xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.แฉกลับ รบ.ปูอ่อนหัด กักน้ำเต็มเขื่อนหวังปั้นรับจำนำข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
ปชป.ซัดรัฐบาลจับมือสื่อแดง ใส่ร้าย ปชป.ต้นเหตุทำน้ำท่วม ปัดความรับผิดชอบบริหารจัดการน้ำเหลว แฉกลับ “ปู” อ่อนหัดกักน้ำเต็มเขื่อนหวังปั้นโครงการจำนำข้าว ท้าดีเบตทุกเวที เตรียมทำเอกสารและคลิปแจงประชาชนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมขู่เตรียมเจอในเวทีงบฯ สัปดาห์หน้า ท้าสอบสื่อแดงอ้างชื่อของเขื่อนใหญ่ใส่ร้ายสถาบัน ตะเพิดส่งอยู่ไปยิ่งทำชาติวิบัติ

วันนี้ (2 พ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศขณะที่น้ำเต็มเขื่อนแล้ว พร้อมตั้งคำถามถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าบริหารน้ำอย่างไรนั้น เป็นพฤติกรรมที่สอดรับกับการประโคมข่าวของสื่อในเครือข่ายคนเสื้อแดง ที่มีการโยนความผิดให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายกว่า 2 แสนล้านบาท มีคนตกงานกว่า 2 ล้านคน ประชาชนเดือดร้อน 5 ล้านครัวเรือน รวม 20 ล้านคน โดยที่รัฐบาลยังบริหารสถานการณ์ผิดพลาดต่อเนื่อง และมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจจนทำให้การบริหารสถานการณ์ล้มเหลว จึงไม่แน่ใจว่าหลังน้ำลดแล้วรัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ เพราะการบริหารที่ผิดพลาดได้สร้างความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองอย่างมหาศาล

นายสาทิตย์ได้นำกราฟแสดงปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม ซึ่งเป็นวันประกาศยุบสภา ปรากฏว่า ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำสุด หลังจากนั้นฝนตกพายุเข้าปริมาณน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้น โดยในขณะที่นายอภิสิทธิ์ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ปริมาณน้ำอยู่ในระดับ 55% และมีการระบายน้ำตามปกติ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หลังจากนั้นในวันที่ 10 สิงหาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ปริมาณน้ำในเขื่อนประมาณ 9 พันล้านลูกบาศก์เมตร 66% ของความจุเขื่อน และมีแนวโน้มว่าพายุจะเข้า ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งระบายน้ำจากเขื่อนโดยเร็ว แต่เป็นเพราะมีโครงการจำนำข้าวทำให้เกรงว่าปล่อยน้ำแล้วจะกระทบนาข้าวจนไม่มีผลผลิตไปจำนำ ทำให้ไม่มีการระบายน้ำ กระทั่งปริมาณน้ำไต่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่นายกรัฐมนตรีเปิดโครงการบางระกำโมเดลแก้ปัญหาน้ำท่วม ปริมาณน้ำในเขื่อนสูงกว่า 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว แต่การระบายน้ำออกจากเขื่อนกลับทำเหมือนอยู่ในภาวะปกติ คือ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และเริ่มระบายน้ำจำนวนมากในช่วงต้นเดือนตุลาคม คือ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ดังนั้น รัฐบาลจะโทษรัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบลชุดนี้อย่างชัดเจน มีหลักฐานยืนยันได้

นายสาทิตย์ยังนำกราฟแสดงปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์มาแสดงด้วย ซึ่งในขณะที่มีการประกาศยุบสภา ปริมาณน้ำอยู่ที่ตัวเลขกว่า 7 พันล้านลูกบาศก์เมตร และเพิ่มเป็น 8 พันล้านลูกบาศก์เมตรในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์โดยมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่รัฐบาลก็ไม่ระบายน้ำออกจากเขื่อนจนกระทั่งปริมาณน้ำเต็มความจุของเขื่อนในระดับ 9,600 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ตรวจสอบได้เพราะเป็นตัวเลขจากศูนย์ปฏิบัติการจัดสรรน้ำ สำนักอุทกวิทยาและบริหารน้ำ กรมชลประทาน

กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคจะทำเอกสารและคลิปเปยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อชี้แจงความจริง พร้อมขอร้องรัฐบาลว่าอย่าโยนความผิดให้คนอื่น และน.ส.ยิ่งลักษณ์จะอ้างว่าไม่รู้ปัญหาระดับน้ำในเขื่อนไม่ได้ เนื่องจากในการประชุม ครม.ทุกสัปดาห์จะมีการรายงานถึงระดับน้ำในเขื่อนเพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจในเชิงนโยบาย ซึ่งในสมัยที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี จะดูระดับน้ำด้วยตัวเองทุกสัปดาห์ ถ้ารัฐบาลจะโต้แย้งข้อมูลนี้ ตนกับพรรคประชาธิปัตย์ยินดีชี้แจงในทุกเวที พร้อมกันนี้พรรคได้รวบรวมข้อมูลความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลไว้หมดแล้ว และจะอภิปรายอย่างเป็นระบบในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ในสัปดาห์หน้า

ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลปรามสื่อมวลชนในเครือข่ายของตัวเองที่เจตนาใช้ชื่อ 2 เขื่อนใหญ่ของประเทศ กระทบถึงสถาบันเบื้องสูง ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว และควรสืบหาต้นตอคนที่ทำให้เกิดมหาอุทกภัยครั้งนี้แทนการโยนความผิดให้คนอื่น เพราะมีเสียงวิจารณ์มากว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จงใจปล่อยให้น้ำท่วมประเทศเพราะรู้ว่าปฏิบัติตามนโยบายที่หาเสียงไม่ได้ จึงปล่อยท่วมนา ไม่มีผลผลิตจำนำตามโครงการรับจำนำข้าว ทำนิคมอุตสาหกรรมจมน้ำเพื่อให้แรงงานตกงาน จะได้ไม่ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน รัฐบาลต้องชี้แจงว่าเป็นความจริงหรือไม่

ส่วนกรณีที่รัฐบาลพยายามพูดถึงมาตรการเยียวยาหลังน้ำท่วมโดยใช้งบประมาณ 9 แสนล้านบาทนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า เป็นความพยายามที่จะทำเหมือนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่ และรัฐบาลต้องสนใจน้ำที่ยังท่วมถึงคอและเอวของประชาชนในหลายพื้นที่ ต้องดูแลประชาชนที่ขาดน้ำดื่ม อาหาร สาธารณูปโภคก่อน แต่รัฐบาลกลับบริหารของบริจาคใน ศปภ.ไม่ได้ แล้วประชาชนจะไว้ใจให้บริหารเงิน 9 แสนล้านบาทได้อย่างไร เพราะประชาชนยังขาดแคลนปัจจัย 4 ขณะที่ในพื้นที่น้ำลดก็ยังไม่มีการเยียวยาที่ชัดเจน โดยรัฐบาลพยายามให้ประชาชนสนใจแผนการใช้เงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้พี่น้องที่ประสบภัยแม้แต่รั้งเดียว สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ต้องเข้าใจถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อนที่จะคิดละเลงเงินสร้างหนี้ให้ประชาชน

สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่ให้สัมภาษณณ์สื่อมวลชนเมื่อวานนี้นั้น นายชวนนท์กล่าวว่า เป็นเรื่อง น่าเสียใจที่ผู้นำปฏิเสธการสื่อสารต่อประชาชนในภาวะวิกฤต ด้วยข้ออ้างว่าสื่อมวลชนไม่ยิ้ม ถือเป็นเรื่องน่าขำ เพราะสาระอยู่ที่การสื่อสารต่อประชาชนให้ตรงกับข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยเห็นว่าเวทีนี้ไม่ใช่เวทีแสดงละครที่ต้องมีนางเอก พระเอก แสดงสีหน้าท่าทาง เพราะนายกฯ แค่พูดตามข้อเท็จจริงเท่านั้นก็พอแล้ว และการที่นายกฯ ร้องขอความเห็นใจจากสื่อมวลชนนั้น มีประชาบนจำนวนมากต้องการถามกลับไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ขอความเห็นใจให้ประชาขนเถอะ ให้เร่งแก้ปัญหาอย่าปล่อยให้ชาวบ้านจมน้ำเน่านานกว่านี้เลย

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังตำหนิการควบคุมดูแลมวลชน และเจ้าหน้าที้รัฐในการปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายด้วย เพราะรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ เช่น กรณีความขัดแย้งคลองสามวาที่นายกเปิดประตูระบายน้ำ 1 เมตร แต่น้ำในคลองสามวาไม่ลดเพราะน้ำเหนือยังเติมต่อเนื่อง ขณะที่พื้นที่ตอนล่างของ กทม. เช่น มีนบุรี ลาดกระบัง นิคมฯ บางชัน รับน้ำไม่ทัน เพราะนายกรัฐมนตรีทำตามแรงกดดัน ทำให้สภาพบ้านเมืองเหมือนไม่มีนายกฯ บริหารประเทศ โดยปัญหามวลชนพังพนังกั้นน้ำเกิดมานานแล้ว เริ่มจากปทุมธานี วัดนาวง มาจนถึงคลองสามวา บางซื่อ นครไชยศรี ล้วนเป็นปัญหาเดียวกันทำให้รัฐบาลบริหารทิศทางน้ำไม่ได้ ซึ่งจะเสียหายกับประชาชนทุกหัวระแหง ถือเป็นความอ่อนด้อยในการบริหารแผ่นดินไม่ใช่ภัยธรรมชาติ หากบริหารงานเช่นนี้การมีรัฐบาลชุดนี้จะยิ่งทำให้ชาติวิบัติมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น