ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารบ้านเมืองผ่านมาร่วมเดือนนโยบายหลายเรื่องที่เดินหน้าขับเคลื่อนนอกจากไม่เปรี้ยงแล้ว ยังส่อมุกแป๊กคนไม่ขานรับ เช่นโครงการรับจำนำข้าว-คืนภาษีรถยนต์คันแรก ที่มีคนท้วงติงข้อเสียมากกว่าเห็นด้วย
นายกฯปูจะมามัวแต่เดินเฉิดฉาย โชว์ชุดสวย ใบ้หวยอีกไม่ได้แล้ว
ปัญหาใหญ่ๆ อย่างการแก้ไขเรื่องความไม่สงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงตอนนี้แทบไม่เห็นการขยับขับเคลื่อนอะไรจากนายกฯยิ่งลักษณ์ ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายอะไรที่เป็นรูปธรรมในการ “ดับไฟใต้”
ไม่มีใครได้เห็น ยิ่งลักษณ์และคนในรัฐบาล จะมีแอ็กชั่นแพลนใดๆกับเรื่องภาคใต้ ไม่เคยมีข่าวว่าแกนนำรัฐบาลคนไหนจะลงพื้นที่ภาคใต้ แม้แต่กับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ป่านนี้ก็ยังมะงุมมะงาหรา ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ถ้ายกข้ออ้างว่าเพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีส.ส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งข่าวบอกว่าในพื้นที่ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส แรงต้านเพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร ยังแรงอยู่ เลยทำให้รัฐบาลเพื่อไทยไม่ค่อยสนใจปัญหาภาคใต้มากนัก
หากย้อนไปในช่วงเลือกตั้ง ก็พบว่ายิ่งลักษณ์ไปหาเสียงแค่วันเดียวอและไปแบบเช้าไปเย็นกลับเสียด้วยสิ อยู่หาเสียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงในพื้นที่หลักๆคือยะลา ของซูการ์โน มะทา แต่ก็ไม่เป็นผล เพื่อไทยไม่ได้ชัยชนะในภาคใต้แม้แต่คนเดียว
ไม่ว่าจะอ้างอย่างไร ถึงเวลานี้ เรื่องปัญหาภาคใต้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะลอยตัวแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว
แม้ยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงอาจไม่ได้ถนัดกับภารกิจแบบนี้ อีกทั้งมีคนที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้วทั้งฝ่ายทหาร-ตำรวจและฝ่ายปกครอง แต่ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ แม้จะเป็นผู้หญิงก็ต้องมีภาวะผู้นำในการแสดงให้ประชาชนโดยเฉพาะคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความมั่นใจว่า
รัฐบาลเพื่อไทยแม้จะไม่มีส.ส.ในพื้นที่แม้แต่คนเดียว แต่จะทุ่มเทแก้ปัญหาจริงจัง จะทุ่มทั้งงบประมาณ-แผนงานและบุคลากรอย่างไม่อั้นในการแก้ปัญหาภาคใต้ทั้งระยะสั้น-ระยะยาวและแบบยั่งยืน
เหตุการณ์คาร์บอมบ์-มอเตอร์ไซด์บอมบ์ 3 จุด ใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสเมื่อคืนวันที่ 16 กันยายนที่คนร้ายวางระเบิดพร้อมกัน 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 คน มีผู้บาดเจ็บทั้งคนในพื้นที่-นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ร่วมๆ 62 คน
ถือเป็นเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุนแรงมากที่สุดหลังรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้าบริหารประเทศ
ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียวคือ 15 กันยายน ก็เกิดเหตุลอบวางระเบิดที่บ้านเจาะกะพ้อ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ทำให้ทหารเสียชีวิต 5 นาย และบาดเจ็บ 1 นาย
จากนี้ไป ต้องดูว่า ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสั่งการจะวางแผนแก้ปัญหาภาคใต้ให้น้องสาวตัวเองอย่างไร หลังวางตัวให้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงดูแลเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ โดยมีทีมงานหลักๆที่ทักษิณจะส่งไปช่วย
