ศิษย์หลวงตาบัว บุก ธปท.ให้กำลังใจและขอคำชี้แจงการนำทุนสำรองทางการระหว่างประเทศไปลงทุนตั้งกองทุนพลังงาน ระบุเห็นด้วยกับ ธปท.ว่า ต้องรักษาทุนสำรองไว้ เพื่อดูแลเสถียรภาพของประเทศ ชี้ หากรัฐบาลเดินหน้าทำต่อไปจะเดินสายให้ความรู้ประชาชนแจงคุณและโทษให้ประชาชนรับทราบ เชื่อสุดท้ายเจ้าของความคิดจะตัดสินใจลำบากขึ้น พร้อมขอให้รัฐบาลอย่าบีบบังคับผู้ว่าฯ มั่นใจผู้บริหาร ธปท.ทุกคนจะเอาชีวิตรักษาทุนสำรอง
วานนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) จำนวน 5 รูป ซึ่งนำโดยพระอาจารย์ นพดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่า ดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ได้เดินทางมาที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอความชัดเจนการดูแลทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ
ซึ่งทองคำและเงินบริจาคในโครงการช่วยชาติโดยหลวงตาบัวในบัญชีสำรองพิเศษของทุนสำรองเงินตรา (คลังหลวง) จำนวน 13 ตัน กับ 61 กก.รวมอยู่ด้วย หลังจากมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดจะนำทุนสำรองไปตั้งกองทุนเกี่ยวกับพลังงาน โดยมี นางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร เป็นตัวแทนผู้ว่าการ ธปท.มาชี้แจงเรื่องดังกล่าว ซึ่งใช้พูดคุยกันเวลาประมาณ 45 นาที
พระอาจารย์ นพดล กล่าวว่า ทางลูกศิษย์ได้เฝ้าติดตามเรื่องดังกล่าวมาประมาณ 1 เดือนแล้วและมีความกังวลในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งให้กำลังใจในการดำเนินงาน โดยภายหลังจากการพูดคุยกับผู้บริหารจากธปท.และทราบข่าวจากสื่อว่าภาระหน้าที่โดยตรงของ ธปท.คือ ต้องรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและประเทศไว้ดีกว่า
จึงไม่ควรนำทุนสำรองไปลงทุนที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะเงินคงคลังที่ประชาชนสนใจอย่างมาก ซึ่งล่าสุดลูกศิษย์หลวงตาที่เป็นฆราวาสได้ตั้งชมรมรักษาคลังหลวง เพื่อมาช่วยดูแลเรื่องนี้และให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
“แม้ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนออกมาก แต่เท่าที่รับทราบเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้มีความคิดจริงจังที่จะดำเนินการจัดตั้งกองทุนพลังงานนี้ ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ทางตัวแทนธปท.แนะนำให้รอนโยบายความเห็นที่เป็นทางการก่อนจากรัฐบาล เช่นเดียวกับที่ธปท.รอเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน และธปท.รับปากว่า จะดูแลทุนสำรองเงินตราในส่วนที่นำเงินและทองคำบริจาคของหลวงตามหาบัวไปเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ตามเจตนารมณ์ของหลวงตามหาบัว”
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องดูแลเรื่องพลังงานของประเทศจริง ทางรัฐบาลก็อาจจะมีแนวทางอื่นในการหาแหล่งเงินมาใช้จ่ายได้ อาทิ รัฐบาลสามารถออกพันธบัตรพลังงานรัฐบาลด้วยตนเอง มองว่า ไม่ควรนำทุนสำรองทางการไปลงทุนที่มีความเสี่ยง แต่ควรรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจ เพราะในช่วงที่ตลาดเงินทุนโลกมีความปั่นป่วน การนำเงินไปลงทุนในพลังงานหรือลงทุนอย่างอื่นยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังคงเดินหน้านำทุนสำรองฯไปตั้งกองทุนพลังงานอยู่ ทางลูกศิษย์หลวงตาก็จะมีความเคลื่อนไหวในลักษณะการให้ความรู้กับประชาชนทั่วไป เพื่อให้รู้ถึงคุณและโทษว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจแนวคิดของรัฐบาล และทำให้เจ้าของความคิดรู้ว่า การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวในเรื่องทุนสำรองมีข้อดีข้อเสียอย่างไรทำให้เห็นถึงความลำบากในการตัดสินใจ
“ทุกครั้งที่ผ่านมา ทางผู้บริหาร ธปท.ให้ความชัดเจนมาโดยตลอดว่าจะไม่แตะต้องเงินในทุนสำรองเงินตรา และเชื่อมั่นว่า ผู้บริหาร ธปท.ตั้งแต่ในอดีตจนถึงยุคปัจจุบันมีความเข้าใจในเรื่องนี้ดี ซึ่งทีมผู้บริหาร ธปท.ชุดนี้ก็มีความเข้มแข็ง แต่ก็ไม่อยากให้รัฐบาลใช้เรื่องนี้บีบบังคับผู้ว่าการ ธปท.ให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพราะมั่นใจว่า ผู้บริหาร ธปท.จะเอาชีวิตรักษาเงินทุนสำรองไว้ให้ได้”
วานนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) จำนวน 5 รูป ซึ่งนำโดยพระอาจารย์ นพดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่า ดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ได้เดินทางมาที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอความชัดเจนการดูแลทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ
ซึ่งทองคำและเงินบริจาคในโครงการช่วยชาติโดยหลวงตาบัวในบัญชีสำรองพิเศษของทุนสำรองเงินตรา (คลังหลวง) จำนวน 13 ตัน กับ 61 กก.รวมอยู่ด้วย หลังจากมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดจะนำทุนสำรองไปตั้งกองทุนเกี่ยวกับพลังงาน โดยมี นางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร เป็นตัวแทนผู้ว่าการ ธปท.มาชี้แจงเรื่องดังกล่าว ซึ่งใช้พูดคุยกันเวลาประมาณ 45 นาที
พระอาจารย์ นพดล กล่าวว่า ทางลูกศิษย์ได้เฝ้าติดตามเรื่องดังกล่าวมาประมาณ 1 เดือนแล้วและมีความกังวลในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งให้กำลังใจในการดำเนินงาน โดยภายหลังจากการพูดคุยกับผู้บริหารจากธปท.และทราบข่าวจากสื่อว่าภาระหน้าที่โดยตรงของ ธปท.คือ ต้องรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและประเทศไว้ดีกว่า
จึงไม่ควรนำทุนสำรองไปลงทุนที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะเงินคงคลังที่ประชาชนสนใจอย่างมาก ซึ่งล่าสุดลูกศิษย์หลวงตาที่เป็นฆราวาสได้ตั้งชมรมรักษาคลังหลวง เพื่อมาช่วยดูแลเรื่องนี้และให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
“แม้ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนออกมาก แต่เท่าที่รับทราบเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้มีความคิดจริงจังที่จะดำเนินการจัดตั้งกองทุนพลังงานนี้ ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ทางตัวแทนธปท.แนะนำให้รอนโยบายความเห็นที่เป็นทางการก่อนจากรัฐบาล เช่นเดียวกับที่ธปท.รอเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน และธปท.รับปากว่า จะดูแลทุนสำรองเงินตราในส่วนที่นำเงินและทองคำบริจาคของหลวงตามหาบัวไปเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ตามเจตนารมณ์ของหลวงตามหาบัว”
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องดูแลเรื่องพลังงานของประเทศจริง ทางรัฐบาลก็อาจจะมีแนวทางอื่นในการหาแหล่งเงินมาใช้จ่ายได้ อาทิ รัฐบาลสามารถออกพันธบัตรพลังงานรัฐบาลด้วยตนเอง มองว่า ไม่ควรนำทุนสำรองทางการไปลงทุนที่มีความเสี่ยง แต่ควรรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจ เพราะในช่วงที่ตลาดเงินทุนโลกมีความปั่นป่วน การนำเงินไปลงทุนในพลังงานหรือลงทุนอย่างอื่นยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังคงเดินหน้านำทุนสำรองฯไปตั้งกองทุนพลังงานอยู่ ทางลูกศิษย์หลวงตาก็จะมีความเคลื่อนไหวในลักษณะการให้ความรู้กับประชาชนทั่วไป เพื่อให้รู้ถึงคุณและโทษว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าใจแนวคิดของรัฐบาล และทำให้เจ้าของความคิดรู้ว่า การดำเนินการในลักษณะดังกล่าวในเรื่องทุนสำรองมีข้อดีข้อเสียอย่างไรทำให้เห็นถึงความลำบากในการตัดสินใจ
“ทุกครั้งที่ผ่านมา ทางผู้บริหาร ธปท.ให้ความชัดเจนมาโดยตลอดว่าจะไม่แตะต้องเงินในทุนสำรองเงินตรา และเชื่อมั่นว่า ผู้บริหาร ธปท.ตั้งแต่ในอดีตจนถึงยุคปัจจุบันมีความเข้าใจในเรื่องนี้ดี ซึ่งทีมผู้บริหาร ธปท.ชุดนี้ก็มีความเข้มแข็ง แต่ก็ไม่อยากให้รัฐบาลใช้เรื่องนี้บีบบังคับผู้ว่าการ ธปท.ให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพราะมั่นใจว่า ผู้บริหาร ธปท.จะเอาชีวิตรักษาเงินทุนสำรองไว้ให้ได้”