xs
xsm
sm
md
lg

หน.ปชป.จับตารัฐตั้งก๊วนนั่ง ส.ส.ร.3 ชี้จุ้น ม.309 ปลุกนิรโทษฯ งานเข้าแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“มาร์ค” จับตารัฐตั้ง ส.ส.ร.3 แก้รัฐธรรมนูญ ระดมก๊วนเข้าร่าง กม.หรือไม่ ยันไม่ขัดปรับปรุงระบบ แต่ชี้ถ้าจุ้น ม.309-นิรโทษฯ จะสร้างปัญหา ชี้นักโทษการเมืองในอดีตหมายถึงถูกฝ่ายบริหารสั่งขังมิใช่ศาล ระบุแดงระดมกดดันปล่อย “จอมตะกายตึก” สะท้อนใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ยัน “ปู” พบ “ซูจี” เรื่องปกติ พร้อมหนุนสานโครงการทวายแต่ระวังประโยชน์ทับซ้อน จ่อตั้งกระทู้สดถามพาสปอร์ต “แม้ว” - ขึ้นก๊าซ

วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้นปีหน้าว่า ต้องดูข้อเสนอซึ่งคงจะมีการตั้งสภาร่างขึ้นมา โดยพรรคจะจับตาดูในเรื่องเกณฑ์การตั้งสภาร่างจะเป็นการเอื้อให้พรรคพวกเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ เหมาะสมแค่ไหนในเรื่องของกระบวนการ และจุดมุ่งหมายสุดท้ายคืออะไร เพราะหากเป็นเรื่องของการปรับปรุงระบบการเมือง พรรคไม่ขัดข้องและมีข้อเสนอในการแก้ไขเพิ่มเติมจากหลายส่วน แต่ถ้ายังวนเวียนอยู่กับเรื่องมาตรา 309 หรือนิรโทษกรรม จะเป็นตัวสร้างปัญหา ไม่ได้แก้ปัญหาระบบการเมือง

ส่วนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญปรองดองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เท่าที่ฟังรายงานจากกรรมาธิการของพรรคยังไม่มีข้อสรุป แต่อยู่ในช่วงการรับฟังความคิดเห็นกลุ่มต่างๆ ซึ่งยังเห็นไม่ตรงกันและข้อมูลที่สู่สาธารณะก็ไม่ครบถ้วน เช่น กรณีระบุว่าคดีก่อการร้ายรวมอยู่ในคดีการเมืองเป็นความเห็นของกรรมาธิการบางคน ซึ่งความจริงต้องย้อนกลับไปดูการนิรโทษกรรมในอดีต หลายกรณีมีการระบุว่าการกระทำความผิดอาญาไม่เข้าข่ายและนักโทษการเมืองหมายถึงผู้ที่ถูกคุมขังตามคำสั่งของฝ่ายบริหารไม่ใช่เรื่องกระบวนการของศาล ดังนั้น ที่แกนนำเสื้อแดงมีการหยิบยกกรณีนายอุทัย พิมพ์ใจชน ได้รับการนิรโทษกรรม ก็ไม่สามารถนำมาเทียบเคียงได้เนื่องจากขณะนั้นนายอุทัยถูกคุมขังโดยคำสั่งของฝ่ายบริหาร และทางพรรคก็กำลังจับตาเรื่องที่จะมีการแยกการคุมขังว่ามีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ หากเกณฑ์ในการแยกคุมขังเป็นเรื่องของคนเสื้อแดงก็จะเป็นการเลือกปฏิบัติแน่นอน ไม่เช่นนั้นต่อไปนี้ใครคิดทำผิดกฎหมายก็ใส่เสื้อแดง กลายเป็นคดีการเมือง ซึ่งไม่ถูกต้อง

