ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ร่วมหารือข้อราชการไทย พร้อมสานต่อความร่วมมือที่มีอยู่และจับมือแก้ปัญหาบริเวณชายแดนร่วมกัน ส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกระดับและทุกมิติ เพื่อร่วมกันก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ นครเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ภายหลังการเข้าร่วมพิธีต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ และหารือข้อราชการเต็มคณะระหว่างไทย และเมียนมาร์ โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความขอบคุณในการต้อนรับที่อบอุ่นและสมเกียรติ และแสดงความชื่นชมในพัฒนาการของเมียนมาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยและความปรองดองในเมียนมาร์ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดี เต็ง เส่ง เยือนไทยอย่างเป็นทางการ และได้ย้ำนโยบายของไทยต่อเมียนมาร์ ว่า ความมั่นคงและมั่งคั่งของเมียนมาร์ คือ ความมั่นคงและมั่งคั่งของไทย ซึ่งไทยยึดมั่นในนโยบายไม่ให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมาร์ใช้ไทยเป็นฐานใน การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเมียนมาร์ ไทยพร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกระดับและทุกมิติ เพื่อร่วมกันก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558
ส่วนประเด็นด้านความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาร์นั้น ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติและทุกระดับ พร้อมสานต่อความร่วมมือระหว่างกันที่มีอยู่ และแสวงหาแนวทางพัฒนาความร่วมมือใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือรัฐบาลเมียนมาร์ในการเปิดจุดผ่านแดนเมียวดี อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทั้งการค้าและการไปมาหาสู่ระหว่างกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามความคืบหน้าในการยกระดับด่านสิงขร เป็นจุดผ่านแดนถาวร เพื่อความสะดวกด้านการค้าและการขนส่ง
โดยในการเยือนครั้งนี้ ไทยได้แสดงการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเชื่อมโยงในอนุภูมิภาค ซึ่งไทยและเมียนมาร์ได้มีการแลกเปลี่ยนหนังสือลงนาม เรื่องการก่อสร้างถนนสายเชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก การปรับปรุงถนนสายเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี การซ่อมแซมถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์
รวมถึงด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อหาแนวทางเพิ่มพูนการค้าระหว่างไทย- เมียนมาร์ ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาจพิจารณาให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสานต่อแนวทางและความร่วมมือต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้เมียนมาร์ช่วยผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรม และเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงทวาย-กาญจนบุรี ให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ระหว่างการสนทนา มีการหารือเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาบริเวณชายแดน อาทิ ปัญหายาเสพติด ซึ่งไทยและเมียนมาร์ต่างกำหนดให้การแก้ปัญหาและการปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล การทำลายแหล่งผลิต การสกัดกั้นการลำเลียงข้ามพรมแดน พร้อมทั้งสานต่อความร่วมมือ ด้านพัฒนาทางเลือกเพื่อแก้ปัญหาการปลูกฝิ่น ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ส่วนความร่วมมือด้านแรงงานเมียนมาร์ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยจะดูแลแรงงานเมียนมาร์ให้ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม และจะเร่งรัดกระบวนการพิสูจน์สัญชาติให้เสร็จตามที่กำหนดไว้คือ 28 ก.พ.2555 นอกจากนี้ ไทยจะให้ความร่วมมือในการดูแลผู้หนีภัยการสู้รบที่มีจำนวนกว่า 100,000 คนตามหลักมนุษยธรรม และจัดฝึกอาชีพที่จำเป็น เพื่อกลับประเทศอย่างมีศักดิ์ศรีและปลอดภัย และไทยได้ส่งมอบอุปกรณ์พื้นฐานด้านอุตุนิยมวิทยา มูลค่า 40 ล้านบาท ระหว่างการเดินทางเยือนเมียนมาร์ครั้งนี้ด้วย
โดยภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีพม่า ได้เข้าร่วมพิธีมอบอุปกรณ์พื้นฐานด้านอุตุนิยมวิทยาตามแผนงานด้านการพัฒนาศักยภาพด้านการพยากรณ์อากาศ ระบบเตือนภัย และการฟื้นฟูพื้นที่ในภาคอิรวดี และภาคย่างกุ้ง ก่อนการร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนหนังสือลงนามเรื่องการก่อสร้าง ถนนสายเชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก การปรับปรุงถนนสายเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี และการซ่อมแซมถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและเมียนมาร์