xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” หนุน ศปภ.รับความจริง กทม.เสี่ยง 50 เขต เร่งตั้งหน่วยหน้าแจง ปชช.พร้อมอพยพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.และคณะได้เดินทางไปเยี่ยมโรงครัวชาวใต้เขตสายไหม
“อภิสิทธิ์” หนุน ศปภ.รับความจริง กทม.เสี่ยงน้ำท่วม 50 เขต ควรตั้งหน่วยหน้าสำรวจพื้นที่ให้ความรู้ชาวบ้านเตรียมรับมือ อย่ารีบพูดแผนใช้เงิน 8-9 แสนล้าน หลังน้ำลด เพราะความเสียหายยังไม่จบ ค้านนำเข้าสินค้าแก้ขาดแคลน ควรทำแผนกระจายให้ทั่วถึงมากกว่า แนะ “ปู” เข้มแข็ง รับความจริง ยอมเปลี่ยนแนวทางจะระงับความเสียหายได้



วันที่ 3 พ.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ประสบอุทกภัยบริเวณเขตสายไหม เพื่อเยี่ยมโรงครัวใต้ช่วยภัยน้ำท่วมที่โรงเรียนออเงิน ซึ่งทำอาหารกล่องแจกชาวบ้านวันละ 1 พันกล่อง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ประกาศให้พื้นที่ กทม.50 เขตเสี่ยงภัยน้ำท่วม ว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลเริ่มยอมรับความจริง เพราะที่ผ่านมามีการส่งสัญญาณว่าปลอดภัย ทำให้ประชาชนเกิดความประมาท ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลร่วมกับ กทม.จัดทีมเฉพาะกิจสำรวจพื้นที่เป็นทีมแนวหน้าของน้ำไล่ดูตามพื้นที่ ทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะปัญหาคือการช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากประชาชนไม่ได้เตรียมตัว และบางส่วนไม่ตัดสินใจอพยพทั้งที่ควรอพยพ ดังนั้น หากมีทีมไปเร่งการตัดสินใจ บอกประชาชนให้สังเกตด้วยตัวเองได้ว่าอะไรเป็นตัวบ่งบอกว่าถึงเวลาต้องเตรียมตัวก็จะช่วยลดความเสียหายได้ ซึ่งทำในขณะนี้ก็ยังไม่สายเพราะยังมีเกือบ 20 เขตที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่มีความเสี่ยงอยู่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งให้ความจริง ไม่เสียสมาธิไปพูดเรื่องหลังน้ำลด เพราะต้องบริหารสถานการณ์ที่กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน มีทั้งคนที่แช่น้ำเป็นเดือน และที่กำลังจะถูกน้ำท่วมอีกมาก ในขณะที่แนวของน้ำรุกคืบมาตลอดระดับน้ำเพิ่มขึ้น ตนไม่ทราบว่ารัฐบาลมีแผนหยุดยั้งอย่างไร แต่เท่าที่ตระเวนในพื้นที่ต่างๆ ยังไม่เห็นสัญญาณว่ารัฐบาลจะหยุดน้ำเหล่านี้ได้

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ ศปภ.ประกาศ 50 เขตไม่ปลอดภัยยังไม่พอ ต้องแนะนำประชาชนด้วยว่าจะปรับตัวอย่างไรเพื่อใช้ชีวิตต่อจากนี้ ส่วนการอพยพนั้นก็ต้องดูบทเรียนจากศูนย์อพยพต่างๆ บางส่วนต้องออกไปต่างจังหวัด ซึ่งรัฐบาลต้องจูงใจประชาชนให้อพยพโดยจะแก้ปัญหาด้วยการตามใจทุกคนไม่ได้ เพราะอาจทำให้เดือดร้อนมากยิ่งขึ้น

นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า กรุงเทพฯ กำลังเข้าใกล้คำว่าเป็นอัมพาต เพราะเส้นทางจราจรจะถูกปิดมากขึ้น จึงต้องเร่งดูทางหนีทีไล่ ว่า เส้นทางจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญที่สุด คือระบบการกระจายสินค้าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะความขาดแคลนจะเกิดขึ้นต้องมีมาตรการมารองรับ แต่รัฐบาลไปเน้นเรื่องจำนวนการผลิตทดแทนด้วยการนำเข้าซึ่งยังไม่ตรงจุด เพราะปัญหาอยู่ที่การกระจายสินค้ามากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า ตอนนี้ถุงทรายขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กแบ็ก ไม่ใช่คำตอบที่จะคลี่คลายสถานการณ์ ตนไม่ทราบว่าจุดประสงค์การทำบิ๊กแบ็กคืออะไร รัฐบาลอาจต้องการแก้ปัญหาทางตอนเหนือของ กทม.ต้องรอดูผลก่อน และมีความเป็นห่วงเรื่องของน้ำประปาและไฟฟ้า ซึ่งหากเป็นเหตุสุดวิสัยคนคงเข้าใจ แต่ต้องป้องกันไม่ให้มวลชน หรือนักการเมืองเข้าไปมีบทบาททำลายคันกั้นน้ำทำให้น้ำประปามีปัญหา

ส่วนกรณีที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อ้างว่า มีมือที่สามเข้าไปป่วนที่คลองสามวานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีคนบอกตนว่ามือที่สาม คือ มือของ นายวิชาญ ที่เข้าไปปั่นป่วน แล้วใครไปบังคับนายวิชาญเพราะคนสั่งได้มีแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คนเดียว อีกทั้งการเปิดประตูระบายน้ำ 1 เมตร ก็เป็นไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้น้ำจากคลองสามวากระจายไปหลายพื้นที่ คนตัดสินใจต้องรับผิดชอบ และเหตุการณ์เช่นนี้ต้องให้เป็นกรณีสุดท้ายของการใช้อำนาจ เพราะไม่มีเหตุผลรองรับเกี่ยวกับยุทธศาสตร์บริหารน้ำ ที่ผ่านมาตนพยายามหลีกเลี่ยงไม่วิจารณ์รัฐบาล แต่นายกกลับหยิบยกเรื่องน้ำในเขื่อนมาเป็นการเมืองโดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนไม่เข้าใจทำไมนายกไม่เอาเวลาไปดูแลป้องกันความเสียหายให้ประชาชน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังแสดงความไม่เห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีเตรียมทำแผนแม่บทประเทศ โดยระบุว่า ไม่คิดว่าการทำแผนแม่บทประเทศจะทำได้จนกว่าจะทราบความเสียหายทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร วันนี้ รัฐบาลมีความคลาดเคลื่อนสับสนตลอดเวลาว่าความเสียหายจะไปสิ้นสุดที่ไหน การพูดถึงเงิน 8-9 แสนล้านบาทยังไม่เหมาะสม แต่ควรพูดถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขให้ประชาชน แบ่งพื้นที่มอบหมายคนดูแลทั้งในส่วนที่ไม่ประสบอุทกภัยแต่มีคนตกงานกลับไปอยู่บ้าน และยังมีส่วนที่ต้องฟื้นฟูหลังน้ำลด แต่รัฐบาลก็สบสนเพราะเคยบอกว่าบางระกำเป็นต้นแบบ แต่กลับเพิ่มโครงการปากน้ำโพว่าจะเป็นต้นแบบใหม่ทั้งที่ควรจะแก้ปัญหาให้เกิดความต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่ที่ยังมีน้ำขังก็ยังต้องดูแลอย่างทั่วถึง รวมทั้งพื้นที่กำลังเผชิญกับน้ำ ต้องจัดทีมแยกกันทำงานทำอย่างรวดเร็ว เข้าใจภารกิจให้แน่ชัด ส่วนที่จะปรับโครงสร้าง ศปภ.นั้นตนเห็นว่าสับสนมามากแล้ว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แนะนำให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ เข้มแข็ง และเอาใจช่วยให้แก้ปัญหาได้ เพราะประชาชนจะเดือดร้อนน้อยกว่านี้ ถ้ารัฐสามารถเปลี่ยนนแปลงแนวทางได้ แม้หลายอย่างจะเสียหายไปแล้วแต่ยังป้องกันความเสียหายได้อีกมาก โดยอาศัยความเข้มแข็งและการยอมรับความจริง ถอดเรื่องการเมืองออกไป ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทำในสิ่งที่ควรทำและกำหนดความรับผิดชอบให้ชัดเจนก็จะคลี่คลายสถานการณ์ได้



กำลังโหลดความคิดเห็น