ว่าที่หัวหน้าประชาธิปัตย์ ยันงบกลางพอช่วยน้ำท่วม แนะมาถามจะสอนใช้ให้ เมิน พท.เกทับจ่าย 5,555 บาท ชี้ชาวบ้านได้ประโยชน์ก็ทำไป แต่งงเอาเกณฑ์มาจากไหน จี้ “ยิ่งลักษณ์” ใช้มาตรฐานเหมือนสมัย “สมัคร” ไม่อภัยโทษพวกหนีคดี แนะ “ถวิล” ใช้กฎหมายสู้
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลอ้างว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ใช้งบประมาณไปจำนวนมากจึงไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า ไม่อยากจะบอกถึงขั้นว่าต้องบริหารอย่างไร แต่เงินงบประมาณที่จะใช้ในการชดเชยให้กับประชาชนนั้น ยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้เลย ตนคิดว่ามีงบประมาณเพียงพอ และสามารถใช้กลไกทดลองจ่ายใช้ได้อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ทำได้ พรรคเพื่อไทยก็ทำได้ หรือหากอยากจะทราบจะมาถามตนหรือถามนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ได้ เพราะประเด็นเหล่านี้รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าหลักเกณฑ์ช่วยเหลือจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ในอดีตรัฐบาลชุดก่อนมีการให้เงินชดเชยครัวเรือนละ 5,000 บาท หากรัฐบาลนี้จะบวกไปอีกนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอให้ต้องตัดสินใจ ทั้งนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 27 วันกว่าจะหมดปีงบประมาณ
ส่วนที่รัฐบาลมีความพยายามที่จะระบุตัวเลขชดเชยที่อยู่อาศัยที่ 5,555 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งเปรียบเสมือนการเกทับกันระหว่าง 2 ฝ่ายนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากประชาชนได้ประโยชน์ก็ไม่มีปัญหา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยจ่ายราคาชดเชยเกษตรกรพื้นที่ไร่ละ 2,098 บาท โดยใช้หลักเกณฑ์ 55% ของต้นทุน ส่วนตัวเลขที่รัฐบาลนี้จะจ่ายชดเชย 2,222 บาท และ 5,555 บาทนั้น ไม่ทราบว่ามาจากหลักเกณฑ์อะไร
ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงความพยายามของกลุ่มคนเสิ้อแดงที่นำประเด็นเรื่องถวายฎีกาอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายมารื้อฟื้นใหม่นั้นว่า ในสมัยที่เป็นรัฐบาล เรื่องนี้อยู่ในสถานะที่ต้องตรวจสอบว่าคนที่จะเข้าชื่อถวายฎีกาเข้าข่ายหลักเกณฑ์ปกติหรือไม่ หมายความว่ามีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันเป็นญาติหรือไม่ โดยอดีต รมว.ยุติธรรมได้รายงานว่ามีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ที่มีเกี่ยวข้อง 3 ราย และมีการประสานงานยืนยันเจตนาในเรื่องของการที่จะถวายฎีกา หากยืนยันแล้วทางหน่วยงานจะทำตามกระบวนการเหมือนกรณีอื่นๆ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อยากจะชี้ว่าในสมัยพรรคพลังประชาชน รัฐบาลได้เคยกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นฎีกาว่าหากมีการหลบหนีคดี ก็ไม่ควรได้รับการอภัยโทษ ดังนั้นหากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ดำเนินการก็น่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันด้วย เพราะสำหรับพรรคการเมืองที่ชอบพูดเรื่อง 2 มาตรฐานก็ควรจะมีมาตรฐานเดียวกันสำหรับคนไทยทั้งหมด ไม่ใช่มีมาตรฐานเฉพาะพวกพ้องตน ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องใช้อำนาจอย่างตรงไปตรงมา มีหลักเกณฑ์ ไม่ใช่ทำเพราะเป็นพี่น้องกับใคร
ส่วนกรณีการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เห็นแต่เพียงว่ามีการประชุม แต่ก็เป็นเรื่องที่จะตรวจสอบในทุกกรณี อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของรัฐไม่ได้เป็นคู่กรณีของใครกับพรรคการเมือง แต่เขาปฏิบัติหน้าที่ของเขา หากทำผิดก็ต้องมีการดำเนินการ แต่ต้องดำเนินการอย่างเป็นธรรม โปร่งใส เหมือนในช่วงนี้ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง ผบ.ตร. ก็ยังไม่สรุปว่าสุดท้ายแล้วเป็นเพราะอะไรกันแน่ เพราะตั้งเรื่องขึ้นมาว่าเป็นเรื่องบ่อนการพนัน แต่สุดท้ายบอกว่าไม่ใช่ จะต้องหาคนรับเคราะห์ไป นี่คือภาพที่ให้เห็นว่าเป็นกระบวนการแก้ปัญหาเพื่อต้องการแต่งตั้งคนๆ หนึ่งขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.เท่านั้น ส่วนกรณีของนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช.ที่มีข่าวว่าจะโดนย้ายจากตำแหน่งนั้น ควรจะใช้สิทธิต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายต่อไป