ASTVผู้จัดการรายวัน-ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวค้านแนวคิดวิธีการลงบัญชีทุนสำรองเงินตรา นำดอกผลประจำปีไปใช้หนี้กองทุนฟื้นฟู หรือการออกพันธบัตรขายให้แบงก์ชาติ ชี้ไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมเพราะเป็นช่วงภัยพิบัติ ต้องอาศัยความมั่นคงของประเทศ ลั่นรัฐบาลจะออกพันธบัตรควรขายให้ประชาชน
เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมคณะผู้บริหารหารือกับคณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการลงบันทึกบัญชีทุนสำรองเงินตราแบบใหม่ในส่วนของดอกผลที่เกิดขึ้นในแต่ละปี ซึ่งจะลงอยู่ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี เพื่อสามารถนำเงินส่วนนี้ไปส่งให้กระทรวงการคลังไปชดใช้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่เหลืออยู่ 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งการหารือครั้งนี้ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง
พระครูอรรถกิจนันทคุณ (พระอาจารย์นพดล นันทโน) เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ. กำแพงเพชร กล่าวภายหลังหารือร่วมกันกับผู้บริหาร ธปท.ว่า การพูดคุยกันครั้งนี้บรรยากาศโดยรวมน่าพอใจ ผู้ว่าการ ธปท.ย้ำเสมอว่าหากมีอะไรก็จะบอกกล่าวให้รับทราบและเมื่อทางกระทรวงการคลังฝากการบ้านให้ ธปท.มาหารือกับคณะลูกศิษย์เรื่องแก้ไขวิธีการลงบัญชีใหม่
ในส่วนเฉพาะดอกผลให้สามารถไปใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ จึงได้เชิญมาชี้แจงให้รับทราบ
การหารือครั้งนี้ คณะลูกศิษย์หลวงตาเห็นตรงกันว่ายังไม่ตกลงใจจะให้แก้ไขวิธีการบัญชีแบบใหม่ หรือการที่กระทรวงการคลังออกพันธบัตรเพื่อขายให้ ธปท. เพราะยังไม่เห็นประโยชน์จากจุดนี้จริงๆ และเห็นว่าการอนุรักษ์นิยมน่าจะสำคัญกว่าการแก้ไขอะไร ถึงแม้จะมีประโยชน์บ้าง แต่มองว่าไม่คุ้มกับบรรยากาศ สภาพสังคม และปัญหาภัยพิบัติแบบนี้ ซึ่งต้องการความมั่นคงมากกว่าและเห็นว่าหากแก้ไขไปแล้วก็จะได้รับเงินไม่มากนัก จึงไม่คุ้มกับการเปลี่ยนแปลง
"รัฐบาลยังสามารถหาวิธีการอื่นที่หลากหลายหารายได้มาชดใช้หนี้ส่วนนี้ อาทิ ออกพันธบัตรมาต่ออายุพันธบัตรออมทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งเห็นว่าจะต้องทำในเร็วๆ นี้ ประชาชนจำนวนมากก็พร้อมที่จะซื้อ" พระอาจารย์นพดลกล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายมีความจำเป็นจริงๆ ทางคณะลูกศิษย์หลวง
เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมคณะผู้บริหารหารือกับคณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการลงบันทึกบัญชีทุนสำรองเงินตราแบบใหม่ในส่วนของดอกผลที่เกิดขึ้นในแต่ละปี ซึ่งจะลงอยู่ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี เพื่อสามารถนำเงินส่วนนี้ไปส่งให้กระทรวงการคลังไปชดใช้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่เหลืออยู่ 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งการหารือครั้งนี้ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง
พระครูอรรถกิจนันทคุณ (พระอาจารย์นพดล นันทโน) เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ. กำแพงเพชร กล่าวภายหลังหารือร่วมกันกับผู้บริหาร ธปท.ว่า การพูดคุยกันครั้งนี้บรรยากาศโดยรวมน่าพอใจ ผู้ว่าการ ธปท.ย้ำเสมอว่าหากมีอะไรก็จะบอกกล่าวให้รับทราบและเมื่อทางกระทรวงการคลังฝากการบ้านให้ ธปท.มาหารือกับคณะลูกศิษย์เรื่องแก้ไขวิธีการลงบัญชีใหม่
ในส่วนเฉพาะดอกผลให้สามารถไปใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ จึงได้เชิญมาชี้แจงให้รับทราบ
การหารือครั้งนี้ คณะลูกศิษย์หลวงตาเห็นตรงกันว่ายังไม่ตกลงใจจะให้แก้ไขวิธีการบัญชีแบบใหม่ หรือการที่กระทรวงการคลังออกพันธบัตรเพื่อขายให้ ธปท. เพราะยังไม่เห็นประโยชน์จากจุดนี้จริงๆ และเห็นว่าการอนุรักษ์นิยมน่าจะสำคัญกว่าการแก้ไขอะไร ถึงแม้จะมีประโยชน์บ้าง แต่มองว่าไม่คุ้มกับบรรยากาศ สภาพสังคม และปัญหาภัยพิบัติแบบนี้ ซึ่งต้องการความมั่นคงมากกว่าและเห็นว่าหากแก้ไขไปแล้วก็จะได้รับเงินไม่มากนัก จึงไม่คุ้มกับการเปลี่ยนแปลง
"รัฐบาลยังสามารถหาวิธีการอื่นที่หลากหลายหารายได้มาชดใช้หนี้ส่วนนี้ อาทิ ออกพันธบัตรมาต่ออายุพันธบัตรออมทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ซึ่งเห็นว่าจะต้องทำในเร็วๆ นี้ ประชาชนจำนวนมากก็พร้อมที่จะซื้อ" พระอาจารย์นพดลกล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายมีความจำเป็นจริงๆ ทางคณะลูกศิษย์หลวง