ศิษย์หลวงตาบัว ยื่นหนังสือ ธปท.ป้องแผนดึงเงินคลังหลวงปิดกองทุนฟื้นฟูฯ ชี้ หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นหนี้สาธารณะที่ทุกคนต้องแก้ไขร่วมกัน แต่ทำไมทุกครั้งที่ รบ.ต้องการใช้เงิน ต้องมายุ่งกับเงินตรงนี้ทุกครั้ง พร้อมถาม รบ.อวดสมองเปรื่อง ไม่มีวีธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือ แนะให้ไปเก็บภาษีหุ้นแทน เพราะการล้วงเงินคลังหลวงเป็นสิ่งที่อันตราย
นายนันทวัฒน์ สังข์หล่อ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารสัมพันธ์ ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 (วานนี้) พระครูอรรถกิจนันทคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และคณะลูกศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาภาระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยการใช้เงินในคลังหลวง ซึ่งตนเองได้ชี้แจงทำความเข้าใจ และยินดีจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องต่อไป
พระครูอรรถกิจนันทคุณ กล่าวว่า คณะศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ไม่เห็นด้วยกับการปรับวิธีบันทึกบัญชีของทุนสำรองเงินตรา ในการรับรู้ผลกำไรหรือขาดทุนเพื่อลดข้อจำกัดทางบัญชี ซึ่งเอื้อต่อการมีเงินนำส่งเพื่อชำระคืนหนี้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะมีความกังวลว่า การกำหนดระดับขั้นต่ำของบัญชีทุนสำรองพิเศษของทุนสำรองเงินตรานั้น อาจรบกวนคลังหลวง จนทำให้ทุนสำรองเงินตราไม่มีเสถียรภาพต่อไป
“สะท้อนว่า ธปท.เห็นด้วยที่จะให้นำเงินสำรองทางการมาให้แก้หนี้กองทุน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย เนื่องจากส่วนหนึ่งทุนสำรองเงินตรานั้น มีเงินและทองคำบริจาคของหลวงตามมหาบัว และผู้มีจิตศรัทธา จำนวน 13 ตัน กับอีก 61 กิโลกรัม รวมอยู่ด้วย”
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นหนี้สาธารณะที่ทุกคนต้องแก้ไขร่วมกัน แต่ก็ตั้งคำถามว่า ทำไมทุกครั้งที่ต้องการเงินในการทำนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ทำไมต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินทุนสำรองทางการ หรือเงินคลังหลวง ไม่มีวีธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือ และทำไมรัฐบาลไม่ใช้วิธีเก็บภาษีหุ้นเอามาใช้หนี้แทน ซึ่งรัฐบาลเคยบอกว่า เป็นวิธีที่ทำได้ยาก แต่การใช้หนี้ด้วยการแตะคลังหลวงนั้นง่ายไป แต่เป็นสิ่งที่อันตรายต่อประเทศ