“ถ้าเดินหน้าเลือกปฏิบัติอย่างนี้ปล่อยให้เรื่องของการทำผิดทางอาญา หรือการใช้สิทธิทางการเมืองที่เกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญกลายเป็นเรื่องที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ วันข้างหน้ากติกาของบ้านเมืองก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่กติกาสูงสุดที่พูดถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองจำกัดไว้ชัดเจนว่าชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และรวมไปถึงกรณีที่มีการกระทบถึงสิทธิผู้อื่นด้วย หากปล่อยไปบ้านเมืองจะวุ่นวายไม่จบ” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คนเสื้อแดงประกาศรวมตัวหมื่นคนให้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. จะมีผลกระทบอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างของการนำมวลชนมาอยู่เหนือกฎหมาย ถ้ารัฐบาลเปิดทางอย่างนี้ก็จะมีมวลชนทุกกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวในที่สุดจะปรองดองกันยากขึ้น ดังนั้น ที่นายวัฒนา เมืองสุข กรรมาธิการปรองดองจากพรรคเพื่อไทย เสนอว่าจะใช้แนวทาง 66/23 มาแก้ปัญหาก็ต้องสลายคนเสื้อแดงและหมู่บ้านเสื้อแดง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความปรองดองมากกว่า จึงต้องถามนายวัฒนาว่าเมื่อมีการศึกษาแนวทาง 66/23 มาเทียบเคียงก็ต้องสบายเสื้อแดงให้ได้ ตนยืนยันว่าหน้าที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาของประชาชน เพราะนอกจากน้ำท่วมและวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปแล้ว ยังมีความเดือดร้อนที่จะตามมาในเรื่องราคาสินค้า ต้นทุนสินค้าที่จะสูงขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากนโยบายพลังงานของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลควรจะแก้ปัญหาเหล่านี้มากกว่าที่จะสร้างความขัดแย้งอะไรที่จะเป็นเงื่อนไขทำให้เกิดความขัดแย้ง ควรหลีกเลี่ยง อย่าเพิ่งทำ ขอให้ฝ่ายต่างๆของสังคมเช่นคอป. หรือหน่วยงานที่คนยอมรับทุกฝ่ายเดินหน้านำข้อเสนอมาสู่สาธารณะจะดีกว่า

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาฯ ระบุว่าเป็นผู้ประสานงานให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พบกับนางอองซานซูจี ที่ประเทศพม่าว่า ใครจะพูดอะไรก็ได้ แต่ตนมีข้อสังเกตว่า นายกฯ ไปประชุมประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมีการจัดเกือบทุกปีเพื่อให้ผู้นำไปพบปะกันปกติ และในระยะหลังเมื่อบรรยากาศการเมืองในประเทศพม่าเริ่มคลี่คลาย การพบปะกับนางอองซานซูจีก็ทำกันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่นายกฯ ไปพบและสนับสนุนให้เดินหน้าในเรื่องโครงการทวายที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้เริ่มต้นไว้ ในการสร้างความสัมพันธ์เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยง ในช่วงต้นของรัฐบาลชุดนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนหรือไม่ เมื่อประกาศว่าจะสนับสนุนก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะตนอยากให้เดินหน้าโครงการนี้ต่อ แต่อยากให้ระมัดระวัง เพราะในอดีตมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างไทยกับพม่า ซึ่งสร้างปัญหาภายในของทั้งสองประเทศตามมา อย่าให้เกิดปัญหาซ้ำรอยอีก

เมื่อถามว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางสถานะเสมือนเป็นตัวแทนรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาในนามรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณพูดไปเองหรือเปล่า อย่าไปสนใจมาก นายกฯ ไปปฏิบัติภารกิจพบกับนางอองซานซูจี สนับสนุนโครงการทวาย ตนก็สนับสนุนทั้งหมด แต่อย่าให้มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งนายกฯก็ยืนยันว่าสามารถดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยการที่สื่อพม่ามีการเขียนบทบาทแสดงความห่วงใยเกี่ยวกับปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ก็แสดงให้เห็นว่าปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ในใจของประเทศเพื่อนบ้าน หลายประเทศซึ่งรัฐบาลต้องระมัดระวังในเรื่องนี้

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการตั้งกระทู้สด กรณีการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และการปรับราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี ในเดือนมกราคม ซึ่งพรรคเห็นว่าไม่เหมาะสมเพราะเป็นการซ้ำเติมและเพิ่มภาระให้ประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น