เช่น พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ที่ข่าวว่าทักษิณวางตัวจะให้ไปเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)คนใหม่แทน ภาณุ อุทัยรัตน์ คนๆนี้ทักษิณและพรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นคนของประชาธิปัตย์และใกล้ชิดกับพลเอกปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่อยู่คนละฟากกับระบอบทักษิณ
หากข่าวนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง นอกจาก ทวี สอดส่อง จะถูกส่งไปคุมเรื่องงบประมาณ และแผนงานการแก้ปัญหาภาคใต้แล้ว รัฐบาลก็จะใช้ประโยชน์จากทวี สอดส่อง ในฐานะที่เป็นมือสืบสวนสอบสวนมาช่วยลุยจับกลุ่มผู้ก่อเหตุในภาคใต้ด้วย ยิ่งมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่ทำงานสไตล์เดินหน้าแล้วลุยดะ เป็นลูกพี่คุม ทวี สอดส่อง อีกชั้นหนึ่ง ทั้งโกวิทและทวี เลยน่าจะทำงานเข้าขากันสนุก
ซึ่งหากลงไปทำงานแล้วสถานการณ์ดีขึ้น ทุกคน ก็คงเอาใจช่วย แต่แค่ยังไม่ทันทำงาน แค่มีกระแสข่าวว่าทวี สอดส่องจะมาเป็นเลขาธิการศอ.บต. –โกวิท วัฒนะ กำลังจะลงไปใต้ แล้วเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งลักษณ์-โกวิท-ทวี คงเหนื่อยแน่นอน
ขณะเดียวกันรัฐบาลอาจหวังจะใช้ประสบการณ์ของพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน.และพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ. ซึ่งวันนี้ทั้งสองคนกินตำแหน่งและเงินเดือน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอยู่ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยวางแผนแก้ปัญหาภาคใต้ ควบคู่ไปกับการจัดทีมใหม่ทั้งหมด
เช่นการที่จะมีผบ.ตร.ชื่อพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในอนาคต ซึ่งเพรียวพันธ์ก็ต้องเข้าไปช่วยยิ่งลักษณ์ในการช่วยแก้ปัญหาภาคใต้แบบสุดฝีมือเช่นกัน รวมถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.และเลขาธิการป.ป.ส. ซึ่งพล.ต.อ.อดุลย์น่าจะเป็นตัวหลักสำคัญของรัฐบาลแน่นอน เพราะเรื่องยาเสพติดคือสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของปัญหาภาคใต้ หากจัดการได้คงทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแน่นอน
ส่วนตัวยิ่งลักษณ์จะลงไปปลุกขวัญกำลังใจประชาชนและข้าราชการในพื้นที่ด้วยตัวเองหรือไม่ อีกทั้งจะมีแผนงานเชิงรุกอย่างไรในการแก้ปัญหา ก็น่าติดตามไม่น้อย
เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาเว็บไซต์ขบวนการพูโล ได้เผยแพร่ ข้อเสนอของ นายกัสตูรี มะห์โกตา หัวหน้าฝ่ายการต่างประเทศขององค์การสหปาตานีเสรี (Patani United Liberation Organization : PULO) หรือขบวนการพูโล ที่ส่งสารขอเจรจากับ นายกรัฐมนตรีของไทยในการแก้ปัญหาภาคใต้ ที่จะต้องมีคณะบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เป็นตัวกลาง
แต่ให้เดา เชื่อว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่มีทาง เปิดฉากเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการร้ายภาคใต้แน่นอน เพราะของอย่างนี้ ใครๆ ก็รู้ว่า ขืนรัฐบาลไปตั้งโต๊ะเปิดเจรจากับโจร-ผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุในภาคใต้มาหลายสิบปีและทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปทำ
มีหวังโดนด่าเละ มีแต่เสียกับเสีย
อีกทั้งในกลุ่มผู้ก่อเหตุภาคใต้เอง ก็ไม่มีความเป็นเอกภาพ มีหลายกลุ่มอ้างตัวว่ามีอิทธิพลและบทบาทในพื้นที่ เพื่อหวังสร้างผลงานและสร้างพาวเวอร์ให้กับกลุ่มของตัวเอง พวกกลุ่มผู้ก่อเหตุภาคใต้ จึงไม่มีกลุ่มไหนมีอำนาจการต่อรองสูงสุดอย่างแท้จริง
