ณ วันนี้คงเป็นที่ตระหนักกันโดยทั่วไปแล้วว่า ภาวะน้ำท่วมใหญ่ได้สร้างปัญหาหนักหนาสาหัสโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดรอบข้าง อย่างไรก็ตาม คงมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของคนไทยที่คิดต่อไปว่า ถ้าน้ำจากภาคเหนือเพียงอย่างเดียวยังทำความเสียหายได้ถึงขนาดนี้ หากมีภาวะร้ายแรงเข้ามาผสมโรง เมืองไทยคงจะตายโหงแน่นอน
เราทราบกันดีแล้วว่า ภาวะโลกร้อนทำให้ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนไปยังผลให้เกิดพายุใหญ่บ่อยขึ้นและแต่ละครั้งอาจร้ายแรงยิ่งขึ้นด้วย ต่อไปการเกิดพายุใหญ่หลายลูกติดต่อกันจนทำให้น้ำจากภาคเหนือไหลลงมาทางใต้ในระดับของปีนี้ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงมาก ปีนี้เรายังโชคดีที่มีเพียงน้ำทะเลหนุนธรรมดาเข้ามาสมทบกับน้ำเหนือซึ่งอาจมองได้ว่ากรุงเทพฯ ถูกโจมตีด้วยข้าศึกที่ส่งกองทัพมาเพียงทัพครึ่ง นั่นคือ ทัพบกยกมาจากภาคเหนือและกองกำลังเพียงครึ่งหนึ่งของทัพเรือยกมาจากภาคใต้ในรูปของน้ำทะเลหนุนธรรมดา เป็นไปได้สูงว่า คราวหน้าข้าศึกจะส่งกองทัพมาครบทั้งสามด้านเพื่อถล่มกรุงเทพฯ ให้จมบาดาลนานนับเดือน
สามทัพจากสามด้านจะประกอบด้วยน้ำปริมาณสูงมากจากภาคเหนือเช่นเดียวกับน้ำที่กำลังท่วมอยู่ในปัจจุบันอันเป็นเสมือนทัพบก เมื่อยกมาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล กองทัพนี้จะมีกองทัพอากาศและกองทัพเรือเต็มอัตรายกมาสมทบในรูปของพายุใหญ่ที่ทำให้ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันและคลื่นในอ่าวไทยขนาดใหญ่ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า “สตอร์ม เสิร์จ” (Storm Surge) เมื่อสามทัพนี้เข้าโจมตีพร้อมกัน กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะจมบาดาลเป็นเวลานานนับเดือนส่งผลให้เมืองไทยล่มจมเพราะสภาพสังคมและเศรษฐกิจไทยจะตกอยู่ในสภาพอ่อนแอมากเมื่อถึงตอนนั้น
ความอ่อนแอของสังคมน่าจะเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดมานานแล้ว แต่คนไทยส่วนใหญ่ทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ตัวชี้วัดความอ่อนแอที่เด่นชัดที่สุดคือ การไม่ทำตามกฎเกณฑ์ที่ตนเองวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจรซึ่งมีรถมอเตอร์ไซค์ขับย้อนศรกันเป็นว่าเล่น เรื่องระบอบประชาธิปไตยซึ่งซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันจนได้คนถ่อยและผู้ด้อยความรู้ความสามารถเข้ามาอยู่ในรัฐสภา และนายกรัฐมนตรีสมองกลวงเข้ามารับทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง หรือเรื่องฉ้อฉลจนเข้ากระดูกดำของตำรวจ ข้าราชการ และนักการเมืองทุกระดับ
ความอ่อนแอทางสังคมนี้จะมีผลทำให้การแสวงหาทาง และการสร้างการบริหารจัดการน้ำที่ว่าจะทำกันอย่างจริงจังดังที่พ่นน้ำลายกันอยู่ในวันนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างการสร้างทางน้ำไหลขนาดใหญ่ลงไปสู่ทะเลที่เรียกว่า “ฟลัดเวย์” (Floodway) นั้นจะต้องผ่านพื้นที่ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างขวางทางอยู่แล้วทั้งทางตะวันออก ทางตะวันตก และในใจกลางของกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนี้มีตัวชี้บ่งว่าน้ำต้องการไหลผ่านมาตามถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธิน ขอปรามาสไว้ในวันนี้เลยว่า รัฐบาลจะไม่มีน้ำยาและความกล้าสูงพอทั้งในด้านที่จะมีคณะรัฐมนตรีและผู้มีงานในรัฐบาลยอมสละผลประโยชน์ของตน และในด้านการเอาชนะผู้ที่มีผลประโยชน์สูง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินในย่านชานเมือง หรือเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ในกลางใจเมือง
