หน.ปชป.เช็กมติใครให้แดงนอนคุกย้ายขังวีไอพี ยันเผาเมืองผิดอาญา ไม่ใช่คดีการเมือง ชี้ ถ้าทำควรให้เฉพาะพวกผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จี้ ราชทัณฑ์ทบทวน แนะ คอป.แสดงเจตนาใช่ผลงานตัวเองหรือไม่ เชื่อไม่สร้างปรองดองทำชาติวุ่นซ้ำ
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่ รร.ดิ เอมเมอรัลด์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะย้ายนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และผู้ต้องหา นปช.คนอื่นๆเข้าไปอยู่ที่โรงเรียนพลตำรวจ บางเขน ซึ่งปรับเป็นเรือนจำพิเศษสำหรับนักโทษการเมือง ว่า ตนกำลังตรวจสอบว่าเป็นมติของใคร เพราะมีการอ้างว่าเป็นข้อเสนอของคณะกรรมการประสานงานและติดตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คปอป.) ซึ่งตนเห็นว่า ความผิดที่มีเหตุผลในการจะแยกผู้ต้องหาออกมาในเรือนจำนี้ คือการทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เช่น การชุมนุมทางการเมืองแล้วถูกลงโทษว่าฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ก็ถือว่ามีเหตุผลที่จะแยกคนเหล่านี้ออกมา และความจริง ตนก็สนับสนุนให้มีการประกันตัวและไม่ดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ แต่ความผิดประเภทการก่อการร้าย การทำร้ายผู้อื่น การใช้อาวุธสงคราม การวางเพลิง ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาทั่วไป
“ผมไม่คิดว่าจะเป็นเหตุเป็นผลที่จะบอกว่า นี่คือ ความผิดทางการเมือง ซึ่งได้เคยอธิบายหลายครั้ง เช่น ยกตัวอย่างว่า ผมมีปัญหากับบางคน เพราะเหตุผลทางการเมือง แล้วผมไปชกกับเค้า และไปฆ่าเขา แล้วจะมาอ้างว่านี่เป็นความผิดทางการเมือง มันไม่ได้เพราะเป็นการทำความผิดตามกฏหมายอาญา มันไม่ใช่ว่าผมแสดงออกทางความคิดทางการเมืองแล้วถูกเล่นงาน นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้มีความพยายามทำให้เกิดความสับสนว่า ถ้าคนๆ นั้น เคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่ต้องเคารพกฏหมายบ้านเมือง ซึ่งผมว่า มันใช้ไม่ได้ มิฉะนั้น ต่อไปนี้ผมไม่ชอบหนังสือพิมพ์ฉบับไหน ผมก็บอกให้คนไปเผาได้ใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นเรื่องการเมือง ผมไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ถ้าทำกันแบบนี้ แล้วหลักกฎหมายจะอยู่ที่ไหน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า มีผู้ต้องหาเพียงกลุ่มเดียวที่จะให้ไปอยู่ในสถานที่ซึ่งจัดเป็นพิเศษนี้ได้ คือ กลุ่มคนที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดในการชุมนุมเกิน 10 คน เพราะเห็นได้ชัดเจนแล้ว ว่า ไม่ใช่การบังคับใช้กฏหมายโดยทั่วไป และสถานการณ์นี้ก็สิ้นสุดไปแล้ว จึงมีเหตุมีผลที่จะแยกปฏิบัติ ตนอยากให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ทบทวนในเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นต่อไปจะเป็นปัญหามากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่มีการทบทวน จะกลายเป็นการสร้างคุกการเมืองไว้เพื่อให้คนเสื้อแดงมีอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องหาคนอื่นๆ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่ทบทวนก็จะกลายเป็นสองมาตรฐาน และทางคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ควรต้องแสดงความเห็นว่า สิ่งเหล่านี้ใช่เจตนาของ คอป.หรือไม่ เพราะเรื่องนี้มาจาก ปคอป.อีกทีหนึ่ง ดังนั้น คอป.ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่ใช่แนวปฏิบัติสิ่งที่ คอป.เสนอหรือไม่ เพราะตอนนี้มีการอ้าง คอป.เพราะเห็นว่าเป็นกรรมการอิสระ ไม่เช่นนั้นก็อาจถูกอ้างไปเพื่อเป็นประเด็นทางการเมืองได้
“ผมคิดว่าถ้ารัฐบาลยังทำเช่นนี้ นอกจากจะไม่สามารถนำบ้านเมืองไปสู่ความปรองดองได้แล้ว วันข้างหน้า บ้านเมืองก็จะมีแต่ความวุ่นวาย ใครอยากได้อะไรทางการเมืองก็ไม่ต้องคำนึงถึงกฏหมาย แล้วอ้างว่าทุกอย่างเป็นความผิดทางการเมือง ผมเห็นด้วยว่าควรมีอิสระการแสดงออกทางการเมืองได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฏหมาย ซึ่งนายกฯยังไม่เคย ส่งสัญญาณที่จะให้เกิดความปรองดองในประเทศตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่หลายเรื่องที่สามารถพูดคุยกับผู้ที่สนับสนุนตัวเองได้ และมีหลายเรื่องที่กลายเป็นปมขัดแย้งทางการเมือง ถ้านายกฯตัดสินใจแสดงออกส่งสัญญาณตั้งแต่ต้น ปัญหาก็จะไม่เกิด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว