ตอนนี้มีการพูดถึงคำทำนายชุดหนึ่งซึ่งบางคนอ้างว่าเป็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ บางคนบอกว่าเป็นของผู้อื่น และท่านไปพบเมื่อปี 2518 แล้วถกเถียงกันว่ามันหมายถึงอะไร โดยเฉพาะในตอนสุดท้ายของคำทำนายที่ว่า จะมีสตรีขี่ม้าขาวมากวาดล้างมลทินให้สิ้นซากจากเมืองไทย จากนั้นบ้านเมืองจะกลายเป็นถิ่นอารยะ คำทำนายนี้ไม่มีการระบุเวลาว่าจะเป็นเมื่อไร จึงมีลักษณะคล้ายของชาวฝรั่งเศสชื่อนอสตราดามุสซึ่งมีชีวิตอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2046-2109 นั่นคือ เป็นคำทำนายว่าจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่โดยไม่ให้รายละเอียดยังผลให้ตีความหมายได้หลายอย่าง บางคนอ้างถึงเหตุการณ์ต่างๆ แล้วสรุปว่าคำทำนายแสนจะแม่นยำซึ่งมักทำให้ถูกกล่าวหาว่าตีขลุม
เท่าที่ตามอ่านความเห็นในหนังสือพิมพ์นี้ และที่แพร่กระจายอยู่ในอินเทอร์เน็ต การกวาดล้างมลทินครั้งใหญ่ตามคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำน่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ซึ่งตรงกับความเชื่อของคอลัมนิสต์ชื่อดังคนหนึ่งที่เขียนบ่อยๆ ว่า ปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทำนองฝนหลายห่าตกลงมาชะล้างคนเลวทรามและความชั่วช้าให้หมดไป จากนั้นฟ้าจะสดใสส่งผลให้เมืองไทยพัฒนาเป็นอารยประเทศ ผมเคยถามคอลัมนิสต์ผู้นั้นว่าอะไรทำให้เขาเชื่อเช่นนั้น เขาไม่ยอมอธิบาย
บางคนมองว่า คำทำนายนี้เกี่ยวโยงกับปี 2555 ซึ่งอ้างกันว่าทั้งชาวมายาและนอสตราดามุสทำนายไว้ตรงกัน นั่นคือ จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ขนาดทำให้โลกเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกับที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ เมื่อกลางปี 2552 พระสงฆ์ไทยอายุกว่า 100 ปีชื่อฐิติลาโภ ภิกขุ ก็ยืนยันว่าปี 2555 จะเกิดเหตุการณ์แนวนั้นแน่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการล่มสลายของอารยธรรมมายาเมื่อกว่าพันปีก่อนมักสรุปกันว่าชาวมายาไม่ได้ทำนายเช่นนั้น แต่เนื่องจากปฏิทินของพวกเขาสิ้นสุดแค่ปี 2555 จึงสรุปกันว่าชาวมายารู้ว่าปีนั้นจะเป็นวันสิ้นโลก
นอกจากคำทำนายซึ่งไม่มีคำอธิบายดังกล่าวแล้ว ปราชญ์ชาวฮังกาเรียนชื่อ เออร์วิน ลาสซโล วิเคราะห์ไว้เมื่อหลายปีก่อนว่าอะไรคือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2555 ลาสซโลอ้างว่าโลกกำลังมีปัญหาหนักหนาสาหัสเพราะพฤติกรรมของมนุษย์เรา ปัญหาแสดงอาการออกมาในรูปต่างๆ เช่น ช่องว่างระหว่างผู้มีและไม่มีโภคทรัพย์ที่นับวันจะยิ่งกว้างขึ้น ชาวโลกใช้ความรุนแรงและการก่อการร้ายเพิ่มขึ้น การตอบโต้การก่อการร้ายจากฝ่ายรัฐนำไปสู่สงครามและความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้น การใช้จ่ายเพื่อการทหารเพิ่มขึ้น ประเทศส่วนใหญ่ผลิตอาหารได้ไม่เพียงพอแก่ความต้องการ ชาวโลกขาดน้ำสะอาดและระบบนิเวศขาดสมดุลยิ่งขึ้น
ปัญหาเหล่านี้มีโอกาสก่อให้เกิดความล่มสลายทั้งในระดับประเทศและระดับโลกโดยเริ่มจากความแตกแยกรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปี 2555 เป็นช่วงเวลาที่จะชี้ว่าโลกจะเดินเข้าทางแห่งความล่มสลาย หรือจะวิวัฒน์ไปสู่ความยั่งยืน หากชาวโลกไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้เกิดแนวโน้มดังที่เห็นอยู่ โลกจะเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายแบบกู่ไม่กลับ
หากนำการวิเคราะห์ของลาสซโลมาจับเมืองไทย คำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและความเชื่อของคอลัมนิสต์ชื่อดังคงตีความหมายได้ว่า คนไทยจะเปลี่ยนพฤติกรรมจนทำให้เมืองไทยเดินเข้าสู่ทางแห่งความยั่งยืน โดยเริ่มต้นจากปีนี้และจะมีความมั่นคงชัดเจนในปีหน้า เรื่องพฤติกรรมของคนไทยที่ทำให้เกิดปัญหาหนักหนาสาหัสรวมทั้งความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ความยากจนและความแตกแยกร้ายแรงคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเพราะเห็นเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
ส่วนผู้นำที่จะทำให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งจะเป็นสตรีขี่ม้าขาวอาจตีความหมายได้หลายอย่างดังความเห็นของผู้อ่านบทความของอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพ ในหนังสือพิมพ์นี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผมมองว่าสตรีขี่ม้าขาวเป็นสัญลักษณ์ของกระบวนการที่ผู้ทำนายเสนอให้คนไทยทำให้เกิดขึ้นมากกว่าจะเป็นบุคคล และช่วงนี้เป็นโอกาสสุดท้าย หากคนไทยไม่ร่วมกันทำความล่มสลายก็จะมาเยือน กระบวนการอาจเป็นได้ในสองแบบคือ
แบบแรกเป็นไปในแนวปัจจุบันที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปีนี้ซึ่งจะได้นักการเมืองที่ไม่ค่อยมีความฉ้อฉล อย่าเพิ่งหัวเราะเพราะนั่นจะเป็นการดูแคลนพลังของกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ รวมทั้งของเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ตอนนี้มีฐานที่กลุ่มเคลื่อนไหวจะทำงานร่วมกันแล้ว นั่นคือ ข้อเสนอให้มีการปฏิรูปที่ดินของคณะกรรมการปฏิรูป เป็นไปได้ว่าอีกไม่ช้าผู้นำความเคลื่อนไหวจะมองเห็นว่าถ้ามีการรณรงค์อย่างเข้มข้นให้เลือกเฉพาะคนที่สนับสนุนการปฏิรูปที่ดินเข้าสภาฯ แน่นอนว่าเมืองไทยจะได้รัฐบาลที่ไม่ค่อยมีความฉ้อฉลซึ่งจะนำเมืองไทยไปสู่ความยั่งยืน
แบบที่สองเป็นข้อเสนอที่ให้มีการยุบสภาบวกการลาออกของนายกรัฐมนตรี ปัจจัยนี้จะเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลที่มาจากการร่วมมือกันของภาคส่วนต่างๆ ที่ไม่มีนักการเมืองในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย รูปแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยนายกรัฐมนตรีที่มีความกล้าหาญเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คนไทยที่มีความสามารถและรักชาติโดยปราศจากข้อกังขาจะต้องออกมาช่วยกัน มิฉะนั้น เมืองไทยจะเริ่มเดินเข้าทางแห่งความล่มสลายภายในปี 2555
เท่าที่ตามอ่านความเห็นในหนังสือพิมพ์นี้ และที่แพร่กระจายอยู่ในอินเทอร์เน็ต การกวาดล้างมลทินครั้งใหญ่ตามคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำน่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ซึ่งตรงกับความเชื่อของคอลัมนิสต์ชื่อดังคนหนึ่งที่เขียนบ่อยๆ ว่า ปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทำนองฝนหลายห่าตกลงมาชะล้างคนเลวทรามและความชั่วช้าให้หมดไป จากนั้นฟ้าจะสดใสส่งผลให้เมืองไทยพัฒนาเป็นอารยประเทศ ผมเคยถามคอลัมนิสต์ผู้นั้นว่าอะไรทำให้เขาเชื่อเช่นนั้น เขาไม่ยอมอธิบาย
บางคนมองว่า คำทำนายนี้เกี่ยวโยงกับปี 2555 ซึ่งอ้างกันว่าทั้งชาวมายาและนอสตราดามุสทำนายไว้ตรงกัน นั่นคือ จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ขนาดทำให้โลกเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกับที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ เมื่อกลางปี 2552 พระสงฆ์ไทยอายุกว่า 100 ปีชื่อฐิติลาโภ ภิกขุ ก็ยืนยันว่าปี 2555 จะเกิดเหตุการณ์แนวนั้นแน่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการล่มสลายของอารยธรรมมายาเมื่อกว่าพันปีก่อนมักสรุปกันว่าชาวมายาไม่ได้ทำนายเช่นนั้น แต่เนื่องจากปฏิทินของพวกเขาสิ้นสุดแค่ปี 2555 จึงสรุปกันว่าชาวมายารู้ว่าปีนั้นจะเป็นวันสิ้นโลก
