xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” เร่งสางปม กองทุนฟื้นฟูฯ-พ.ร.ก.โอนหนี้ ธปท.เตือนค่าบาทผันผวนสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีระชัย  ภูวนารถนรานุบาล (กลาง)
รมว.คลัง ยันเก็บเงินนำส่งเพิ่ม เพื่อแก้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จะไม่เป็นภาระแบงก์มากเกินไป เผยยอมแก้ พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ มาตรา 7(3) เปิดทาง ธปท.บริหารหนี้เอง ขณะที่ผู้บริหาร ธปท. กังวลปี 55 เงินบาทเริ่มผันผวนหนัก ชี้ ปัจจัยเสี่ยง ศก.โลก มีความไม่แน่นอนสูง

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า แนวทางการเปิดโอกาสให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเพิ่มเติมเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จะไม่เป็นภาระกับสถาบันการเงินมากเกินไป

สำหรับแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามการร่าง พ.ร.ก.การเงินเพื่อให้มีการโอนภาระการชำระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ โดยให้ ธปท.เป็นผู้จัดการ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากกฎหมายเดิมที่กำหนดให้ ธปท.นำกำไรในสัดส่วน 90% มาใช้, รายได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศส่วนหนึ่ง ขณะที่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมา คือ เรียกเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเพิ่ม แต่อัตราเมื่อรวมกับเงินนำส่งเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จะต้องไม่เกิน 1% ของเงินฝาก

รายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ มีมติเห็นชอบพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จำนวน 4 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว และมีมติให้แก้ไขร่าง พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไปให้ ธปท.ในส่วนของมาตรา 7(3) จากเดิมให้ทรัพย์สินและเงินขอ ง ธปท.เข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้ เปลี่ยนเป็นธปท.จะบริหารจัดการทรัพย์สินเอง เพื่อไม่ให้เป็นการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. ส่วนเงินที่จะนำไปใช้ในการคืนหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่มีกว่า 1.14 ล้านล้านบาท จะมาจากกำไรของ ธปท.และเงินที่มาจากการนำส่งเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

ด้าน นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 จะเคลื่อนไหวผันผวนสูงและแกว่งตัวมากกว่าปีก่อน โดยจะเป็นไปทั้งในลักษณะอ่อนค่าและแข็งค่าสองทิศทางอย่างรวดเร็ว แต่ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค

ความผันผวนของค่าเงินบาทจะมาจากความผันผวนของค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก โดยมองว่านักลงทุนจะเปิดและปิดรับความเสี่ยงถี่ขึ้น เพราะมีความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะต้องติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกไทย

อย่างไรก็ตาม ตลาดเงินบาทมีสัดส่วน 7-8% ของมูลค่าตลาดรวมในภูมิภาค ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันที่บางประเทศมีมากถึง 30% จึงทำให้ค่าเงินบาทผันผวนน้อยกว่าประเทศอื่นๆ แต่ข้อเสียคือเมื่อผันผวนในระดับสูงแล้วจะลดระดับลงค่อนข้างช้า จึงมองว่าปีนี้ความผันผวนของค่าเงินบาทน่าจะทรงตัวหรือปรับระดับสูงขึ้น

“ปีนี้ความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ จะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น แต่เชื่อว่าค่าเงินในภูมิภาคจะยังคงเคลื่อนไหวเกาะกลุ่ม ในรูปที่ความผันผวนสูง ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศว่ามีมากน้อยเพียงใด”

สำหรับปี 2554 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในลักษณะสองทิศทางอย่างชัดเจน โดยเริ่มผันผวนและอ่อนค่าลงอย่างมากตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ของปีเป็นต้นมา จากการคาดการณ์การเกินดุลการค้าที่ลดลง ความไม่แน่นอนของยุโรป ปัญหาน้ำท่วมในประเทศที่รุนแรง และขยายวงกว้าง ประกอบกับมีการเร่งซื้อดอลลาร์สหรัฐฯ ของผู้ค้าทองคำ รวมทั้งนักลงทุนที่มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ (นอนเรสซิเด้นท์) ขายหุ้นและตราสารหนี้มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น