ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวที่ออกมาจากปาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองย่านบางบอน แทบจะครองทุกพื้นที่สื่อ โดยรองนายกฯ คนนี้สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทุกเรื่องได้หมด ส่วนจะถูกจะผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ที่พยายามเชื่อมโยงไปถึงขบวนการโค่นล้มรัฐบาล การลอบยิงหัวคะแนนนายแทนคุณ จิตรอิสระ รู้ว่าใครยิง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง รวมไปถึงคดีการตายของคนเสื้อแดงและนักข่าวญี่ปุ่นในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ที่ ร.ต.อ.เฉลิมออกมาชี้นำคดีด้วยการอ้างว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร.ต.อ.เฉลิมยังขโมยซีนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีอย่าง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ในเรื่องการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ด้วยการคุยโวว่าสามารถปราบปรามได้อย่างเด็ดขาด และขยายผลไปถึงการซื้อเครื่องบล็อกเว็บราคา 400 ล้านบาทมาใช้
มิหนำซ้ำยังแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ขู่จะรื้อ ป.ป.ช.ด้วยข้ออ้างว่ามาจากรัฐประหาร หลังจาก ป.ป.ช.เสนอให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง
มีกระแสข่าวว่า สาเหตุที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กล้าให้สัมภาษณ์ไปเสียทุกเรื่อง ชนิดถูกผิดไม่สนใจ ขอให้ได้โอ้อวดอำนาจบาตรใหญ่ของตัวเอง เป็นเพราะได้ยาดีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศและเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดตัวจริงของรัฐบาลชุดนี้นั่นเอง
กระแสข่าวระบุว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณได้ดูผลงานของรัฐมนตรีแต่ละคนในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้ว ผลงานของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดูจะเข้าตาและเป็นที่พอใจมากที่สุด โดยเฉพาะผลงานการออกมาปกป้องน้องสาวในกรณีต่างๆ ด้วยการตอบโต้อย่างถึงลูกถึงคนชนิดเอาตัวเข้าแลก
แม้การออกพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.)พระราชทานอภัยโทษที่แอบสอดไส้ให้ทักษิณ ชินวัตรได้ประโยชน์ด้วย จะไม่ประสบความสำเร็จ และทำให้เกิดกระแสต่อต้านขึ้นมามากมาย แต่ด้วยการตวัดลิ้นเล่นเทคนิคทางคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ว่า การออก พ.ร.ฎ.เป็นเพียงการสับขาหลอก เพราะรัฐบาลไม่ได้ต้องการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณด้วยวิธีการนี้ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็สามารถเอาตัวรอดไปได้ และ ร.ต.อ.เฉลิมก็เปิดเกมใหม่ด้วยการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งล่าสุดมีการเปลี่ยนชื่อเป็นกฎหมายเพื่อความปรองดอง เพื่อกลบเกลื่อนเจตนาที่แท้จริงใจการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิดนั่นเอง
ยิ่งมีการคาดหมายกันว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ถูกวางให้เป็นนายกฯ สำรองอันดับหนึ่ง หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องมีอันเป็นไปหลุดจากเก้าอี้นายกฯ ก่อนเวลาอันควร ร.ต.อ.เฉลิมยิ่งพยายามทำตัวให้ พ.ต.ท.ทักษิณเห็นว่า เขาเท่านั้นที่จะพาทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านได้
ประเด็นที่ต้องจับตาหลังจากนี้คือบทบาทของ ร.ต.อ.เฉลิมในฐานะตัวตั้งตัวตีในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้ข้ออ้างเรื่องการปรองดองและให้ได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย เพราะนี่คืองานใหญ่ที่สุดที่ ร.ต.อ.รับใบสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ฉลิม อยู่บำรุง ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนักข่าวถึงกรณีการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยอ้างว่าหากพูดไปก็จะผิดศีลข้อมุสา เอาเป็นว่าไม่พูด แต่ก็ยืนยันว่า จะเดินหน้าพา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านให้ได้ โดยย้ำว่า ตนเป็นคนใจเดียวพูดแล้วไม่เคยเปลี่ยนแปลงและตนพูดเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านและไปหาเสียง