จากมุมมองของการมีส่วนร่วมโดยการยอมทำตามด้วยความสมัครใจ เมื่อรัฐต้องการสร้างทางน้ำไหลก็ขอปรามาสไว้เลยว่า จะไม่มีคนไทยในจำนวนมากพอที่จะยอมเสียสละผลประโยชน์ของตน ฉะนั้น การพ่นน้ำลายกันในวันนี้จะไม่มีผลในทางกายภาพอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้น การบริหารจัดการก็ยังจะล้มเหลวต่อไปเช่นเดียวกับในปัจจุบันเนื่องจากรัฐบาลจำพวกสมองกลวงและฉ้อฉลจะคงอยู่ต่อไปเพราะการใช้กลการเมืองสามานย์ กระบวนการนี้อาจมีผลร้ายถึงขนาดทำให้เกิดสงครามกลางเมือง
ในด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยที่จะทำให้เกิดความอ่อนแอได้แก่การกู้หนี้ยืมสิน ทั้งในส่วนที่ว่าจะนำมาใช้ในการฟื้นฟูความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในปัจจุบัน ในการวางทางป้องกันน้ำท่วมในอนาคต และในโครงการประชานิยม เงินที่กู้มานี้จะมีความสูญเปล่าสูงกว่าธรรมดาเพราะจะอ้างความจำเป็นเร่งด่วนถลุงกันโดยไม่ผ่านกระบวนการงบประมาณปกติ เช่น การประกวดราคา คาดเดากันได้เลยว่าในขณะนี้มีนักการเมืองจำพวกปลาไหลน้ำลายสอรอท่าอยู่แล้ว
หากถามว่ารัฐบาลและชาวบ้านควรจะทำอะไรมากกว่าการร่วมสร้างทางน้ำไหลดังกล่าว ขอเสนอว่าในระดับรัฐบาลนอกจากจะเร่งวางโครงสร้างทางการบริหารจัดการน้ำที่ดีแล้ว ควรจะมีการรื้อฟื้นแนวคิดเรื่องการสร้างเมืองใหม่ไว้นอกเขตสามเหลี่ยมทองคำแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอันเกิดจากการลากเส้นจากปากแม่น้ำบางปะกงตรงไปยังปากแม่น้ำแม่กลองและจากปากแม่น้ำทั้งสองลากเส้นไปบรรจบกันที่ปากน้ำโพ
สำหรับในระดับบุคคล ขอเสนอว่าอย่าหวังว่ารัฐบาลจะสร้างทางป้องกันพร้อมการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพได้ ฉะนั้น จงหาทางหนีทีไล่ไว้ให้พร้อมโดยยึดเอาระดับน้ำท่วมในปัจจุบันเป็นแนวขั้นต่ำ ผู้ไม่ยอมทำเช่นนั้นจะจมบาดาลแน่นอนเมื่อน้ำท่วมใหญ่ในวันข้างหน้า
เราทราบกันดีแล้วว่า ภาวะโลกร้อนทำให้ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนไปยังผลให้เกิดพายุใหญ่บ่อยขึ้นและแต่ละครั้งอาจร้ายแรงยิ่งขึ้นด้วย ต่อไปการเกิดพายุใหญ่หลายลูกติดต่อกันจนทำให้น้ำจากภาคเหนือไหลลงมาทางใต้ในระดับของปีนี้ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงมาก ปีนี้เรายังโชคดีที่มีเพียงน้ำทะเลหนุนธรรมดาเข้ามาสมทบกับน้ำเหนือซึ่งอาจมองได้ว่ากรุงเทพฯ ถูกโจมตีด้วยข้าศึกที่ส่งกองทัพมาเพียงทัพครึ่ง นั่นคือ ทัพบกยกมาจากภาคเหนือและกองกำลังเพียงครึ่งหนึ่งของทัพเรือยกมาจากภาคใต้ในรูปของน้ำทะเลหนุนธรรมดา เป็นไปได้สูงว่า คราวหน้าข้าศึกจะส่งกองทัพมาครบทั้งสามด้านเพื่อถล่มกรุงเทพฯ ให้จมบาดาลนานนับเดือน
สามทัพจากสามด้านจะประกอบด้วยน้ำปริมาณสูงมากจากภาคเหนือเช่นเดียวกับน้ำที่กำลังท่วมอยู่ในปัจจุบันอันเป็นเสมือนทัพบก เมื่อยกมาถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล กองทัพนี้จะมีกองทัพอากาศและกองทัพเรือเต็มอัตรายกมาสมทบในรูปของพายุใหญ่ที่ทำให้ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันและคลื่นในอ่าวไทยขนาดใหญ่ซึ่งเรียกกันโดยทั่วไปว่า “สตอร์ม เสิร์จ” (Storm Surge) เมื่อสามทัพนี้เข้าโจมตีพร้อมกัน กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะจมบาดาลเป็นเวลานานนับเดือนส่งผลให้เมืองไทยล่มจมเพราะสภาพสังคมและเศรษฐกิจไทยจะตกอยู่ในสภาพอ่อนแอมากเมื่อถึงตอนนั้น
