ทุกสิ้นปี สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล จะตั้งฉายา รัฐบาลและ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่เป็นการสะท้อนถึงการทำงานในปีที่ผ่านมา รวมทั้งพฤติกรรม สไตล์การบริหารงาน ที่เป็นจุดเด่น หรือจุดด้อยของนายกรัฐมนตรีและ คณะ
แต่รัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลโคลนนิ่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำงานยังไม่ถึงครบเดือน ก็ถูกตั้งฉายาว่า เป็นรัฐบาล “ ดีแต่โม้” จากนายอัมมาร์ สยามวาลา ประธานเกียรติคุณ สถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ เพราะวันๆไม่ทำอะไร ได้แต่โม้ว่า จะทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ แต่ทำไม่ได้อย่างที่โม้สักเรื่อง
ส่วน” แหลเพื่อพี่” นั้น เป็นชื่อคอลัมน์ การ์ตูน การเมือง ของ บัญชา-คามิน ในหน้า 12 ของ หนังสือพิมพ์เอเอสทีวี-ผู้จัดการรายวัน ซึ่งเปลี่ยนไปตามรัฐบาลแต่ละยุค เช่น สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ชื่อว่า “ โอบามาร์ค” รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ตั้งชื่อคอลัมน์เป็น “ ยุคขิงแก่” เป็นต้น
สำหรับ “แหลเพื่อพี่” ก็เป็นการสะท้อนนิสัยใจคอ ตัวตนของนายกรัฐมนตรีโคลนนิ่งคนแรกของโลก ที่พูดจาเอาแน่ เอานอน เชื่อถือไม่ได้ เพราะไม่เป็นตัวของตัวเอง ทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน ถูกตั้งโปรแกรม กดปุ่มสั่งงานจากทีมงานที่พี่ชายตั้งขึ้นมากำกับดูแล
ฉายา “ดีแต่โม้” เมื่อรวมกับ” แหลเพื่อพี่ “ เข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะ แต่ละวลีต่างเสริมความซึ่งกันและกัน เมื่อประกอบเข้ากันแล้ว ก็ยิ่งสะท้อนภาพลักษณ์ ตัวตน ของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีได้อย่างตรงกับความเป็นจริง หากรัฐบาลมีอันเป็นไป ก่อนสิ้นปี อาจจะไม่มีโอกาสได้รับการตั้งฉายาจากสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ก็ขอฝากฉายา “ ดีแต่โม้ แหลเพื่อพี่ “ ไว้ในการพิจารณาของพี่น้องประชาชนด้วย
ในความเป็นมนุษย์ด้วยกัน ยิ่งลักษณ์ นับว่า เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง เดิมนั้น ก็ไม่ค่อยมีความสุขในชีวิตส่วนตัวอยู่แล้ว เมื่อมาถูกพี่ชายเชิดขึ้นเป็นหุ่นบังหน้า เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ความทุกข์ก็ยิ่งถมทับทวี เพราะต้องมาเป็นในสิ่งที่ใม่ใช่ตัวเอง ไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้เลยสักเรื่อง จะตอบคำถามนักข่าว ก็ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้หลุดสคริปต์ เพราะมิฉะนั้นแล้ว จะถูกยิงคำถามต่อเนื่องจนจนมุม ต้องเดินหนีนักข่าวไปเฉยๆ
คำตอบของยิ่งลักษณ์ในทุกๆเรื่อง จึงเป็นไปในลักษณะ “ ร้อยเนื้อ ทำนองเดียว” ไม่ว่านักข่าวจะถามเรื่องอะไร ก็จะได้รับคำตอบชุดเดิมๆว่า “ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน มอบหมายให้คณะกรรมการศึกษาอยู่ ขอดูรายละเอียดก่อน ขอโอกาสทำงานก่อนนะคะ ขอประชุมก่อนนะคะฯลฯ”
เพราะเธอถูกออกแบบมาให้เป็นเช่นนี้ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแต่ในนาม แต่ในทางปฏิบัติก็อยุ่ที่ว่า พี่ชายและพี่สะใภ้ จะมอบหมายให้ใครทำเป็นเรื่องๆ เรื่องตำรวจ เป็นหน้าที่ของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ที่จะต้องทำให้ พลตำรวจเอกเพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นเกียรติยศของตระกูลดามาพงศ์ และเพื่อปูพื้นฐานสร้างกองกำลังชุดสีกากี เป็นกลไกในการรักษาอำนาจรัฐ เผื่อจะต้องรบกับกองทัพ เรื่องการสร้างภาพในต่างประเทศ การเจรจาธุรกิจกับต่างชาติ ผลประโยชน์ด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบ เรื่อง การตั้งกองทุนเพ่อความมั่งคั่ง เพื่อใช้เป้นเครื่องมือในการลงทุน เวลาไปเจรจากับต่างชาติจะได้มีอำนาจต่อรอง ก้ให้เป็นหน้าที่ของ นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รัฐมนตรีว่ากากรระทรวงการคลัง
เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม พี่ชายไม่ได้คิดให้ และไม่ได้บอกว่า ให้ใครดูแลรับผิดชอบ ปํญหาน้ำท่วมที่ยืดเยื้อ และรุนแรงกว่าทุกปี จึงไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี มีแต่คำพูดสวยหรูอย่างเช่น บางระกำโมเดล อุดรโมเดล และวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล น้ำกำลังท่วม หนักขึ้นๆ และไม่รู้ว่า จะลดเมือ่ไร แต่นายกฯล้ำหน้าประชาชนไปไกล ไปพูดถึง การแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยัง่ยืน และการแก้ปัญหาภัยแล้งแล้ว
ปัญหาน้ำท่วมนี้ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีโคลนนิ่ง แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ใส่ใจกับความทุกข์ยากเดือนร้อนของประชาชน เอาแต่เฉิดฉายอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ถูกน้ำท่วม และหน่วยงานที่เกีย่วข้อง มาประชุมแก้ปัญหาพอเป็นพิธี
จริงอยู่ที่ว่า การลงไปลุยน้ำรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร ซ้ำยังจะทำให้ผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต้องวุ่นวายกับ การจัดฉากเตรียมต้อนรับ แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรี แม้จะเป็นเพียงหุ่นเชิดก็ตาม การแสดงความใส่ใจ กับความทุกข์ยากจากภัยธรรมชาติของประชาชน เป็นเรื่องที่เลี่ยงไมได้ แม้จะไม่ถนัด ไม่อยากลุยน้ำให้ยากลำบาก ก็ต้องทำ เพราะเป็นการแสดงออกถึงความอนาทรร้อนใจต่อเพื่อนร่วมชาติ
ความเฉยเมยต่อปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ็ ชินวัตร นอกจากจะคิดไม่เป็น พูดไมได้แล้ว ยังไร้น้ำใจต่อพี่น้องประชาชนด้วย