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงต้องรีบได้แล้วในการจะหาวิธีแก้ปัญหาภาคใต้อย่างมียุทธศาสตร์ที่เอาชนะด้วยการทหารและการเมือง
ปัญหา3จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ควรบอกว่ามีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ขอไปก้าวก่าย เพราะขนาดนายกรัฐมนตรีหลายคนก่อนหน้านี้เข้าไปดูแลเรื่องนี้โดยตรงก็ยังแก้ไม่ได้ ขืนยิ่งลักษณ์เล่นลอยตัว ไม่ลงไปกำกับไม่เข้าไปสั่งการติดตามเป็นระยะ มีหวังงานไม่เห็นผล
ที่น่าตกใจคือ หากย้อนดูความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายทหารเมื่อ 4มกราคม 2547 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนถึงเดือนสิงหาคม 2554 รวม 92 เดือน
พบว่าเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบรวม 11,074 เหตุ มีผู้บาดเจ็บ 7,995 ราย แยกเป็นชาวไทยพุทธ 4,854 ราย ไทยมุสลิม 2,616 ราย ไม่ระบุศาสนา 525 ราย
ที่น่าตกใจคือ มีผู้เสียชีวิตไปแล้วรวม 4,846 ราย แยกเป็นไทยพุทธ 1,857 ราย ไทยมุสลิม 2,858 ราย ไม่ระบุศาสนา 131 ราย
ขณะที่งบประมาณที่ใช้เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ทั้งงบเพื่อการพัฒนาและงบด้านการป้องกันและปราบปรามเพื่อควบคุมสถานการณ์ภาคใต้ทั้งงบที่มีการเบิกจ่ายแบบเป็นทางการและงบลับ ประเมินกันว่าหมดไปแล้วนับแสนล้านบาท
แต่จนถึงขณะนี้สถานการณ์หลายคนบอกว่าแม้สถิติจะลดน้อยลงในช่วงปีหลังๆ แต่ในความน้อยลงพบว่าการก่อเหตุมุ่งเน้นโจมตีรุนแรงมากขึ้น คือไม่เน้นปริมาณแต่เน้นผลก่อเหตุแล้วต้องมีคนบาดเจ็บ-เสียชีวิตโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ
“ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” จะใช้ยุทธวิธีแบบไหนในการแก้ปัญหาภาคใต้ เพื่อไม่ให้ปัญหานี้บานปลาย คนไทยกำลังจับตามองดูอยู่
นายกฯปูจะมามัวแต่เดินเฉิดฉาย โชว์ชุดสวย ใบ้หวยอีกไม่ได้แล้ว
ปัญหาใหญ่ๆ อย่างการแก้ไขเรื่องความไม่สงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงตอนนี้แทบไม่เห็นการขยับขับเคลื่อนอะไรจากนายกฯยิ่งลักษณ์ ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายอะไรที่เป็นรูปธรรมในการ “ดับไฟใต้”
ไม่มีใครได้เห็น ยิ่งลักษณ์และคนในรัฐบาล จะมีแอ็กชั่นแพลนใดๆกับเรื่องภาคใต้ ไม่เคยมีข่าวว่าแกนนำรัฐบาลคนไหนจะลงพื้นที่ภาคใต้ แม้แต่กับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ป่านนี้ก็ยังมะงุมมะงาหรา ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ถ้ายกข้ออ้างว่าเพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีส.ส.ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งข่าวบอกว่าในพื้นที่ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส แรงต้านเพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร ยังแรงอยู่ เลยทำให้รัฐบาลเพื่อไทยไม่ค่อยสนใจปัญหาภาคใต้มากนัก
หากย้อนไปในช่วงเลือกตั้ง ก็พบว่ายิ่งลักษณ์ไปหาเสียงแค่วันเดียวอและไปแบบเช้าไปเย็นกลับเสียด้วยสิ อยู่หาเสียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงในพื้นที่หลักๆคือยะลา ของซูการ์โน มะทา แต่ก็ไม่เป็นผล เพื่อไทยไม่ได้ชัยชนะในภาคใต้แม้แต่คนเดียว
ไม่ว่าจะอ้างอย่างไร ถึงเวลานี้ เรื่องปัญหาภาคใต้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะลอยตัวแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว
แม้ยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงอาจไม่ได้ถนัดกับภารกิจแบบนี้ อีกทั้งมีคนที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้วทั้งฝ่ายทหาร-ตำรวจและฝ่ายปกครอง แต่ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ แม้จะเป็นผู้หญิงก็ต้องมีภาวะผู้นำในการแสดงให้ประชาชนโดยเฉพาะคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความมั่นใจว่า
รัฐบาลเพื่อไทยแม้จะไม่มีส.ส.ในพื้นที่แม้แต่คนเดียว แต่จะทุ่มเทแก้ปัญหาจริงจัง จะทุ่มทั้งงบประมาณ-แผนงานและบุคลากรอย่างไม่อั้นในการแก้ปัญหาภาคใต้ทั้งระยะสั้น-ระยะยาวและแบบยั่งยืน
เหตุการณ์คาร์บอมบ์-มอเตอร์ไซด์บอมบ์ 3 จุด ใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสเมื่อคืนวันที่ 16 กันยายนที่คนร้ายวางระเบิดพร้อมกัน 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 คน มีผู้บาดเจ็บทั้งคนในพื้นที่-นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ร่วมๆ 62 คน
ถือเป็นเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุนแรงมากที่สุดหลังรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้าบริหารประเทศ
ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียวคือ 15 กันยายน ก็เกิดเหตุลอบวางระเบิดที่บ้านเจาะกะพ้อ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ทำให้ทหารเสียชีวิต 5 นาย และบาดเจ็บ 1 นาย
จากนี้ไป ต้องดูว่า ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสั่งการจะวางแผนแก้ปัญหาภาคใต้ให้น้องสาวตัวเองอย่างไร หลังวางตัวให้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงดูแลเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ โดยมีทีมงานหลักๆที่ทักษิณจะส่งไปช่วย
เช่น พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ที่ข่าวว่าทักษิณวางตัวจะให้ไปเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)คนใหม่แทน ภาณุ อุทัยรัตน์ คนๆนี้ทักษิณและพรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นคนของประชาธิปัตย์และใกล้ชิดกับพลเอกปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่อยู่คนละฟากกับระบอบทักษิณ
หากข่าวนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง นอกจาก ทวี สอดส่อง จะถูกส่งไปคุมเรื่องงบประมาณ และแผนงานการแก้ปัญหาภาคใต้แล้ว รัฐบาลก็จะใช้ประโยชน์จากทวี สอดส่อง ในฐานะที่เป็นมือสืบสวนสอบสวนมาช่วยลุยจับกลุ่มผู้ก่อเหตุในภาคใต้ด้วย ยิ่งมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่ทำงานสไตล์เดินหน้าแล้วลุยดะ เป็นลูกพี่คุม ทวี สอดส่อง อีกชั้นหนึ่ง ทั้งโกวิทและทวี เลยน่าจะทำงานเข้าขากันสนุก
ซึ่งหากลงไปทำงานแล้วสถานการณ์ดีขึ้น ทุกคน ก็คงเอาใจช่วย แต่แค่ยังไม่ทันทำงาน แค่มีกระแสข่าวว่าทวี สอดส่องจะมาเป็นเลขาธิการศอ.บต. –โกวิท วัฒนะ กำลังจะลงไปใต้ แล้วเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งลักษณ์-โกวิท-ทวี คงเหนื่อยแน่นอน
ขณะเดียวกันรัฐบาลอาจหวังจะใช้ประสบการณ์ของพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน.และพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ. ซึ่งวันนี้ทั้งสองคนกินตำแหน่งและเงินเดือน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอยู่ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยวางแผนแก้ปัญหาภาคใต้ ควบคู่ไปกับการจัดทีมใหม่ทั้งหมด
