ASTVผู้จัดการรายวัน - “บี แลนด์” ฟุ้งสาธารณูปโภค - ระบบระบายน้ำสมบูรณ์แบบ ป้องเมืองทองพ้นอุทกภัย พร้อมลงทุนเพิ่มอีก 200 ล้านบาท วางท่อระบายน้ำใต้อาคาร ถนน ป้องกันน้ำท่วมในอนาคต พร้อมเผยแผนลงทุนปี 55 ลงทุนใหม่ 3,000 ล้านบาท ผุดคอนโดฯ - ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ - อาคารพาณิชย์
นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำจนทำให้เมืองทองธานีรอดพ้นจากอุทกภัยที่ผ่านมาว่า ต้องยกความดี และชื่นชมในความรู้ความสามารถ ของพ่อ (นายอนันต์ กาญจนภาสน์) ที่มองการไกลด้วยการวางระบบสาธารณูปโภคและการจัดการเรื่องน้ำ รองรับการพัฒนาเมืองทองธานีบนเนื้อที่กว่า 4,000 ไร่ เมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อป้องกันภัยจากธรรมชาติ
ซึ่งในขณะนั้นได้ลงทุนวางระบบสาธารณูปโภคสูงถึง 1,500 ล้านบาท ภายในเมืองทองธานี ได้แก่ 1.การนำบ่อขนาดใหญ่ที่เกิดจากการขุดดินไปถมที่ภายในเมืองทองเป็นบ่อรับน้ำจำนวน 2 บ่อ ขนาด 300 ไร่ และ 80 ไร่ ความลึก 30 เมตร สามารถรับน้ำได้สูงถึง 3.5 แสนลูกบาศก์เมตรโดยได้ว่าจ้าง บริษัท บุยส์-ไทย (Bouygues) จำกัด กลุ่มบริษัทเหมาก่อสร้างชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศส ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการน้ำ ให้มาสร้างทะเลสาบที่เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำหรือรับน้ำหากน้ำในพื้นมีปริมาณมากเกินไป และเพื่อให้ทัศนียภาพสวยงาม เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่างๆ สำหรับคนในพื้นที่
นอกจากนี้ยังได้ยกที่ดินขนาด 4 ไร่ ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อตั้งโรงผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งกระแสไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนนทบุรี แต่หากมีเหตุการณ์กระแสไฟตก ผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตเมืองทองก็จะไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนภายในโครงการอีกด้วย นอกจากนี้ ในช่วงน้ำท่วมยังได้ทุ่มงบประมาณอีก 30 ล้านบาท สำหรับระบบจัดการน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ที่ได้กำหนดเอาไว้
นายปีเตอร์ กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพดังกล่าว บริษัทจึงเตรียมแผนการดำเนินงานในปี 55 เปิด 3 โครงการใหม่ ได้แก่ 1. ดับเบิ้ล เลค (Double Lake) คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 450 ยูนิต ขนาดห้อง 22-60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.1 ล้านบาท หรือ 58,000-63,000 บาท/ตร.ม. ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเมืองทองธานีและใกล้ทางด่วนเปิดขายพรีเซลล์ช่วงต้นเดือนมกราคม นับเป็นคอนโดฯ โครงการแรกหลังจากโครงการแรก ป็อบปูล่า คอนโดฯ และหยุดพัฒนามากว่า 20 ปี โดยโครงการใหม่นี้จะเพิ่มระบบป้องกันน้ำท่วม ด้วยการถมสูงกว่าถนน 40 ซม. บริเวณตัวอาคารสูงเพิ่มอีก 20 ซม. ฯลฯ
2. บี ไฮท์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ บนเนื้อที่ 10 ไร่ พร้อมด้วยพื้นที่จอดรถกว่า 800 คัน ด้านหน้ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ส่วนพื้นที่ขายนั้นยังไม่ได้กำหนด โดยคาดว่าจะเปิดให้จองภายในเดือนมกราคม ปี 55 ในราคาประมาณ 1 แสนบาทต่อ/ตร.ม. สัญญาเช่า 30 ปี + 30 ปี และ3.โครงการ ซ็อปเฮาส์ ด้านข้างธนาคารกสิกรไทย จำนวน 80 ยูนิต ราคาเช่าเซ้ง 30 ปี 5-8 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในช่วงกลางปีหน้า
นายปีเตอร์ ระบุว่า โครงการ ดับเบิ้ล เลค และโครงการพาณิชย์อีก 2 โครงการ ที่จะเปิดในปีหน้า จะสามารถทำรายได้ราว 3,000 ล้านบาทให้แก่ บางกอก แลนด์ ซึ่งในระยะนี้บริษัทจะพัฒนาที่ดินในย่านเมืองทองเป็นหลักเนื่องจากมีศักยภาพสูง ส่วนที่ดินในย่านมักกะสันจำนวน 7 ไร และศรีนครินทร์อีก 130 ไร่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนลงทุน.
นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND เปิดเผยถึงการบริหารจัดการน้ำจนทำให้เมืองทองธานีรอดพ้นจากอุทกภัยที่ผ่านมาว่า ต้องยกความดี และชื่นชมในความรู้ความสามารถ ของพ่อ (นายอนันต์ กาญจนภาสน์) ที่มองการไกลด้วยการวางระบบสาธารณูปโภคและการจัดการเรื่องน้ำ รองรับการพัฒนาเมืองทองธานีบนเนื้อที่กว่า 4,000 ไร่ เมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อป้องกันภัยจากธรรมชาติ
ซึ่งในขณะนั้นได้ลงทุนวางระบบสาธารณูปโภคสูงถึง 1,500 ล้านบาท ภายในเมืองทองธานี ได้แก่ 1.การนำบ่อขนาดใหญ่ที่เกิดจากการขุดดินไปถมที่ภายในเมืองทองเป็นบ่อรับน้ำจำนวน 2 บ่อ ขนาด 300 ไร่ และ 80 ไร่ ความลึก 30 เมตร สามารถรับน้ำได้สูงถึง 3.5 แสนลูกบาศก์เมตรโดยได้ว่าจ้าง บริษัท บุยส์-ไทย (Bouygues) จำกัด กลุ่มบริษัทเหมาก่อสร้างชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศส ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการน้ำ ให้มาสร้างทะเลสาบที่เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำหรือรับน้ำหากน้ำในพื้นมีปริมาณมากเกินไป และเพื่อให้ทัศนียภาพสวยงาม เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่างๆ สำหรับคนในพื้นที่
นอกจากนี้ยังได้ยกที่ดินขนาด 4 ไร่ ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อตั้งโรงผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งกระแสไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนนทบุรี แต่หากมีเหตุการณ์กระแสไฟตก ผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตเมืองทองก็จะไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนภายในโครงการอีกด้วย นอกจากนี้ ในช่วงน้ำท่วมยังได้ทุ่มงบประมาณอีก 30 ล้านบาท สำหรับระบบจัดการน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ที่ได้กำหนดเอาไว้
นายปีเตอร์ กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพดังกล่าว บริษัทจึงเตรียมแผนการดำเนินงานในปี 55 เปิด 3 โครงการใหม่ ได้แก่ 1. ดับเบิ้ล เลค (Double Lake) คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 450 ยูนิต ขนาดห้อง 22-60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.1 ล้านบาท หรือ 58,000-63,000 บาท/ตร.ม. ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเมืองทองธานีและใกล้ทางด่วนเปิดขายพรีเซลล์ช่วงต้นเดือนมกราคม นับเป็นคอนโดฯ โครงการแรกหลังจากโครงการแรก ป็อบปูล่า คอนโดฯ และหยุดพัฒนามากว่า 20 ปี โดยโครงการใหม่นี้จะเพิ่มระบบป้องกันน้ำท่วม ด้วยการถมสูงกว่าถนน 40 ซม. บริเวณตัวอาคารสูงเพิ่มอีก 20 ซม. ฯลฯ
2. บี ไฮท์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ บนเนื้อที่ 10 ไร่ พร้อมด้วยพื้นที่จอดรถกว่า 800 คัน ด้านหน้ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ส่วนพื้นที่ขายนั้นยังไม่ได้กำหนด โดยคาดว่าจะเปิดให้จองภายในเดือนมกราคม ปี 55 ในราคาประมาณ 1 แสนบาทต่อ/ตร.ม. สัญญาเช่า 30 ปี + 30 ปี และ3.โครงการ ซ็อปเฮาส์ ด้านข้างธนาคารกสิกรไทย จำนวน 80 ยูนิต ราคาเช่าเซ้ง 30 ปี 5-8 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในช่วงกลางปีหน้า
นายปีเตอร์ ระบุว่า โครงการ ดับเบิ้ล เลค และโครงการพาณิชย์อีก 2 โครงการ ที่จะเปิดในปีหน้า จะสามารถทำรายได้ราว 3,000 ล้านบาทให้แก่ บางกอก แลนด์ ซึ่งในระยะนี้บริษัทจะพัฒนาที่ดินในย่านเมืองทองเป็นหลักเนื่องจากมีศักยภาพสูง ส่วนที่ดินในย่านมักกะสันจำนวน 7 ไร และศรีนครินทร์อีก 130 ไร่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนลงทุน.