บ้านของเขาจึงมีสัตว์เลี้ยงเต็มบ้าน ซึ่งทำให้เขามีความรู้สึกรัก และผูกพันกับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก รวมถึงทุกคนในบ้านก็รักสัตว์เช่นเดียวกัน
“ที่บ้านผมนะครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาเลยก็เลี้ยงหมา, แมว, ปลา, นก, กระแต, กระต่าย, กระรอก, ชูการ์ไกลเดอร์, เต่า, ตะพาบน้ำ, กบ, นกพิราบ, หนูแกสบี้ และงูหลาม มีหมดล่ะครับ มีจริงๆ ด้วยที่บ้านผมเลย พ่อ แม่ของผม เขาให้อาหารกันอย่างจริงจัง ครอบครัวไม่ได้รังเกียจที่จะเลี้ยง คางคกมีเป็นร้อย กบมีเป็นพันตัว ตัวเล็กๆ โดดกันเต็มบ้าน มันโตในบ่อที่เราเลี้ยงไว้สำหรับเลี้ยงกบโดยเฉพาะ พอมันเริ่มโตเราก็ช้อนออกมาจากบ่อให้มันเดิน กระโดดกันเต็มบ้าน และก็มีตัวตะปาด ตัวสีเหลืองๆ ที่ชอบเกาะตามผนังห้อง และก็มีค้างคาวด้วยนะแต่แม่เพิ่งปล่อยไป”
“เริ่มแรกผมเลี้ยงหมา แมว ปลา และนกก่อน ที่บ้านจะเลี้ยงแต่หมาข้างถนน เก็บมาเลี้ยงทั้งนั้น ครอบครัวผมชอบนะ ไม่เคยไปซื้อที่จตุจักรเลย มันไม่ได้เริ่มมาจากเราอยากได้ แต่จะเป็นลักษณะเขามาขออยู่ เราก็ให้อยู่กันจนเต็มบ้านเลย ตอนนี้หมาที่เลี้ยงไว้ในบ้านมี 20 ตัว นอกบ้านอีกเป็นร้อยตัว เจอข้างถนนที่ไหนก็ให้อาหารที่นั่น”
ที่บ้านของแน็ก พูดได้เลยว่ามีสัตว์แทบทุกประเภท และทุกคนในครอบครัวก็เลี้ยงกันเป็นเรื่องเป็นราว ให้อาหารเป็นประจำ เหมือนเป็นอีกหนึ่งความรับผิดชอบของคนในบ้านหลังนี้ แน็กบอกว่า “มีสัตว์ใหญ่เท่านั้นที่ที่บ้านไม่มี ถ้ามีสถานที่พอจะเลี้ยงได้คงเลี้ยงแล้วล่ะครับ ที่บ้านแต่ละคนเป็นคนรักสัตว์อยู่แล้ว อย่างพวกหนู กระต่าย พี่สาวจะชอบเลี้ยงมาก”
เปิดฟาร์มในบ้าน
สัตว์เลี้ยงที่บ้านแน็กไม่ใช่แค่เยอะเท่านั้น แต่มันเยอะม๊าก...มาก หลายคนคงไม่คิดว่าที่บ้านของแน็กจะเลี้ยงไว้ดูเล่น เพราะด้วยจำนวนสัตว์เลี้ยงที่มีมากกว่าร้อยตัว ซึ่งเป็นฟาร์มสัตว์เลี้ยงขนาดย่อมบนพื้นที่ของบ้านที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงถือได้ว่าครอบครัวนี้เขาไม่ธรรมดาจริงๆ
“สัตว์หลักๆ ที่เลี้ยงเยอะก็คงจะเป็นหนู เพราะพี่สาวชอบเลี้ยง เพราะพวกนี้มันคลอดลูกง่ายและแพร่พันธุ์เร็ว ส่วนหมาที่บ้านตอนนี้มันน้อยลงเพราะว่า เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ฉีดยาคุม ทำหมัน แต่ก่อนที่ยังไม่ทำหมัน เราเลี้ยง 10 ตัว คลอดทีหนึ่ง 3 ครอก ก็มีเพิ่มเป็น 30 ตัว และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นร้อยตัวเลยที่บ้าน เราคิดว่ามันเริ่มไม่ได้แล้ว เพราะที่บ้านลาดพร้าวโชคชัย 4 มีขนาดพื้นที่ 114 ตารางวา ซื้อมาให้สัตว์อยู่โดยเฉพาะเลย ไม่มีคนอยู่มา 4 ปีแล้วให้หมาอยู่เต็มไปหมด ส่วนผมอยู่รัชดาฯ ซอย 3 เท่าที่เลี้ยงหมาได้ พอตอนหลังเราทำหมัน มันก็แก่ตายไปเรื่อยๆ ไม่มีลูกเพิ่ม และก็มีบางคนมาขอไปเลี้ยงบ้าง ซึ่งหมาที่เลี้ยงเป็นหมาจรจัดหมดทุกตัว”
“ส่วนแมว เราเลี้ยงปล่อย พอมันโตขึ้นก็ออกไปนอกบ้าน พอมีท้องจะคลอดลูกก็กลับมา ที่บ้านก็จะมีแมวน้อยอยู่ตลอด พอโตแล้วก็ออกจากบ้านไปอีก ที่เยอะๆ อีกอย่างก็เป็นพวกปลา ปลาหางนกยูง ปลาเทโพ ปลาสวาย ปลาบึก ปลาช่อน ปลาดุก ปลาแรด เราเลี้ยงแต่ปลาไทยน้ำจืดทั้งนั้น”
“มีกระต่ายตัวหนึ่งมันชื่อตู้บ ตอนแรกที่เอามามันก็ตัวเล็กนิดเดียว พอเลี้ยงไปเลี้ยงมา มันตัวใหญ่มาก ตัวเท่าหมาเลย มันใหญ่จริงๆ นะ มันซนมากด้วย กัดนู่น กัดนี่ขาดหมด แต่ก็ปล่อยๆ มัน ไม่ได้ทำอะไรมัน พี่สาวผมไปซื้อมาตัวเล็กๆ แค่ 80 บาทเอง ไม่คิดว่ามันจะตัวใหญ่มาก เคยมีแฟนคลับซื้อกระต่ายให้มาวางไว้ที่หน้าบ้านผม บอกว่ากระต่ายแคระ เราก็เลี้ยงมาจนโต แต่โฮ้...มันตัวโตมากเลย สีขาว น่ารักนิสัยดีด้วย แต่มันไม่ใช่กระต่ายแคระแล้ว ตอนที่เขาซื้อมาคงโดนหลอก กระต่ายมันโตเร็ว และก็ตัวใหญ่มากถ้าเราเลี้ยงดีๆ ตัวโตพอๆ กับสุนัขเลยล่ะ”
เมื่อถามว่าทั้งหมดมีจำนวนเท่าไหร่ แน็กได้แต่บอกว่า “มันเยอะมาก มันเยอะนะ เลี้ยงกันจนแก่ตายไปเลยก็มี แต่ก่อนคงเป็น1,000ตัว แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถึง 500 ตัว เพราะอย่างหนูตะเภา มีอย่างต่ำก็เกือบ 200 ตัว เพราะเราเลี้ยงมาใช้ระยะเวลาหลายปี อย่างหนูตะเภาที่เลี้ยงก็มีตายไปบ้าง แต่ที่ยังอยู่ มันอยู่นานมากไม่ต่ำกว่า 10 ปี ผมเลี้ยงจนตัดเล็บไม่ได้แล้ว มันยาวมาก เพราะถ้าเราตัดเล็บตอนมันแก่แล้วจะเจ็บ ตอนนี้หนูตะเภาก็เหลือน้อย แก่ตายไปเยอะแล้ว”
ด้วยความที่ครอบครัวนี้เลี้ยงสุนัขจำนวนมากและเลี้ยงอยู่คนละที่ ดังนั้นการให้อาหารจึงถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำอย่างเคร่งครัดเลยทีเดียว ช่วงเช้าจะให้อาหารสุนัขที่บ้านรัชดาฯก่อนที่จะเดินทางไปให้อาหารสุนัขตอนเที่ยงที่อาศัยอยู่บ้านย่านลาดพร้าว โชคชัย 4 ด้วยเหตุนี้จึงต้องเลี้ยงอาหารคนละช่วงเวลากัน