ความอ่อนแอของสังคมน่าจะเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดมานานแล้ว แต่คนไทยส่วนใหญ่ทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ตัวชี้วัดความอ่อนแอที่เด่นชัดที่สุดคือ การไม่ทำตามกฎเกณฑ์ที่ตนเองวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจรซึ่งมีรถมอเตอร์ไซค์ขับย้อนศรกันเป็นว่าเล่น เรื่องระบอบประชาธิปไตยซึ่งซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันจนได้คนถ่อยและผู้ด้อยความรู้ความสามารถเข้ามาอยู่ในรัฐสภา และนายกรัฐมนตรีสมองกลวงเข้ามารับทำหน้าที่บริหารบ้านเมือง หรือเรื่องฉ้อฉลจนเข้ากระดูกดำของตำรวจ ข้าราชการ และนักการเมืองทุกระดับ
ความอ่อนแอทางสังคมนี้จะมีผลทำให้การแสวงหาทาง และการสร้างการบริหารจัดการน้ำที่ว่าจะทำกันอย่างจริงจังดังที่พ่นน้ำลายกันอยู่ในวันนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างการสร้างทางน้ำไหลขนาดใหญ่ลงไปสู่ทะเลที่เรียกว่า “ฟลัดเวย์” (Floodway) นั้นจะต้องผ่านพื้นที่ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างขวางทางอยู่แล้วทั้งทางตะวันออก ทางตะวันตก และในใจกลางของกรุงเทพฯ ซึ่งตอนนี้มีตัวชี้บ่งว่าน้ำต้องการไหลผ่านมาตามถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธิน ขอปรามาสไว้ในวันนี้เลยว่า รัฐบาลจะไม่มีน้ำยาและความกล้าสูงพอทั้งในด้านที่จะมีคณะรัฐมนตรีและผู้มีงานในรัฐบาลยอมสละผลประโยชน์ของตน และในด้านการเอาชนะผู้ที่มีผลประโยชน์สูง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินในย่านชานเมือง หรือเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ในกลางใจเมือง
จากมุมมองของการมีส่วนร่วมโดยการยอมทำตามด้วยความสมัครใจ เมื่อรัฐต้องการสร้างทางน้ำไหลก็ขอปรามาสไว้เลยว่า จะไม่มีคนไทยในจำนวนมากพอที่จะยอมเสียสละผลประโยชน์ของตน ฉะนั้น การพ่นน้ำลายกันในวันนี้จะไม่มีผลในทางกายภาพอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้น การบริหารจัดการก็ยังจะล้มเหลวต่อไปเช่นเดียวกับในปัจจุบันเนื่องจากรัฐบาลจำพวกสมองกลวงและฉ้อฉลจะคงอยู่ต่อไปเพราะการใช้กลการเมืองสามานย์ กระบวนการนี้อาจมีผลร้ายถึงขนาดทำให้เกิดสงครามกลางเมือง
ในด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยที่จะทำให้เกิดความอ่อนแอได้แก่การกู้หนี้ยืมสิน ทั้งในส่วนที่ว่าจะนำมาใช้ในการฟื้นฟูความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในปัจจุบัน ในการวางทางป้องกันน้ำท่วมในอนาคต และในโครงการประชานิยม เงินที่กู้มานี้จะมีความสูญเปล่าสูงกว่าธรรมดาเพราะจะอ้างความจำเป็นเร่งด่วนถลุงกันโดยไม่ผ่านกระบวนการงบประมาณปกติ เช่น การประกวดราคา คาดเดากันได้เลยว่าในขณะนี้มีนักการเมืองจำพวกปลาไหลน้ำลายสอรอท่าอยู่แล้ว
หากถามว่ารัฐบาลและชาวบ้านควรจะทำอะไรมากกว่าการร่วมสร้างทางน้ำไหลดังกล่าว ขอเสนอว่าในระดับรัฐบาลนอกจากจะเร่งวางโครงสร้างทางการบริหารจัดการน้ำที่ดีแล้ว ควรจะมีการรื้อฟื้นแนวคิดเรื่องการสร้างเมืองใหม่ไว้นอกเขตสามเหลี่ยมทองคำแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอันเกิดจากการลากเส้นจากปากแม่น้ำบางปะกงตรงไปยังปากแม่น้ำแม่กลองและจากปากแม่น้ำทั้งสองลากเส้นไปบรรจบกันที่ปากน้ำโพ
สำหรับในระดับบุคคล ขอเสนอว่าอย่าหวังว่ารัฐบาลจะสร้างทางป้องกันพร้อมการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพได้ ฉะนั้น จงหาทางหนีทีไล่ไว้ให้พร้อมโดยยึดเอาระดับน้ำท่วมในปัจจุบันเป็นแนวขั้นต่ำ ผู้ไม่ยอมทำเช่นนั้นจะจมบาดาลแน่นอนเมื่อน้ำท่วมใหญ่ในวันข้างหน้า