นอกจากคำทำนายซึ่งไม่มีคำอธิบายดังกล่าวแล้ว ปราชญ์ชาวฮังกาเรียนชื่อ เออร์วิน ลาสซโล วิเคราะห์ไว้เมื่อหลายปีก่อนว่าอะไรคือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2555 ลาสซโลอ้างว่าโลกกำลังมีปัญหาหนักหนาสาหัสเพราะพฤติกรรมของมนุษย์เรา ปัญหาแสดงอาการออกมาในรูปต่างๆ เช่น ช่องว่างระหว่างผู้มีและไม่มีโภคทรัพย์ที่นับวันจะยิ่งกว้างขึ้น ชาวโลกใช้ความรุนแรงและการก่อการร้ายเพิ่มขึ้น การตอบโต้การก่อการร้ายจากฝ่ายรัฐนำไปสู่สงครามและความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้น การใช้จ่ายเพื่อการทหารเพิ่มขึ้น ประเทศส่วนใหญ่ผลิตอาหารได้ไม่เพียงพอแก่ความต้องการ ชาวโลกขาดน้ำสะอาดและระบบนิเวศขาดสมดุลยิ่งขึ้น
ปัญหาเหล่านี้มีโอกาสก่อให้เกิดความล่มสลายทั้งในระดับประเทศและระดับโลกโดยเริ่มจากความแตกแยกรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปี 2555 เป็นช่วงเวลาที่จะชี้ว่าโลกจะเดินเข้าทางแห่งความล่มสลาย หรือจะวิวัฒน์ไปสู่ความยั่งยืน หากชาวโลกไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้เกิดแนวโน้มดังที่เห็นอยู่ โลกจะเดินเข้าสู่ทางแห่งความล่มสลายแบบกู่ไม่กลับ
หากนำการวิเคราะห์ของลาสซโลมาจับเมืองไทย คำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและความเชื่อของคอลัมนิสต์ชื่อดังคงตีความหมายได้ว่า คนไทยจะเปลี่ยนพฤติกรรมจนทำให้เมืองไทยเดินเข้าสู่ทางแห่งความยั่งยืน โดยเริ่มต้นจากปีนี้และจะมีความมั่นคงชัดเจนในปีหน้า เรื่องพฤติกรรมของคนไทยที่ทำให้เกิดปัญหาหนักหนาสาหัสรวมทั้งความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ความยากจนและความแตกแยกร้ายแรงคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเพราะเห็นเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
ส่วนผู้นำที่จะทำให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งจะเป็นสตรีขี่ม้าขาวอาจตีความหมายได้หลายอย่างดังความเห็นของผู้อ่านบทความของอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพ ในหนังสือพิมพ์นี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผมมองว่าสตรีขี่ม้าขาวเป็นสัญลักษณ์ของกระบวนการที่ผู้ทำนายเสนอให้คนไทยทำให้เกิดขึ้นมากกว่าจะเป็นบุคคล และช่วงนี้เป็นโอกาสสุดท้าย หากคนไทยไม่ร่วมกันทำความล่มสลายก็จะมาเยือน กระบวนการอาจเป็นได้ในสองแบบคือ
แบบแรกเป็นไปในแนวปัจจุบันที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปีนี้ซึ่งจะได้นักการเมืองที่ไม่ค่อยมีความฉ้อฉล อย่าเพิ่งหัวเราะเพราะนั่นจะเป็นการดูแคลนพลังของกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ รวมทั้งของเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ตอนนี้มีฐานที่กลุ่มเคลื่อนไหวจะทำงานร่วมกันแล้ว นั่นคือ ข้อเสนอให้มีการปฏิรูปที่ดินของคณะกรรมการปฏิรูป เป็นไปได้ว่าอีกไม่ช้าผู้นำความเคลื่อนไหวจะมองเห็นว่าถ้ามีการรณรงค์อย่างเข้มข้นให้เลือกเฉพาะคนที่สนับสนุนการปฏิรูปที่ดินเข้าสภาฯ แน่นอนว่าเมืองไทยจะได้รัฐบาลที่ไม่ค่อยมีความฉ้อฉลซึ่งจะนำเมืองไทยไปสู่ความยั่งยืน
แบบที่สองเป็นข้อเสนอที่ให้มีการยุบสภาบวกการลาออกของนายกรัฐมนตรี ปัจจัยนี้จะเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลที่มาจากการร่วมมือกันของภาคส่วนต่างๆ ที่ไม่มีนักการเมืองในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย รูปแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยนายกรัฐมนตรีที่มีความกล้าหาญเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คนไทยที่มีความสามารถและรักชาติโดยปราศจากข้อกังขาจะต้องออกมาช่วยกัน มิฉะนั้น เมืองไทยจะเริ่มเดินเข้าทางแห่งความล่มสลายภายในปี 2555