ที่บ้านแน็กเลี้ยงสัตว์จำนวนมากขนาดนี้ จึงต้องเจอกับปัญหาสัตว์เลี้ยงก่อกวนเอาเหมือนกัน “ตอนแรกที่เลี้ยงหมาตัวโตๆ ยังไม่มีปัญหาเท่าไหร่ และยังมีไม่เยอะมาก แต่พอท้องแล้วมีลูกออกมา ลูกหมาเล็กๆ จะซนมาก แม่ผมเขาจะเลี้ยงไว้ในบ้าน ไม่อยากให้ออกไปข้างนอก แต่มันก็พยายามมุดรั้วออกไป ไปแช่อ่างบัวของเพื่อนบ้าน ไปคุ้ยกระถางต้นไม้ ก็ต้องตามไปขอโทษเขา ตามไปเก็บให้เพื่อนบ้าน จึงอยากให้วิ่งเล่นในบ้านเรามากกว่า แต่ตอนนี้มีหมาไม่เยอะแล้ว เพราะให้สัตวแพทย์มาฉีดยาคุมกำเนิดให้”
อะไรเรียกว่า “สัตว์แปลก”
จะเห็นได้ว่าสัตว์ส่วนใหญ่ที่แน็กเลี้ยงจะเป็นสัตว์พันธุ์ไทยเป็นส่วนมาก แน็กบอกว่า “มีชูการ์ไกลเดอร์ตัวเดียวที่เป็นสัตว์ต่างประเทศ จริงๆ แล้วเราไม่ได้อยากเลี้ยงนะ มันเป็นของเพื่อน เพื่อนเลี้ยงไว้ที่บ้าน เห็นแล้วมันน่าสงสารมาก กรงเลี้ยงเน่า ไม่มีใครดูแล เราก็ขอมาเลย มาเลี้ยงเอง จริงๆ แล้วเราอยากเลี้ยงเป็นสัตว์ของไทยมากกว่า อย่างบ่างเนี่ย แต่มันเป็นสัตว์สงวนในไทย มันจะบินได้ ร่อนได้เหมือนกัน แต่มันผิดกฎหมายของบ้านเรา จึงเลี้ยงไม่ได้”
“ผมไม่รู้ว่าสัตว์อะไรเรียกว่าสัตว์แปลก อย่างตัวเงินตัวทอง ชื่อแจ็คพอต เลี้ยงมา 6 ปีแล้ว และตัวตะกวดผมก็เลี้ยงเป็นเรื่องธรรมดาของที่บ้าน ตัวเงินตัวทองมีลายจุดสวยกว่าตัวตะกวด ตะกวดปีนต้นไม้ ตัวเงินตัวทองอยู่ในน้ำ อย่างตอนเลี้ยงงู มีคนไม่เลี้ยงแล้วเขาเอามาให้ เราก็ซื้อมาเองบ้าง คิดว่ามันไม่ใช่สัตว์แปลกสำหรับเราเลยนะ มันเป็นสัตว์ธรรมดา เรารู้สึกว่ามันน่าเลี้ยง
สัตว์ทุกตัวที่เลี้ยง ผมชอบหมดเลยนะ และที่บ้านผมทุกคนในครอบครัวก็ชอบเหมือนกัน ก็มีตอนแรกๆ ที่เอามา พวกสัตว์มีพิษ เขาจะกลัวมากกว่าแต่ไม่ได้เกลียดมันนะ ทุกคนรักสัตว์หมด อย่างงูพิษเป็นสัตว์ที่เลี้ยงยาก เราจะเอาไปปล่อยในป่า ตอนนี้ก็เหลือแต่งูธรรมดาไม่มีพิษ จับได้ เล่นได้ เวลากลับบ้านก็ไปเล่นกับเขาตลอด พ่อ แม่ก็บอกว่าต้องดูแล ต้องเล่นกับเขาบ่อยๆ ถ้าไม่ได้ทำงานก็จับเล่นบ่อยอยู่เหมือนกัน วันไหนว่างก็มาอยู่กับพวกนี้แหละ”
“เวลาให้อาหารงู ผมจะเป็นคนให้อาหารเอง เลี้ยงมาได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว ถ้าเป็นสัตว์ให้อาหารยากจะเป็นผม เพราะพ่อเคยโดนงูกัด เลือดอาบเลย โชคดีที่มันไม่มีพิษ ที่มีพิษก็ปล่อยเข้าป่าหมดแล้ว จึงเหลือที่เลี้ยงอยู่ตัวเดียวเป็นงูหลาม ตัวใหญ่มากเท่าขาเลย มีขนาดยาวประมาณ 3 เมตรได้ ถ้ารวมงูที่ยังไม่ปล่อยก็เป็นร้อยตัวได้แล้ว สัตว์พวกนี้เราจะให้มันกินไก่ แม่ผมจะซื้อน่องไก่มาให้มันกิน อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ครั้งหนึ่งกิน 8 น่อง/ตัว”
