xs
xsm
sm
md
lg

ระวัง...มากับไฟจะไปกับไฟ...!!

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

“......กรณีที่เลวร้ายที่สุด หากเราไม่สามารถป้องกันแนวป้องกันจุดใดจุดหนึ่งหรือทั้ง 3 จุดดังกล่าวได้ หรือไม่สามารถชะลอพลังอันมหาศาลของน้ำได้ หรือมีปัจจัยอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น แนวเขื่อนพัง แนวคันกั้นน้ำพัง ระดับน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครก็จะสูงต่ำแตกต่างกันไป ตั้งแต่ราว 10 เซ็นติเมตร จนถึงระดับประมาณ 1.50 เมตร……

วันนี้ดิฉันขอให้พวกเรามีสติ ไม่ตื่นตระหนกจนเกินการณ์ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ประมาทและตั้งมั่นอยู่ในความสงบ ตลอดจนติดตามรับฟังคำแนะนำของทางราชการเพื่อให้กระบวนการจัดการต่างๆ ของรัฐได้ทำหน้าที่ดูแลท่านอย่างดีที่สุด

  ด้วยเดชะพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กับทั้งความพร้อมเพรียงร่วมใจกันของพวกเราชาวไทย ดิฉันมั่นใจว่าเราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน”

……….

ข้างต้นคือคำแถลงบางส่วนของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อคืนวันที่ 25 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะตะกุกตะกักอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ผมเห็นว่านี่คือการแถลงข่าวการเตือนภัยที่เป็นเรื่องเป็นราวมากที่สุดนับแต่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) มาตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.2554

ประชาชนทั้งที่ประสบภัยและกำลังจะประสบภัยในวันนี้เขาอยากรู้ “ความเป็นจริง” ที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดเพื่อจะได้วางแผนชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาแทนที่ ศปภ.จะบอกภาพรวมข้อเท็จจริงกลายเป็นว่า หลายต่อหลายครั้งที่ออกมาสร้างความสับสนให้กับประชาชน...

ได้ฟังนายกฯ ปูรณาการดังนี้แล้วผมก็จะได้เฝ้าระวัง “คันนายาว” ที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านนายกฯ ด้วยความมีสติต่อไป แม้จะไม่ค่อยเชื่อมั่นสักเท่าใดนักว่า...เราจะฝ่าวิกฤตหนนี้ไปได้ด้วยดีนัก เพราะเมื่อมองไปข้างหน้าและเหลียวมองไปรอบๆ แล้วผมไม่แน่ใจว่านารีจะขี่ม้าขาวไปได้สักกี่เพลา..

พูดกันเล่นๆ ก็ต้องบอกว่า ขนาด ศปภ.ของท่านนายกฯ ปูจากความเป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วันนี้กลายเป็น ศูนย์ประสบภัย...ไปเรียบร้อยแล้ว...แล้วจะเหลืออะไรให้หวังได้บ้าง...!!

แต่ก็เอาเถอะ...ไม่ว่าจะอย่างไร คนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ถูกน้ำท่วมหนนี้จะต้องอยู่กับนายกฯ ปูไปอีกอย่างน้อยที่สุดก็เดือนเศษ หรืออยู่กันจนกระทั่งปริมาณน้ำเหนือ 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตรจะถูกระบายลงคลองออกทะเลจนน้ำแห้งน้ำเลิกท่วมโน่นแหละ...

เมื่อวานซืน (25 ต.ค.) ผมขับรถตระเวนไปตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะบนทางด่วนมิใช่เพื่อเล็งๆ จะหาที่จอดรถยามวิกฤตฉุกเฉินหรอก หากแต่เพื่อให้เห็นกับตาอีกสักครั้งว่ามันน่าห่อเหี่ยวหัวใจขนาดไหน บางจุดได้ลงไปพูดคุยกับคนที่เอารถมาจอด กระทั่งจุดสุดท้ายได้บริการรับหนุ่มสาวคู่หนึ่งลงมาจากทางด่วน ก่อนจากกันพวกเขาถามผมว่า ถ้าน้ำมาพี่จะเอารถไปไว้ที่ไหน ผมก็บอกไปตามตรงว่า..พี่อยู่ใกล้ทางด่วนแถวแฟชั่นไอร์แลนด์ ถนนรามอินทรา ถ้าฉุกเฉินก็คงเผ่นขึ้นทางด่วนเหมือนกัน...

