นายกฯ ท่องคาถาขอเวลาพิสูจน์ 1 ปี ลบคำสบประมาทดีแต่โม้ ตามสูตรอ้างขอพระราชทานอภัยโทษให้ “แม้ว” ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล โบ้ยเป็นเรื่องของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ลิ้นจุกปากสายล่อฟ้าสั่งเด้งเป็นว่าเล่น ถือเป็นการโยกย้ายตามฤดูกาล ไฟเขียว รมต.สับเปลี่ยนเก้าอี้ ขรก.เพื่อความคล่องตัวขับเคลื่อนโยบายรัฐบาล
วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) วิจารณ์รัฐบาล “ดีแต่โม้” ว่า ตนเองก็รับฟัง แต่วันนี้ทีมงานของกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้มีการศึกษาถึงข้อห่วงใยและข้อระมัดระวังตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังทบทวนแผนงานเรื่องของข้าวอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า จะเอาผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ในเร็ววันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องของผลงานนั้น คงต้องให้เวลา เพราะวันนี้เราอยู่ในกระบวนการการทบทวนขั้นตอนทั้งหมดที่ผ่านมาว่า จะปรับปรุงอย่างไรให้ดีขึ้น ซึ่งเราเองก็จะค่อย ๆเร่งรัดผลงานต่างๆ ให้ออกมาอยู่แล้ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประจักษ์
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย หาเสียงไว้ว่า จะทำให้เงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มขึ้น ได้ตั้งระยะเวลาหรือไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นได้เมื่อไหร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “โอ้ เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ต้องขอให้นโยบายทุกอย่าง และงานเร่งด่วนในปีแรกได้ออกไปก่อน อันนี้จะมีส่วนเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี”
เมื่อถามว่า ประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งในเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “วันนี้เราเร่งอยู่แล้ว ขอให้เห็นใจเถอะคะ เพิ่งทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ให้เวลาหน่อยนะ ถ้านับอายุงานจริง ๆ หลังจากแถลงนโยบาย จนถึงวันนี้ก็ไม่กี่วันเอง ขอประชาชนใจเย็นๆ นิดหนึ่ง จะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่”
เมื่อถามว่า ประชาชนตั้งความหวังกับรัฐบาลมากว่าจะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้ออกมา แต่ดูเหมือนงานเร่งด่วนกลับกลายเป็นเรื่องการโยกย้ายส่วนใหญ่ เน้นไปเรื่องการเมืองมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การโยกย้ายขณะนี้ถือเป็นฤดูกาลปกติ เพราะเป็นฤดูที่มีการโยกย้ายอยู่แล้ว ตนเองก็ให้สิทธิกับรัฐมนตรีทุกกระทรวงได้พิจารณาผู้ที่ต้องขับเคลื่อนการทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้องาน ไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกข้อครหาว่ามุ่งเป้าเข้ามาในเรื่องการเมืองโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นขบวนการที่ต้องทำไปตามขั้นตอน แต่ขอให้พี่น้องประชาชนดูที่ผลของงานดีกว่า เพราะงานต่างๆ บางครั้งอาจเป็นเพียงการเริ่มในแต่ละขบวนการ แต่ไม่ได้บอกว่าทุกอย่างเราต้องมาเร่งรัด สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือ ตนได้เร่งรัดว่าจะทำอย่างไรในการแก้ไขปัญหาปากท้องและปัญหาน้ำท่วม ที่ถือว่าเป็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ครม.จะเป็นผู้เสนอเรื่องการถวายฎีกาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เองหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาก่อน เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำอย่างไรไม่ให้ถูกครหาว่า รัฐบาลมุ่งหน้าเข้ามาทำแต่เรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ดิฉันยังไม่ได้พูดถึงว่าเราจะเน้นในเรื่องนโยบายการขอพระราชทานอภัยโทษเลย ให้เป็นเรื่องของหน่วยงานนั้นๆพิจารณาก่อนแล้วค่อยมีข้อสรุปความชัดเจนอีกครั้ง”
เมื่อถามว่า จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอเรื่องไว้ก่อนหรือไม่เพราะไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามย้ำว่าตกลงเรื่องนี้ถือว่าเป็นนโยบายรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ นโยบายรัฐบาล นโยบายรัฐบาลคือสิ่งที่ได้แถลงไปต่อรัฐสภา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าหลังมอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ไปพูดคุยหารือกับ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรณีเตรียมฟ้องกลับรัฐบาลการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท ไปดำเนินการแต่ยังไม่มีการรายงานเข้ามา เมื่อถามนอกเหนือจากปรับปรับตำแหน่งของ ผบ.ตร.และ นายถวิล แล้ว ยังมีการพิจารณาปรับคนให้เข้ากับงานในตำแหน่งอื่นอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของแต่ละรัฐมนตรีจะทำเรื่องเสนอมา
เมื่อถามว่า มีรายงานการโยกย้ายตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้ามาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการคุยกัน คงต้องรอแต่ละหน่วยงาน ซึ่งก็เป็นในช่วงของฤดูการโยกย้ายอยู่แล้ว ซึ่งแล้วแต่ละกระทรวงจะพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องไปดูในเนื้องานอีกครั้ง เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมกับงาน วันนี้เรียนว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง
เมื่อถามว่า หลังจากที่กระทรวงพิจารณามาแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณาอีกครั้งหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ต้องพิจาณาให้ความเป็นธรรมและความชัดเจน