ศูนย์ข่าวศรีราชา - บิ๊กนิคมอุตสาหกรรม ยักษ์ใหญ่ภาคตะวันออก ชี้ วิกฤตน้ำท่วมทำทุนนอกเตรียมย้ายฐานผลิตเข้าประเทศเพื่อนบ้าน ขณะพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกยังได้อานิสงส์ จากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม หลังผู้ประกอบการในพื้นที่ซึ่งถูกน้ำท่วมแห่หนีลงทุนในพื้นที่สูง
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้บริหารระดับสูง บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน ซึ่งต่อไปในอนาคต นักธุรกิจจะมองหาแหล่งลงทุนที่ภูมิศาสตร์ของพื้นที่ โดยเฉพาะเส้นทางน้ำไหลลงสู่ทะเลซึ่งหากก่อตั้งสถานประกอบการอยู่ในร่องน้ำไหลลงสู่ปากอ่าวทะเลก็จะทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น
“บทเรียนในครั้งนี้รัฐบาลควรมองถึงความรุนแรงในอนาคต โดยสมมติว่า จะเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัว ซึ่งในการหาทางป้องกันแก้ไขปัญหาที่ผ่านมานั้นรัฐบาลยังไม่มีประสบการณ์และถือเป็นมือใหม่ จนทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมจึงต้องกลับมาคิดทบทวนวางแผน ว่า หากเหตุการณ์เช่นนี้กลับมาเกิดขึ้นอีกจะทำอย่างไร และต้องมองว่าหากมีภัยพิบัติเกิดซ้ำขึ้นจะยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นและจะมีความถี่ของการเกิดมากยิ่งขึ้นด้วย”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติได้มองสถานการณ์ที่ผ่านมา ว่า เป็นอุทกภัยที่หนักหนาสาหัสและยังมีอีกหลายคนที่มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากการบริหารที่ไม่ดีย่อมก่อให้เกิดความเสียหายมาก ส่วนพื้นที่ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วม คือ พื้นที่สูง และอยู่ห่างจากที่ลุ่มน้ำท่วม
ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกนั้นมีความได้เปรียบภาคอื่นๆ เพราะอยู่ใกล้ทะเล ใกล้ท่าเรือน้ำลึก ใกล้สนามบินจึงถูกมองไว้เป็นทางเลือกแรกๆ ในการย้ายฐานผลิต
“เหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบต่อด้านการลงทุนในประเทศไทยระยะยาว ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่ประสบปัญหาส่วนใหญ่ได้เตรียมแผนที่จะย้ายฐานการผลิตเพื่อหนีปัญหาน้ำท่วมไปยังประเทศเพื่อนบ้านของเราแล้ว ทั้งเวียดนามและกัมพูชาโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น เดลต้า อิเล็กทรอนิกส์) และโรงงานผลิตเกี่ยวกับอุปกรณ์ถ่ายภาพชื่อดัง (แคนนอน) ได้ย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศกัมพูชา และเวียดนามแล้ว” นายวิกรม กล่าว
ขณะที่ นายชูชาติ สายถิ่น ผู้จัดการบริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ อมตะฯได้เตรียมแผนจัดทำโครงการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศให้เป็นอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อลดมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม รองรับการเติบโตของนิคมฯ ซึ่งขณะนี้นิคมอมตะนครมีโรงงานอยู่กว่า 700 แห่ง บนเนื้อที่กว่า 2 หมื่นไร่ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 20 ตำบลใน 4 อำเภอ คือ อำเภอเมืองชลบุรี พนัสนิคม พานทอง และอำเภอบางปะกง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
โดยหลังจากที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่เคยมีโรงงานอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมได้เตรียมแผนระยะยาว ในการที่จะย้ายโรงงานเข้ามาสู่พื้นที่ภาคตะวันออก ทำให้ขณะนี้หลายโรงงานได้ติดต่อสอบถาม ข้อมูลมายังนิคมฯวันละ 5-10รายเพื่อเตรียมย้ายเข้ามาตั้งโรงงานในพื้นที่
และคาดว่า หลังจากผ่านวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ในภาคกลางไปแล้ว จะมีโรงงานอุตสาหกรรมย้ายเข้ามาตั้งฐานการผลิตอีกไม่น้อยกว่า 100 โรงงาน ซึ่งทางนิคมฯมีความพร้อมที่จะรองรับได้ ทั้งการเข้ามาในรูปแบบของการขอเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบการ ซึ่งทางนิคมฯมีโรงงานที่ปลูกสร้างไว้สำเร็จเพื่อเป็นโรงงานให้เช่า ซึ่งนักลงทุนสามารถขนย้ายเครื่องจักรเข้ามาทำการผลิตได้ในทันที และยังมีที่ดินว่างเปล่า ที่ผู้ประกอบการสามารถซื้อเป็นกรรมสิทธิ์ และใช้ในการก่อสร้างโรงงานอยู่ในพื้นที่ได้อีกเช่นกัน
