xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตขึ้นอยู่กับ แม้ว-ปู จะเลือกเดินลงนรกก็เอาเลย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลายคนประเมินว่าสถานการณ์การเมืองในปีหน้าน่าจะร้อนแรง บางคนถึงขั้นวิเคราะห์ว่าอาจถึงขั้น “แตกหัก” ก็มี เนื่องจากเห็นว่ามีหลายประเด็นขัดแย้งที่ประดังเข้ามา และมาถึงจุดที่ต้องเดินหน้าทำให้สำเร็จโดยเร็ว

นัยว่าหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยออกไปตัวเองก็จะยิ่งหมดโอกาส อีกทั้งยังมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้เข้ามาเพิ่มเติม ก็เป็นตัวเร่งให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นไปอีก

ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่เสียก่อนทำให้หลายเรื่องต้องชะลอออกไปก่อน ขณะเดียวกันหากพิจารณากันอีกด้าน มันก็เป็นการ “ปรับความสมดุล” โดยธรรมชาติ นั่นคือจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทำให้คนไทยได้เห็น “ตัวตน” และสติปัญญาที่แท้จริงของ นายกรัฐมนตรี “โคลนนิ่ง” ได้ชัดเจนขึ้น ได้เห็นถึงความห่วยแตก ไม่เอาไหนของพรรคเพื่อไทย รวมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังว่าเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวแค่ไหน ทำให้ขั้วการเมืองกลับมาสูสีมากขึ้น ไม่ได้ทิ้งขาดเหมือนก่อน

ปรากฏการณ์จากปัญหาน้ำท่วมดังกล่าว ทำให้คนไทยไม่น้อยได้ตาสว่าง ทำให้ได้เห็นความจริงว่า ที่แท้คนพวกนี้มันไม่ได้เจ๋งจริง ไม่เป็นเทวดาอย่างที่ได้คุยโตโอ้อวดเอาไว้ เพราะเวลานี้ชาวบ้านกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส การฟื้นฟูก็ล่าช้า ไม่ทั่วถึง ขณะที่ปัญหาในวันข้างหน้าก็ดูแล้วน่าจะมืดมนนทกาล

ที่น่าเจ็บปวดไปยิ่งกว่านั้นก็คือในภาวะที่ชาวบ้านกำลังเดือดร้อน เลือดตาแทบกระเด็น รัฐบาลที่พวกเขาเทใจเลือกเข้ามา เพื่อหวังฝากผีฝากไข้กลับทรยศต่อความไว้วางใจ หมกมุ่นอยู่แค่เรื่องช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร หรือทำทุกทางเพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ เพียงคนเดียวเท่านั้น

สามสี่เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ผู้นำและคนในรัฐบาลชุดนี้ทุ่มเทแข่งขันกันทำงานก็เพื่อเอาอกเอาใจเขาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพาสปอร์ต เรื่องการอำนวยความสะดวกในการเดินทางในต่างประเทศ การเจรจากับต่างประเทศที่ล้วนแล้วแต่มีข้อพิรุธเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งสิ้น
ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นระหว่างที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ไปเยือนพม่าและมีการเจรจาตกลงเรื่องธุรกิจพลังงาน รวมไปถึงโครงการในเขตนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรือน้ำลึกทวาย และอีกวันสองวันนี้ ก็กำลังมีการเจรจาเรื่องพลังงานในกัมพูชา ที่ยังมีข้อครหาในเรื่องการยกดินแดนเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ ดังที่ทราบกันไปแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสอดไส้ขอพระราชทานอภัยโทษ แม้ว่าจะไม่สำเร็จ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า หากเผลอเมื่อไหร่ก็เอาเปรียบทุกที

สำหรับสถานการณ์การเมืองในช่วงปีใหม่ ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างประดังเข้ามา หนึ่งก็คือเรื่องปัญหาปากท้องที่ต่อเนื่องมาจากปีนี้

ฟันธงว่า “ข้าวยากหมากแพง” แน่นอน สาเหตุก็ย่อมมาจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะส่งผลกระทบอย่างจังต่อนโยบายจำนำข้าว ที่นอกจากปัญหาเรื่องทุจริตแทบจะทุกขั้นตอนแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ ชาวบ้านที่แม้มีข้าวเหลือรอดจากน้ำท่วมก็ไม่สามารถขายได้ราคาประกัน เนื่องจากถูกโรงสีกดราคา โดยอ้างความชื้นสูง

ปัญหาว่างงาน นโยบายขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท ก็ถูกขัดขวางจากภาคเอกชนโดยอ้างต้นทุนสูงขึ้น และในนามของสภาอุตสาหกรรมได้เตรียมการฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้รัฐบาลชะลอนโยบายดังกล่าวจากเดิมที่กำหนดนำร่อง 7 จังหวัดในวันที่ 1 เมษายนปีหน้า ให้เลื่อนออกไปก่อน

ประกอบกับในปีหน้าเศรษฐกิจจากภายนอกทั้งสหรัฐอเมริกา และยุโรป ที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังมีปัญหา หรือแม้กระทั่งจีน ก็เริ่มเข้าสู่ชะลอตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณทางด้านลบทั้งสิ้น

ขณะเดียวกันเมื่อหันมาพิจารณาจากความสามารถและสติปัญญาของ นายกรัฐมนตรีของเรา คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่าว่าแต่จะแสดงภาวะผู้นำให้เห็นเลย เอาแค่การพูดการตอบคำถามให้รู้เรื่องเกิดความเข้าใจให้เห็นก่อนยังยากเลย แล้วจะมีความหวังเรื่องอื่นๆได้อย่างไร

อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นสัปดาห์เริ่มมีการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม ไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า ทำให้เริ่มเป็นประเด็นร้อนฉ่าขึ้นมาทันที

เพราะสังคมรู้ดีว่าเป้าหมายก็เพื่อให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้พ้นผิด

โดยการแก้ไขเพื่อต้องการให้ลบล้างองค์กรอิสระที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน (ปี 50) เสมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะเดียวกันจะทำให้ทักษิณพ้นมลทินสามารถกลับมาสู่งวงการเมืองคืนสู่อำนาจได้อีกรอบ

นอกจากนี้ยังพ่วงแก้ไขเพื่อนำไปสู่การแก้ไข หรือยกเลิก มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ใส่ร้ายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย ความเคลื่อนไหวดังกล่าวย่อมนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ดีนาทีนี้ถือว่าเรื่องปากท้องยังเป็นเรื่องอ่อนไหวสำคัญลำดับต้นๆของชาวบ้าน ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากระดับสติปัญญาของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้ว ไม่น่าจะมีความพร้อมสำหรับการรับมือกับความตึงเครียดทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งคนไทยเวลานี้ตื่นตัวและเริ่มรำคาญกับความเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอของทักษิณ ชินวัตร มากขึ้นทุกวัน

ดังนั้นสถานการณ์ในวันข้างหน้า มันก็ขึ้นอยู่กับ “สองพี่น้อง” คู่นี้ว่าจะเลือกเดินไปทางไหน ถ้าเลือกลงนรก ก็ต้องเจอในเร็ววันแน่นอน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น