“โชแชง” เป็นงูที่แน็กเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเท่านิ้วชี้ แน็กบอกว่า “ถ้าจะเอาไปปล่อยตอนนี้มันคงตายเพราะเราเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็ก คงไม่สามารถหากินได้เองตามธรรมชาติ ก็เลยกลายเป็นความผูกพันกัน” สำหรับที่มาของชื่อเจ้าโชแชงนั้นเป็นชื่อที่แม่ของแน็กตั้งให้ เพราะตอนที่ได้โชแชงมาใหม่ๆ ตอนนั้นแน็กได้เล่นละครเวทีเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในละครนั้นมีตัวละครตัวหนึ่งชื่อโชแชง จากนั้นก็เลยเรียกชื่อนี้กันมา
“จริงๆ แล้วเห็นเลี้ยงสัตว์เยอะแต่เราใช้พื้นที่ไม่เยอะนะ หลังบ้านจะเลี้ยงงู ค้างคาว เพราะมันเป็นสัตว์มีเชื้อโรค อาจจะติดคนได้จึงต้องเลี้ยงไว้หลังบ้าน ในบ้านเป็นหมา ชั้นบนเป็นแมว ออกมาหน้าบ้านเป็นตู้ปลา ตะพาบน้ำ และเต่า”
สุขใจที่ได้เลี้ยง
การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เยอะมากขนาดนี้ คงต้องใช้ทุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินค่าอาหาร ค่าเลี้ยงดู การให้เวลาในการเอาใจใส่ดูแล และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการมีใจรัก ความชอบที่จะเลี้ยงต้องเป็นทุนตั้งต้น เพราะถ้าไม่มีสิ่งนี้ในใจแล้ว คงเป็นเรื่องที่ยากมากในการเลี้ยง เมื่อมีความรักให้สัตว์จึงไม่ใช่เรื่องของภาระที่คนรักสัตว์เขาคิดกัน และที่บ้านหลังนี้ก็เช่นเดียวกัน
“ผมผูกพันกับสัตว์พวกนี้ เพราะมันมีชีวิต มันมีความรู้สึกเมื่อเราเอามาแล้วต้องเลี้ยงให้เขามีความสุข กินดีอยู่ดี มันเป็นความเคยชินของเราไปแล้วด้วย เพราะเราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก อย่างหมานี่ เราเกิดมาที่บ้านก็เลี้ยงแล้ว หมาจรจัดข้างถนน พอเราให้ข้าวเขาบ่อยๆ มันก็มาอยู่กับเราเอง เราไม่ได้บังคับให้มันมาอยู่ อย่างหมาที่โดนรถชน เราก็เอามารักษาจนหาย ถ้ามันอยากกลับก็ให้มันกลับ เราก็เอาไปไว้ที่เดิม หรือถ้ามันอยากอยู่ก็ให้อยู่กับเราไป ก็ขึ้นอยู่กับมันเอง”
“พ่อแม่ผม เขารักสัตว์มากนะ อย่างเวลาผมไปถ่ายงานละคร ท่านจะมาด้วย พอถึงเวลาพักกองหรือผมแสดงละครอยู่ เขาก็จะเอาอาหารไปเลี้ยงหมาตามข้างถนน เขาชอบเลี้ยง เรื่องค่าอาหารที่เลี้ยง พ่อกับแม่เขาจะเป็นคนดูแล ถ้าเป็นปลา เราก็จะไปซื้ออาหารปลาที่จตุจักร ซื้อทีหนึ่งถุงใหญ่ๆ มันก็ไม่แพงมาก อยู่ได้เดือนหนึ่ง ส่วนค่าอาหารแมวจะตกเดือนละ 200 บาท สุนัข 20 ตัวก็มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น”