ผมไม่ทราบจำนวนรถที่ขึ้นไปจอดบนทางด่วน แต่อนุมานเอาว่าคงจะหลายหมื่นคันหรืออาจเป็นแสนคัน และแทบทั้งหมดเป็นรถของคนหาเช้ากินค่ำ คนชั้นกลาง คนที่กำลังก่อร่างสร้างตัว โปรดอย่าไปตำหนิพวกเขาว่าตื่นตระหนกจนเกินเหตุ หากแต่ควรเข้าใจว่านี่คือทางเลือกทางรอดของประชาชน ตำรวจหรือผู้เกี่ยวข้องควรจะได้หามาตรการดูแลทรัพย์สินของประชาชนเหล่านี้ เพราะหากวันใดที่เกิดเหตุโกลาหล เกิดการขโมย ทำลาย...เจ้าของรถนับแสนคันเหล่านี้อาจจะกลายเป็นพลังที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลเอาได้ง่ายๆ

ครับ เล่าสู่กันฟังก็เพื่อจะบอกกับเราๆ ท่านๆ ต่อว่า..มหาวิกฤตยังรอนายกฯ ปู รอพวกเราอยู่อย่างน่าสะพรึงกลัว วิกฤตด้านต่างๆ จะไหลเชี่ยวกรากใส่รัฐบาล ใส่ประเทศไทยของเรา...

1) ความเสียหาย ความสูญเสียทางเศรษฐกิจนับล้านล้านบาท จะกอบกู้ฟื้นคืนกันอย่างไร

2) คนตกงานหลายแสนคน ประชาชนที่สิ้นไร้ไม้ตอก พลัดที่นาคาที่อยู่ จะดูแล เยียวยาชีวิตใหม่ให้พวกเขาได้อย่างไร

3) ข้าวปลาอาหาร ถึงยุคข้าวยากหมากแพงจะแก้ไขด้วยวิธีใด

4) ปัญหาทางสังคม ขโมยขโจรจะเต็มบ้านเต็มเมือง ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจะซ้ำเติมผู้คน

5) ข้าราชการชั่ว นักการเมืองเลว จะฉวยโอกาสบนวิกฤต ทุจริตคอร์รัปชัน..รัฐบาลจะมีน้ำยาหยุดยั้งได้อย่างไร

6) ขบวนการกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม รวมทั้งขบวนการล้อมเจ้าหรือล้มเจ้าจะออกมาเคลื่อนไหวเบี่ยงเบนสถานการณ์ แปรความล้มเหลวของรัฐบาลปูให้เป็นความผิดพลาดของคนอื่น

..ฯลฯ...

ลมหนาวยังไม่ทันมา แต่มองไปข้างหน้าแล้วต้องบอกว่ารู้สึกหนาวยะเยือกถึงกระดูกดำ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าบนวิกฤตของประเทศสิ่งที่จะมาซ้ำเติมให้มันวิกฤตหนักขึ้นไปอีกก็คือ “การเมือง(ที่ล้มเหลว)” หรือการเมืองน้ำเน่าที่มุ่งแต่เอาชนะคะคาน การเมือง (เรื่องเกมระบายน้ำ) ที่ทำให้น้ำท่วมจากวิกฤตธรรมดากลายเป็นมหาวิกฤตการเมืองที่ยากจะแปรวิกฤตเป็นโอกาส ยากที่จะประสานหรือระดมสติปัญญาแล้วมองไปข้างหน้าว่าประเทศไทยจะไปทางไหนกัน การบริหารจัดการเรื่องน้ำที่พูดถึงกันมากที่สุดจะเอากันอย่างไร ว่ากันอย่างไร อย่าสักแต่คิดหรือตั้งธงเอาไว้ว่า...สุดท้ายต้อง “กระทรวงน้ำ” ให้พรรคเพื่อไทยดูแลเท่านั้น...

ผมไม่บังอาจดูถูกดูหมิ่นว่าท่านนายกฯ ปู ไม่มีวิสัยทัศน์ที่จะระดมสติปัญญาของผู้คนในชาติมาคิดอ่านเรื่องการบริหารจัดการน้ำอะไรหรอก แต่ผมไม่เชื่อว่าท่านจะควบคุมดูแล “การเมือง” ที่ไหลกรากมาจากพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงที่มุ่งมั่นในการเอาชนะทางการเมืองและการกระชับอำนาจ (รัฐ) ได้...

ใครบางกลุ่มบอกว่า...รัฐบาลชุดนี้มากับไฟแต่จะไปกับน้ำ... ซึ่งโดยนัยคงหมายถึงว่า...มาจากหลังเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองแล้วจะจบลงเพราะการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ล้มเหลว..

แต่ผมว่า..ถ้ามากับไฟก็จะไปกับไฟ....ไฟการเมืองที่จะเผาไหม้ตัวเอง!!??

อยากอยู่ต่อนานๆ นายกฯ ปูต้องคุมไฟที่ว่านี้ให้ได้...


          samr_rod@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น