วันที่ 14 ธ.ค.ร.ต.อ.เฉลิมย้ำอีกครั้งว่า จะไม่เพลาเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างว่าเป็นนโยบายพรรคอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่า ตนได้เขียนไว้เสร็จแล้วและกำลังรอเวลา ทั้งยังอ้างว่า ตนตัดความรับผิดชอบไม่ได้ ถ้าไปต่างจังหวัดก็หัวแตก เพราะได้หาเสียงไว้ตั้งแต่ปี 2552 แต่ขั้นตอนวิธีการนั้น ต้องมี ต้องนุ่มนวลเรียบร้อยทั้งหมด ได้หมดทุกคน พ.ต.ท.ทักษิณจะได้เป็นคนสุดท้าย
ร.ต.อ.เฉลิมยอมรับว่า ขอเรียก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า “พระราชบัญญัติปรองดอง”ดีกว่า และได้เดินหน้าแล้ว แต่ต้องขอเวลาศึกษาและพูดคุยกับพวกก่อน แต่ยังไม่บอกว่าจะนำร่างเข้าสู่สภาเมื่อใด
วันที่ 15 ธ.ค.แม้ ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ไม่เช่นนั้นจะเป็นการพูดบ่อยเกินไป แต่ก็รอวันเวลาที่จะทำ และย้ำว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอยู่ในตัว แต่ยังไม่ขอเปิดเผย รอให้ถึงเวลาก็จะรู้เอง เพราะจะทำโดยไม่ปิดบัง และจะไปปราศรัยใน 20 จังหวัดภาคอีสาน พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ ตนปราศรัยหาเสียงมาตั้งแต่ปี 2552 และชนะเลือกตั้งมาตลอดตามลำดับ แล้วอยู่ๆ จะให้หายจ้อยไปเลย ตนก็เสียคน
ถึงแม้ ร.ต.อ.เฉลิมจะอ้างเรื่องชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเหตุผลในการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม แต่เมื่อมองจากหลายๆ ปัจจัยแล้ว การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าประเทศโดยปราศจากความผิดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มาจากนโยบายการยกโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่มาจากการเสนอนโยบายประชานิยมที่เป็นรูปธรรมกว่าพรรคการเมืองอื่นต่างหาก และเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยชูเป็นธงนำในการหาเสียง ขณะที่การนิรโทษกรรมนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหมายเลข 1 ของพรรค และในฐานะน้องสาวของ ต.ท.ทักษิณได้ยืนยันในขณะนั้นแล้วว่าไม่ใช่นโยบายของพรรค เพราะฉะนั้น ร.ต.อ.เฉลิมจึงไม่อาจเหมารวมเอาว่าคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยทุกคนจะสนับสนุนให้มีการนิรโทษกรรมแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ขณะที่นักการเมืองจากซีกฝ่ายค้าน แม้จะถูกรัฐบาลจับเป็นตัวประกันด้วยคดีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 เพื่อบีบบังคับให้ร่วมสนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรม แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมายืนยันแล้วว่า พร้อมจะสู้คดีตามกระบวนการทางศาล และไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็นกฎหมายปรองดองก็ตาม
“ผมว่ามันเป็นการดูถูกประชาชนมาก ที่มาบอกว่าตกลงไม่ทำกฎหมายฉบับนี้แล้ว แต่ขอเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างอื่น แต่ในเมื่อเนื้อหาสาระเหมือนเดิม”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ขณะที่ภาคประชาชนนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะออกมาชุมนุมคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมอย่างแน่นอน ทันทีที่กระบวนการเริ่มต้น เพราะนี่เป็นหนึ่งใน 2 เงื่อนไขการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตามที่แกนนำเคยประกาศไว้
เพียงแค่มีกระแสข่าวการออก พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องติดคุกนาน ก็ยังทำให้เกิดกระแสคัดค้านขึ้นทั่วประเทศภายในเวลาอันรวดเร็ว แล้วการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อยกเลิกความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมด จะเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงและกว้างขวางขนาดไหน
คำประกาศที่จะพาทักษิณกลับบ้านของ ร.ต.อ.เฉลิม น่าจะเป็นการพาทักษิณกลับมาลงหลุมเสียมากกว่า!!