ผ่าประเด็นร้อน
ไม่รู้ว่าเวลานี้มีกี่แผนกันแน่ที่จ้องโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่นำโดย นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะล่าสุด โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ออกมาระบุว่าเวลานี้มีฝ่ายตรงข้ามกำลังใช้แผน “บันได 9 ขั้น” เพื่อดิสเครดิตและทำลายรัฐบาล พร้อมทั้งอ้างว่ากำลังเร่งมือกันอย่างเต็มที่เพื่อไปถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ดี นาทีนี้ยังไม่ต้องไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทางใดทางหนึ่ง แต่ต้องมาพิจารณากันเสียก่อนว่า รัฐบาลชุดนี้ชนะการเลือกตั้งมาด้วยเสียงท่วมท้น มีเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา ทำให้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก บรรยากาศในตอนนั้นอบอวลไปด้วยความชื่นมื่น ยินดีปรีดา
อีกทั้งตอนนั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน สร้างความยุติธรรม ไม่สองมาตรฐาน แก้ไขไม่แก้แค้น จะคืนความสุขให้คนไทย อะไรประมาณนั้น เสียงไชยโยโห่ร้องต้อนรับกันอื้ออึง
แม้ว่าความรู้สึกเริ่มสะดุดนิดหนึ่งตรงที่ประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีออกมา ล้วนแล้วแต่ ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเสนาบดีได้เลย เพราะอย่าว่าแต่มาเป็นรัฐมนตรีเลย แค่เด็กยกกระเป๋า ก็ยังไม่ควรเสียด้วยซ้ำไป แต่เมื่อบอกว่าขอโอกาสให้ทำงานพิสูจน์ฝีมือเสียก่อน ก็ไม่เป็นไร
แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3-4 เดือน แม้จะอ้างว่าเวลาแค่น้อยนิดยังไม่อาจพิสูจน์ความสามารถอะไรได้ อย่างไรก็ดีมีคนโต้แย้งว่าอย่างน้อยก็ต้องเห็นแววออกมาได้บ้างว่าแต่ละคนมีฝีมือเป็นอย่างไร โดยเฉพาะจากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “สอบตก” กันทั้งคณะ ตั้งแต่หัวหน้าคือ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาจนถึงรัฐมนตรีปลายแถว
ไม่เชื่อลองไปตรวจสอบอารมณ์และความรู้สึกของชาวบ้านทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกันอย่างคนเสื้อแดงก็ได้ว่า ลึกๆแล้วผิดหวังและกระอักกระอ่วนแค่ไหน แม้ว่ายังมีอีกไม่น้อยที่ยังให้โอกาสและให้กำลังใจ แต่รับรองว่าเมื่อเปรียบเทียบบรรยากาศระหว่างหลังการเลือกตั้งกับตอนนี้มาต่างกันแค่ไหน ไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนแน่นอน
ยิ่งเมื่อได้เห็นภาวะผู้นำของยิ่งลักษณ์ ในช่วงสถานการณ์วิกฤต ที่ไม่อาจพึ่งพาอะไรได้เลยมันก็ยิ่งใจแป้ว เพราะเอาแค่พูดจายังไม่ค่อยรู้เรื่อง ยิ่งพูดก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความด้อยสติปัญญาพรั่งพรูออกมาอยู่ตลอดเวลา
ล่าสุด โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ออกมาอ้างว่าเวลานี้กำลังมีฝ่ายตรงข้ามกำลังใช้แผนบันใด 9 ขั้นเพื่อดิสเครดิตและทำลายรัฐบาล ทำให้ต้องมาพิจารณาทันทีว่ามันมีอยู่หรือไม่ และถ้ามีจริงจะสามารถเป็นภัยคุกคามกับรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากเด็ดขาดได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาเดียวกันกลับมีสารพัดข่าวอื้อฉาวประดังเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน อาทิ ความพยายามสอดไส้ขอพระราชทานอภัยโทษช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร แอบอ้างแปะชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และทักษิณ ในถุงบริจาคของประชาชน ใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคืนหนังสือเดินทางให้กับทักษิณทั้งที่เป็นนักโทษหนีคดี หนีหมายจับ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่เป็นเครือญาติคนใกล้ชิดมาดำรงตำแหน่งสำคัญ
มีรัฐมนตรีที่ใช้ปากทำงาน สร้างกระแสความขัดแย้งกับชาวบ้าน รู้ไปหมดทุกเรื่อง ทำทุกเรื่องยกเว้นในเรื่องที่สมควรทำ กรณีเกิดเหตุลอบวางระเบิด (ปลอม) ต่อเนื่องกันหลายจุด มีการจับกุมผู้ต้องหาได้ แต่กลายเป็นว่าทำให้สังคมสงสัยว่ามีการ “จัดฉาก” เพื่อสร้างผลงานรวมถึงเจตนากลบเกลื่อน เบี่ยงเบนเสียงวิจารณ์เรื่องการคืนหนังสือเดินทางให้ ทักษิณ
นี่ยังไม่นับเรื่องการที่มีขบวนการล้มเจ้า มีเว็บหมิ่นฯผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่รัฐบาลกลับทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจ อาจเป็นเพราะที่ผ่านมามีคนกันเองที่มีเจตนาจาบจ้วงทำให้เกิดคำถามว่าเป็นเพราะสาเหตุดังกล่าวหรือไม่ทำให้ผลการปราบปรามไม่คืบหน้า
นอกจากนี้ยังมีเรื่องความพยายามเคลื่อนไหวออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่ล่าสุดเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ ให้พ้นผิด ได้เงินที่ศาลสั่งยึดไปกลับคืนมา และกลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกรอบ ความหมายโดยสรุปก็คือสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้กำลังดำเนินการก็คือกำลังระดมสรรพกำลังเท่าที่มีเพื่อช่วยเหลือคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ขณะที่ชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสกลับยังไม่มีมาตรการเยียวยาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม นี่ว่ากันเฉพาะเท่าที่จำได้ และเป็นเรื่องเป็นราวให้ชวนโมโหเท่านั้น
ดังนั้น หากบอกว่าเวลานี้กำลังมีฝ่ายตรงข้ามกำลังใช้แผนบันใด 9 ขั้นเพื่อโค่นล้มทำลายรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ในความเป็นจริงมันคืออะไรกันแน่ แต่ที่ผ่านมามีแต่เรื่องที่รัฐบาลกำลังตั้งใจดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังก็คือ ทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว ทั้งที่เป็นคนทำผิดกฎหมายถูกศาลพิพากษาลงโทษ ขณะที่ปัญหาของชาวบ้านกลับเป็นเรื่องรอง ไม่เคยใส่ใจ และหากยังดำเนินแบบนี้ต่อไป รับรองว่าไม่ต้องใช้แผนใดให้ซับซ้อน เพราะมันเริ่มนับถอยหลังอยู่แล้ว!!