** 4 เดือนภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องบอกว่า ไม่สมราคาคุยที่โม้ไว้นักหนาว่า เป็นนักบริหารมืออาชีพ ที่จะมาพลิกฟื้นประเทศไทย
สร้างสุข สลายทุกข์ แก้ไขไม่แก้แค้น เพราะทุกก้าวย่างของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีเงาของพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทาบทับจนแทบไม่เห็นตัวตนของ ยิ่งลักษณ์ ทำให้วาระของประเทศชาติและประชาชนไร้ความหมาย
เนื่องจากทุกลมหายใจของ ยิ่งลักษณ์ และพวกมีแต่ผลประโยชน์ของพี่ชาย และนายใหญ่
อหังการ์จากคะแนนเสียง 15 ล้าน ผ่านการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้ ทักษิณ เหิมเกริมไม่ต่างจากในอดีตที่เคยเรืองอำนาจ โดยคิดว่า 15 ล้านเสียง คือใบเบิกทางให้คิดชั่วทำลายชาติ ย่ำยีสถาบันหลักได้ตามอำเภอใจ
** ปฏิบัติการท้าทายสังคมจนแทบนับแต้มไม่ทันเกิดขึ้นเป็นรายวัน
จนกระทั่งคนที่รักความถูกต้องที่ทนไม่ไหว คิดลุกฮือขึ้นมาประท้วง ยังสับสนเลือกไม่ถูกว่าจะต่อต้านประเด็นไหนดี
ถึงขนาดในโลกออนไลน์ มีการประชดประชันแบบตลกร้ายว่า "เลิกด่ารัฐบาลได้แล้ว เพราะกรูตามกด like ไม่ทัน"
เพราะแตะไปตรงไหนผิด หยิบไปตรงไหนก็เน่าเฟะ จนไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่จะนำพาประเทศออกจากเงาปีศาจที่ครอบครองประเทศอยู่ในขณะนี้
สำหรับคนไทยต้องตั้งสติ และทบทวนการบริหารงานของ ยิ่งลักษณ์ ให้ทะลุ เพื่อจะได้รู้เท่าทันกลเกมของ ทักษิณ และลิ่วล้อ ก่อนชาติจะล่มสลายจากพฤติกรรมของคนเหล่านี้ที่ขาดความละอายต่อบาป
**ประเทศไทยได้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รองนายกรัฐมนตรี ที่รู้ทุกเรื่อง ถึงขนาดในโลกออนไลน์ ยกให้เป็นคู่แข่งของ กูเกิ้ล แนะนำคนไทยอยากรู้เรื่องอะไรให้เข้าเว็บ "กูเหลิม" รับรองรู้ทุกประเด็น แต่ไม่ใช่ความจริง
ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลถูกสั่นคลอนลงอย่างรวดเร็ว จากการปั่นกระแสด้วยน้ำลายที่มีการพลิกลิ้นได้ภายในเสี้ยววินาที
การให้คำสัญญาจากนโยบาย เป็นเพียงเทคนิคการหาเสียงที่ไม่ต้องทำตาม
การออกมติ ครม. ลับ ๆ ล่อ ๆ กรณีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เป็นแค่การ “สับขาหลอก” ของรัฐบาล!
เลิกออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ แต่เป้าหมายเดิม คือ ล้างคดีให้ทักษิณพ้นผิดกลับมามีอำนาจ อ้าง15 ล้านเสียงเลือกมาให้ทำสิ่งนี้ ทั้ง ๆ ที่ในช่วงหาเสียงพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ระบุชัด ไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม มีแต่การแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน
จัดฉาก หวังเขียนประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ให้คนเสื้อแดงเป็นผู้บริสุทธิ์ เลือกปฏิบัติแยกขังก่อการร้ายแดงในคุกพิเศษ
** เตรียมฉีกรัฐธรรมนูญ 50 เลิกมาตรา 309 แก้แค้นองค์กรอิสระ ยุบ ป.ป.ช. เปลี่ยนโครงสร้างกระบวนการยุติธรรม แก้มาตรา 190 หวังงาบผลประโยชน์ชาติโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา ฯลฯ
นั่นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการทำลายหลักนิติรัฐ เพื่อตัวกู และพวกพ้อง ยังมีการใช้รัฐไทยไปรับรองบทบาทของนักโทษหนีคดีผ่านกลไกของกระทรวงการต่างประเทศ
ประเทศไทยได้ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรมว.ต่างประเทศ ที่มุ่งมั่นเอาใจนายใหญ่ ตั้งแต่ยกแรกที่ขึ้นชกในฐานะเจ้ากระทรวง ทั้งที่ในขณะนั้นยังไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินด้วยซ้ำ เนื่องจากยังไม่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่กลับไปรองมือรองตีน ติดปีกให้นายใหญ่บินเข้าญี่ปุ่นได้ ด้วยการใช้รัฐไทยไปการันตีร้องขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกวีซ่าให้เป็นกรณีพิเศษ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในข่ายแบล็กลิสต์ ที่ญี่ปุ่นห้ามเข้าประเทศ เพราะเป็นนักโทษหนีคดี
เจ้ากี้เจ้าการคืนพาสปอร์ต และออกหนังสือเดินทางให้ทักษิณ ทั้งๆ ที่เป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ข้อ 21 ซึ่งระบุเงื่อนไขไว้ชัดเจนว่า นักโทษหนีคดีอยู่ในข่ายที่ต้องยับยั้งการออกหนังสือ เดินทางให้
ทำไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนให้เขมร ทั้งพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร และจุดพิพาทใหม่บริเวณหลักหมุดที่ 72-73 จังหวัดตราด ที่ทหารกัมพูชายิงเฮลิคอปเตอร์ไทยจนพรุน แต่ไร้ซึ่งคำขอโทษ
**ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ก็ทำตัวเป็นบื้อใบ้ ไม่หือไม่อือ ไม่ประท้วง อ้างว่าจะทำให้เสียบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ แต่ไม่ยี่หระ ถ้าจะต้องเสียอธิปไตยให้กับฮุน เซน
กุลีกุจอเดินเครื่องสูบทรัพยากรจากทะเลร่วมกับกัมพูชา ท่ามกลางข้อครหาผลประโยน์ทับซ้อน ที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่า ทักษิณ จะได้ประโยชน์จากธุรกิจด้านพลังงาน
ไม่แตกต่างจากการเดินทางไปพม่า ที่จบลงด้วยการที่ ปตท. สผ. ได้สัมปทานเพิ่มอีกสองแปลง มองผิวเผินอาจคิดว่า ไทยได้ประโยชน์ เพราะปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่อย่าลืมว่า ปตท.เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ถูกทักษิณ เล่นแร่แปรธาตุ จนขณะนี้คลำกันไม่เจอว่าผู้ถือหุ้นตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นหัวแดง หรือหัวดำ มีความผูกพันเชื่อมโยงกับ ทักษิณ หรือไม่
สรุปคือ คนไทยได้ประโยชน์น้อย แต่ผลประโยชน์จากข้อตกลงนี้อยู่ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้น มีคนชื่อทักษิณ รวมอยู่ด้วยแน่
**หันมามองคนเป็นผู้นำประเทศคนไทยก็ยิ่งไร้ความหวัง เพราะ ยิ่งลักษณ์ ได้พิสูจน์ความสามารถอย่างชัดเจนแล้วว่า เธอเป็นได้แค่ ผู้นำพริตตี้ ถนัดแต่โชว์ตัวตามงานอีเวนต์
เป็นนางโพยที่แม้แต่อ่านก็ยังไม่คล่อง
เป็นผู้บริหารที่พูดได้แต่เพียงว่า "หนูไม่รู้"