เมื่อถามว่าถ้าที่บ้านไม่เลี้ยงสัตว์จะได้ไหม? “ผมเคยนอนคิดนะว่าถ้าที่บ้านผมไม่มีหมาเลยสักตัว มันต้องสบายมากแน่ๆ บ้านไม่ต้องสกปรก ไม่ต้องมานั่งเลี้ยง ไม่ต้องมาดูแล แต่พอเรานึกไปนึกมาดีๆ ถ้าบ้านเราไม่เลี้ยงมัน ตอนนี้พวกมันจะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จึงรู้สึกดีมากกว่าและมีความสุขที่ได้เลี้ยง ถ้าไม่เลี้ยงก็คงเหงาเหมือนกัน”
คงต้องบอกว่าบ้านหลังนี้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วยใจรักจริงๆ ถ้าไม่รักจริงคงเลี้ยงมากขนาดนี้ไม่ได้แน่ๆ
ปลูกฝังให้ลูก...รักสัตว์
คุณวราภรณ์ ไตรรัตน์ คุณแม่ของแน็กได้เลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่เด็ก จึงมีความรู้สึกผูกพัน และรักสัตว์เลี้ยงมาก เมื่อมีเวลาว่าง ส่วนใหญ่จะดูแลและเล่นกับสัตว์เลี้ยงอยู่เสมอ ทั้งยังสอนให้ลูกๆ ทั้ง 6 คน มีนิสัยรักสัตว์เหมือนกันทั้งครอบครัว
“แม่เลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าพวกเขาน่ารักดี เวลาเลี้ยงเขา เราดูแลเขา เขาก็สนิทกับเรา เหมือนเขาจะบอกจะสื่ออะไรให้เรารู้ตลอด จึงเป็นความผูกพันตั้งแต่เล็กๆ พอเราโตขึ้นมามีครอบครัวก็ยังชอบเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอยู่”
“รู้สึกผูกพันกับสัตว์เลี้ยงทุกตัวนะ เวลาเรากลับบ้านมาทุกตัวจะกระโดดโลดเต้น วิ่งกันไปมา มีอยู่ 4-5 ตัวที่ชอบกระโดดยืน 2 ขา เล่นด้วยกับเรา ตอนเช้าก็จะมีแมวมาร้องปลุก เราก็จะทำอาหารเม็ดที่เขาชอบให้ ต้องป้อนเขาด้วยถ้าไม่ป้อน ไม่ดูแล ก็จะงอนไม่มาหา ส่วนคุณพ่อจะช่วยดูกระรอกบิน นก แมว ปลา และหนูแกสบี้ แบ่งกันช่วยดูแล แม่มีลูก 6 คน ทุกคนรักสัตว์ ชอบสัตว์ เขามีความผูกพันกับสัตว์มาตั้งแต่เด็ก เราจะให้เขาเลี้ยงสัตว์เอง เวลาแม่ไม่อยู่บ้านก็จะบอกให้ลูกๆ ช่วยให้อาหารสัตว์ด้วยนะ ดูแลด้วย มันจึงเป็นความผูกพันไปโดยปริยาย ถ้าวันหนึ่งเราไม่เลี้ยงเขามันคงจะเหงามาก”
“ถ้าเราคิดจะเลี้ยงเขาแล้วต้องเลี้ยงจริงๆ ได้มาแล้วห้ามทิ้ง ต้องตั้งใจที่จะดูแลจริงๆ” คุณแม่กล่าวย้ำฝากถึงคนเลี้ยงสัตว์ให้ดูแลด้วยความรัก และเอาใจใส่อย่างแท้จริง
********************************************************
ข่าวโดยทีมข่าว M-Lite/ASTV สุดสัปดาห์