คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร และสถาบันการเงิน วุฒิสภา ซึ่งมี นายถาวร ลีนุตพงษ์ เป็นประธาน ได้เชิญ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายประสาร ไตรรัตน์ วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงกรณี รัฐบาลเตรียมออก พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
นายกิตติรัตน์ยืนยันถึงความจำเป็นในการออก พ.ร.ก.ดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องนำเงินมาฟื้นฟูประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะแผนบริหารจัดการน้ำ ที่ขณะนี้ทำแผนแม่บทโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเจ้าพระยา เสร็จสิ้นแล้ว เชื่อว่าการกู้เงินดังกล่าวไม่เสียวินัยการคลัง หรือเป็นภาระงบประมาณ เพราะขณะนี้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของประเทศ อยู่ในระดับร้อยละ 40 ซึ่งยังไม่เกินเพดานที่กำหนดไว้คือ ร้อยละ 60 และยืนยันไม่แตะต้องทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ หรือคลังหลวง ตามที่หลายฝ่ายกังวล
ด้านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น ธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า ในส่วนของภาระดอกเบี้ย สามารถนำรายได้สนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย และการเปิดโอกาสเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสถาบันการเงิน เพิ่มเติม แต่เมื่อรวมกับเงินที่เก็บจากกองทุนคุ้มครองเงินฝาก ที่จะได้ต้องไม่เกินร้อยละ 1 ของเงินฝาก มาช่วยชำระในส่วนของดอกเบี้ย แต่ภาระเงินต้นคงต้องมีการพิจารณาและบริหารจัดการแหล่งหาเงินมาชำระอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การชี้แจงในครั้งนี้มีคณะศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เข้ารับฟังด้วย
นายกิตติรัตน์ยืนยันถึงความจำเป็นในการออก พ.ร.ก.ดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องนำเงินมาฟื้นฟูประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะแผนบริหารจัดการน้ำ ที่ขณะนี้ทำแผนแม่บทโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเจ้าพระยา เสร็จสิ้นแล้ว เชื่อว่าการกู้เงินดังกล่าวไม่เสียวินัยการคลัง หรือเป็นภาระงบประมาณ เพราะขณะนี้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของประเทศ อยู่ในระดับร้อยละ 40 ซึ่งยังไม่เกินเพดานที่กำหนดไว้คือ ร้อยละ 60 และยืนยันไม่แตะต้องทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ หรือคลังหลวง ตามที่หลายฝ่ายกังวล
ด้านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น ธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า ในส่วนของภาระดอกเบี้ย สามารถนำรายได้สนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย และการเปิดโอกาสเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสถาบันการเงิน เพิ่มเติม แต่เมื่อรวมกับเงินที่เก็บจากกองทุนคุ้มครองเงินฝาก ที่จะได้ต้องไม่เกินร้อยละ 1 ของเงินฝาก มาช่วยชำระในส่วนของดอกเบี้ย แต่ภาระเงินต้นคงต้องมีการพิจารณาและบริหารจัดการแหล่งหาเงินมาชำระอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การชี้แจงในครั้งนี้มีคณะศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เข้ารับฟังด้วย