เป็นนายกรัฐมนตรี ที่คิดว่าตัวเองมีหน้าที่แค่ประสานงานหน่วยงานราชการ
เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารบ้องตื้น ที่เชื่อว่าการเบิกจ่ายงบประมาณกว่าสองหมื่นล้านบาท สามารถทำได้ภายใน 3 วัน
เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่คิดกำกับดูแลรัฐมนตรีให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ลอยตัวโยนความรับผิดชอบให้คนอื่น
เป็นนักการเมืองที่ไม่ให้ความเคารพต่อกลไกการตรวจสอบของสภา ไม่สนใจตอบกระทู้ ทั้งของฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ใช้สภาเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจ และผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
เป็นน้องสาวที่ทำงานให้พี่ชายนักโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ละอายต่อการโกหกประชาชน พร้อมทำทุกอย่างตามใบสั่งนักโทษ
**บทสรุปของประเทศวันนี้ จะหายนะย่อยยับขนาดไหน วิญญูชนพึงประเมินได้จากข้อมูลข้างต้น
**หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมทักษิณได้อำนาจแล้วถึงไม่ยอมหยุด ทั้งที่ถ้ายอมหยุดย่อมอยู่ในวิสัยที่จะถือครองอำนาจได้อีกยาวไกลนัก
คำตอบง่าย ๆ คือ การได้อำนาจไม่เพียงพอต่อความทะยานอยากในใจของทักษิณ
การเปลี่ยนแปลงประเทศที่จะเปิดโอกาสให้เขายึดครองอำนาจแบบสัมปทานผูกขาดตามแนวถนัดของเขาต่างหาก คือสุดยอดปรารถนา
ถ้ามีใครกล้าค้านก็ยกแก๊งแดงมาขู่
ถ้าทหารต่อต้าน ก็พร้อมเอาเขมรมาเป็นกองกำลัง
ถ้าชนะก็ยึดประเทศ
ถ้าแพ้ก็พร้อมยกตระกูลไปเป็นชาวมอนเตเนโกร โดยไม่เหลียวหลังมองแผ่นดินเกิด
** แต่นั่นต้องหมายถึงว่า สูบเลือดสูบเนื้อจากทรัพยากรของชาติจนหมดสิ้นแล้ว !!
สร้างสุข สลายทุกข์ แก้ไขไม่แก้แค้น เพราะทุกก้าวย่างของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีเงาของพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทาบทับจนแทบไม่เห็นตัวตนของ ยิ่งลักษณ์ ทำให้วาระของประเทศชาติและประชาชนไร้ความหมาย
เนื่องจากทุกลมหายใจของ ยิ่งลักษณ์ และพวกมีแต่ผลประโยชน์ของพี่ชาย และนายใหญ่
อหังการ์จากคะแนนเสียง 15 ล้าน ผ่านการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้ ทักษิณ เหิมเกริมไม่ต่างจากในอดีตที่เคยเรืองอำนาจ โดยคิดว่า 15 ล้านเสียง คือใบเบิกทางให้คิดชั่วทำลายชาติ ย่ำยีสถาบันหลักได้ตามอำเภอใจ
** ปฏิบัติการท้าทายสังคมจนแทบนับแต้มไม่ทันเกิดขึ้นเป็นรายวัน
จนกระทั่งคนที่รักความถูกต้องที่ทนไม่ไหว คิดลุกฮือขึ้นมาประท้วง ยังสับสนเลือกไม่ถูกว่าจะต่อต้านประเด็นไหนดี
ถึงขนาดในโลกออนไลน์ มีการประชดประชันแบบตลกร้ายว่า "เลิกด่ารัฐบาลได้แล้ว เพราะกรูตามกด like ไม่ทัน"
เพราะแตะไปตรงไหนผิด หยิบไปตรงไหนก็เน่าเฟะ จนไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่จะนำพาประเทศออกจากเงาปีศาจที่ครอบครองประเทศอยู่ในขณะนี้
สำหรับคนไทยต้องตั้งสติ และทบทวนการบริหารงานของ ยิ่งลักษณ์ ให้ทะลุ เพื่อจะได้รู้เท่าทันกลเกมของ ทักษิณ และลิ่วล้อ ก่อนชาติจะล่มสลายจากพฤติกรรมของคนเหล่านี้ที่ขาดความละอายต่อบาป
**ประเทศไทยได้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รองนายกรัฐมนตรี ที่รู้ทุกเรื่อง ถึงขนาดในโลกออนไลน์ ยกให้เป็นคู่แข่งของ กูเกิ้ล แนะนำคนไทยอยากรู้เรื่องอะไรให้เข้าเว็บ "กูเหลิม" รับรองรู้ทุกประเด็น แต่ไม่ใช่ความจริง
ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลถูกสั่นคลอนลงอย่างรวดเร็ว จากการปั่นกระแสด้วยน้ำลายที่มีการพลิกลิ้นได้ภายในเสี้ยววินาที
การให้คำสัญญาจากนโยบาย เป็นเพียงเทคนิคการหาเสียงที่ไม่ต้องทำตาม
การออกมติ ครม. ลับ ๆ ล่อ ๆ กรณีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เป็นแค่การ “สับขาหลอก” ของรัฐบาล!
เลิกออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ แต่เป้าหมายเดิม คือ ล้างคดีให้ทักษิณพ้นผิดกลับมามีอำนาจ อ้าง15 ล้านเสียงเลือกมาให้ทำสิ่งนี้ ทั้ง ๆ ที่ในช่วงหาเสียงพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ระบุชัด ไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม มีแต่การแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน
จัดฉาก หวังเขียนประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ให้คนเสื้อแดงเป็นผู้บริสุทธิ์ เลือกปฏิบัติแยกขังก่อการร้ายแดงในคุกพิเศษ
** เตรียมฉีกรัฐธรรมนูญ 50 เลิกมาตรา 309 แก้แค้นองค์กรอิสระ ยุบ ป.ป.ช. เปลี่ยนโครงสร้างกระบวนการยุติธรรม แก้มาตรา 190 หวังงาบผลประโยชน์ชาติโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา ฯลฯ
นั่นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการทำลายหลักนิติรัฐ เพื่อตัวกู และพวกพ้อง ยังมีการใช้รัฐไทยไปรับรองบทบาทของนักโทษหนีคดีผ่านกลไกของกระทรวงการต่างประเทศ
ประเทศไทยได้ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรมว.ต่างประเทศ ที่มุ่งมั่นเอาใจนายใหญ่ ตั้งแต่ยกแรกที่ขึ้นชกในฐานะเจ้ากระทรวง ทั้งที่ในขณะนั้นยังไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินด้วยซ้ำ เนื่องจากยังไม่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่กลับไปรองมือรองตีน ติดปีกให้นายใหญ่บินเข้าญี่ปุ่นได้ ด้วยการใช้รัฐไทยไปการันตีร้องขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกวีซ่าให้เป็นกรณีพิเศษ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในข่ายแบล็กลิสต์ ที่ญี่ปุ่นห้ามเข้าประเทศ เพราะเป็นนักโทษหนีคดี
เจ้ากี้เจ้าการคืนพาสปอร์ต และออกหนังสือเดินทางให้ทักษิณ ทั้งๆ ที่เป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ข้อ 21 ซึ่งระบุเงื่อนไขไว้ชัดเจนว่า นักโทษหนีคดีอยู่ในข่ายที่ต้องยับยั้งการออกหนังสือ เดินทางให้
ทำไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนให้เขมร ทั้งพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร และจุดพิพาทใหม่บริเวณหลักหมุดที่ 72-73 จังหวัดตราด ที่ทหารกัมพูชายิงเฮลิคอปเตอร์ไทยจนพรุน แต่ไร้ซึ่งคำขอโทษ
**ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ก็ทำตัวเป็นบื้อใบ้ ไม่หือไม่อือ ไม่ประท้วง อ้างว่าจะทำให้เสียบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ แต่ไม่ยี่หระ ถ้าจะต้องเสียอธิปไตยให้กับฮุน เซน
กุลีกุจอเดินเครื่องสูบทรัพยากรจากทะเลร่วมกับกัมพูชา ท่ามกลางข้อครหาผลประโยน์ทับซ้อน ที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่า ทักษิณ จะได้ประโยชน์จากธุรกิจด้านพลังงาน
ไม่แตกต่างจากการเดินทางไปพม่า ที่จบลงด้วยการที่ ปตท. สผ. ได้สัมปทานเพิ่มอีกสองแปลง มองผิวเผินอาจคิดว่า ไทยได้ประโยชน์ เพราะปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่อย่าลืมว่า ปตท.เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ถูกทักษิณ เล่นแร่แปรธาตุ จนขณะนี้คลำกันไม่เจอว่าผู้ถือหุ้นตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นหัวแดง หรือหัวดำ มีความผูกพันเชื่อมโยงกับ ทักษิณ หรือไม่
สรุปคือ คนไทยได้ประโยชน์น้อย แต่ผลประโยชน์จากข้อตกลงนี้อยู่ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้น มีคนชื่อทักษิณ รวมอยู่ด้วยแน่
**หันมามองคนเป็นผู้นำประเทศคนไทยก็ยิ่งไร้ความหวัง เพราะ ยิ่งลักษณ์ ได้พิสูจน์ความสามารถอย่างชัดเจนแล้วว่า เธอเป็นได้แค่ ผู้นำพริตตี้ ถนัดแต่โชว์ตัวตามงานอีเวนต์
เป็นนางโพยที่แม้แต่อ่านก็ยังไม่คล่อง
เป็นผู้บริหารที่พูดได้แต่เพียงว่า "หนูไม่รู้"
เป็นนายกรัฐมนตรี ที่คิดว่าตัวเองมีหน้าที่แค่ประสานงานหน่วยงานราชการ
เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารบ้องตื้น ที่เชื่อว่าการเบิกจ่ายงบประมาณกว่าสองหมื่นล้านบาท สามารถทำได้ภายใน 3 วัน
เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่คิดกำกับดูแลรัฐมนตรีให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ลอยตัวโยนความรับผิดชอบให้คนอื่น
เป็นนักการเมืองที่ไม่ให้ความเคารพต่อกลไกการตรวจสอบของสภา ไม่สนใจตอบกระทู้ ทั้งของฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ใช้สภาเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจ และผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
เป็นน้องสาวที่ทำงานให้พี่ชายนักโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ละอายต่อการโกหกประชาชน พร้อมทำทุกอย่างตามใบสั่งนักโทษ
**บทสรุปของประเทศวันนี้ จะหายนะย่อยยับขนาดไหน วิญญูชนพึงประเมินได้จากข้อมูลข้างต้น
**หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมทักษิณได้อำนาจแล้วถึงไม่ยอมหยุด ทั้งที่ถ้ายอมหยุดย่อมอยู่ในวิสัยที่จะถือครองอำนาจได้อีกยาวไกลนัก
คำตอบง่าย ๆ คือ การได้อำนาจไม่เพียงพอต่อความทะยานอยากในใจของทักษิณ
การเปลี่ยนแปลงประเทศที่จะเปิดโอกาสให้เขายึดครองอำนาจแบบสัมปทานผูกขาดตามแนวถนัดของเขาต่างหาก คือสุดยอดปรารถนา
ถ้ามีใครกล้าค้านก็ยกแก๊งแดงมาขู่
ถ้าทหารต่อต้าน ก็พร้อมเอาเขมรมาเป็นกองกำลัง
ถ้าชนะก็ยึดประเทศ
ถ้าแพ้ก็พร้อมยกตระกูลไปเป็นชาวมอนเตเนโกร โดยไม่เหลียวหลังมองแผ่นดินเกิด
** แต่นั่นต้องหมายถึงว่า สูบเลือดสูบเนื้อจากทรัพยากรของชาติจนหมดสิ้นแล้ว !!