เช่นการที่จะมีผบ.ตร.ชื่อพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในอนาคต ซึ่งเพรียวพันธ์ก็ต้องเข้าไปช่วยยิ่งลักษณ์ในการช่วยแก้ปัญหาภาคใต้แบบสุดฝีมือเช่นกัน รวมถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.และเลขาธิการป.ป.ส. ซึ่งพล.ต.อ.อดุลย์น่าจะเป็นตัวหลักสำคัญของรัฐบาลแน่นอน เพราะเรื่องยาเสพติดคือสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของปัญหาภาคใต้ หากจัดการได้คงทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแน่นอน
ส่วนตัวยิ่งลักษณ์จะลงไปปลุกขวัญกำลังใจประชาชนและข้าราชการในพื้นที่ด้วยตัวเองหรือไม่ อีกทั้งจะมีแผนงานเชิงรุกอย่างไรในการแก้ปัญหา ก็น่าติดตามไม่น้อย
เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาเว็บไซต์ขบวนการพูโล ได้เผยแพร่ ข้อเสนอของ นายกัสตูรี มะห์โกตา หัวหน้าฝ่ายการต่างประเทศขององค์การสหปาตานีเสรี (Patani United Liberation Organization : PULO) หรือขบวนการพูโล ที่ส่งสารขอเจรจากับ นายกรัฐมนตรีของไทยในการแก้ปัญหาภาคใต้ ที่จะต้องมีคณะบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เป็นตัวกลาง
แต่ให้เดา เชื่อว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่มีทาง เปิดฉากเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการร้ายภาคใต้แน่นอน เพราะของอย่างนี้ ใครๆ ก็รู้ว่า ขืนรัฐบาลไปตั้งโต๊ะเปิดเจรจากับโจร-ผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุในภาคใต้มาหลายสิบปีและทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปทำ
มีหวังโดนด่าเละ มีแต่เสียกับเสีย
อีกทั้งในกลุ่มผู้ก่อเหตุภาคใต้เอง ก็ไม่มีความเป็นเอกภาพ มีหลายกลุ่มอ้างตัวว่ามีอิทธิพลและบทบาทในพื้นที่ เพื่อหวังสร้างผลงานและสร้างพาวเวอร์ให้กับกลุ่มของตัวเอง พวกกลุ่มผู้ก่อเหตุภาคใต้ จึงไม่มีกลุ่มไหนมีอำนาจการต่อรองสูงสุดอย่างแท้จริง
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงต้องรีบได้แล้วในการจะหาวิธีแก้ปัญหาภาคใต้อย่างมียุทธศาสตร์ที่เอาชนะด้วยการทหารและการเมือง
ปัญหา3จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ควรบอกว่ามีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ขอไปก้าวก่าย เพราะขนาดนายกรัฐมนตรีหลายคนก่อนหน้านี้เข้าไปดูแลเรื่องนี้โดยตรงก็ยังแก้ไม่ได้ ขืนยิ่งลักษณ์เล่นลอยตัว ไม่ลงไปกำกับไม่เข้าไปสั่งการติดตามเป็นระยะ มีหวังงานไม่เห็นผล
ที่น่าตกใจคือ หากย้อนดูความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายทหารเมื่อ 4มกราคม 2547 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนถึงเดือนสิงหาคม 2554 รวม 92 เดือน
พบว่าเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบรวม 11,074 เหตุ มีผู้บาดเจ็บ 7,995 ราย แยกเป็นชาวไทยพุทธ 4,854 ราย ไทยมุสลิม 2,616 ราย ไม่ระบุศาสนา 525 ราย
ที่น่าตกใจคือ มีผู้เสียชีวิตไปแล้วรวม 4,846 ราย แยกเป็นไทยพุทธ 1,857 ราย ไทยมุสลิม 2,858 ราย ไม่ระบุศาสนา 131 ราย
ขณะที่งบประมาณที่ใช้เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ทั้งงบเพื่อการพัฒนาและงบด้านการป้องกันและปราบปรามเพื่อควบคุมสถานการณ์ภาคใต้ทั้งงบที่มีการเบิกจ่ายแบบเป็นทางการและงบลับ ประเมินกันว่าหมดไปแล้วนับแสนล้านบาท
แต่จนถึงขณะนี้สถานการณ์หลายคนบอกว่าแม้สถิติจะลดน้อยลงในช่วงปีหลังๆ แต่ในความน้อยลงพบว่าการก่อเหตุมุ่งเน้นโจมตีรุนแรงมากขึ้น คือไม่เน้นปริมาณแต่เน้นผลก่อเหตุแล้วต้องมีคนบาดเจ็บ-เสียชีวิตโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ
“ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” จะใช้ยุทธวิธีแบบไหนในการแก้ปัญหาภาคใต้ เพื่อไม่ให้ปัญหานี้บานปลาย คนไทยกำลังจับตามองดูอยู่
