“อภิสิทธิ์” โพสต์เฟซบุ๊ก ยันพรรคไม่มีนโยบายปิดโซเชียลเน็ตเวิร์ก “ศิริโชค” เดินหน้ารณรงค์เผยแพร่พระราชกรณียกิจในหลวง, เปิดแฟนเพจแจ้งเบาะแสกดดันไอซีที, เน้นขออำนาจศาลฟันเว็บผิดจะแจ้ง, แจ้งเจ้าของเว็บต่างชาติลบคลิปหมิ่น, จี้รัฐจริงใจแก้ปัญหา และเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง
วันนี้ (29 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัว abhisit Vejjajiva มีข้อความว่า “ผมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีนโยบายที่จะปิดเฟซบุ๊ก หรือยูทูป ครับ”
ด้าน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ในกรณีดูแลเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า ยึดหลักเสรีภาพสากล ไม่ปิดกั้น หรือคุกคามสื่อออนไลน์ และพรรคไม่มีนโยบายปิดเว็บไซต์เฟซบุ๊กหรือ เว็บไซต์ยูทูป โดยมีแนวทางในการดำเนินการ 6 ข้อ ดังนี้ 1.การดำเนินการของพรรคจะทำทั้งรณรงค์ เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านเครือข่ายออนไลน์ ให้ประชาชนร่วมกันสร้างความเข้มแข็งไม่ให้สถาบันถูกทำให้อ่อนแอ ถือเป็นการทำลายความมืดด้วยการให้แสงสว่างแห่งความจริงที่พระมหากษัตริย์ของไทย ทรงปิดทองหลังพระ และทรงงานตลอดพระชนม์ชีพเพื่อพสกนิกรไทย
2.เปิดเว็บไซต์แฟนเพจในเฟซบุ๊ก “http://facebook.com/FightBadWeb” ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสเว็บที่กระทำการผิดกฎหมาย แจ้งข้อมูลกดดันให้ไอซีทีดำเนินการตามกฎหมาย 3. ดำเนินการโดยยึดหลักเสรีภาพสากล เพราะพรรคประชาธิปัตย์ตระหนักดีถึงความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ ดังนั้น ในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจึงมีนโยบายชัดเจนปราบปรามเว็บไซต์ที่ทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายขออำนาจศาลในการปิดเว็บไซต์ที่กระทำความผิดอย่างชัดแจ้ง ด้วยความระมัดระวังไม่ให้ถูกไปขยายผลว่า รัฐบาลคุกคาม หรือปิดกั้นสื่อออนไลน์ เนื่องจากมีบางฝ่ายหวังใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปขยายผล ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าประเทศไทยมีกฎหมายล้าหลังที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อกระทบถึงสถาบันเบื้องสูงและใช้เป็นข้ออ้างในการแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งพรรคมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาอาญามาตรานี้
4 การดำเนินการกับผู้กระทำผิด หากเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศจะใช้วิธีการขอความร่วมมือไปยังเจ้าของเว็บไซต์ให้ลบคลิปที่ไม่เหมาะสม โดยไม่มีนโยบายปิด หรือบล็อกเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก หรือ ยูทูป เพราะเข้าใจดีถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเว็บไซต์เหล่านั้น หากใช้วิธีปิดหรือบล็อกก็จะกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วย การจัดการเรื่องนี้จึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบหากใช้ยาแรง หรือแก้ปัญหาแบบสุดโต่งจะเกิดปัญหาอื่นตามมา ซึ่งอาจเป็นผลลบต่อสถาบันที่ประชาชนให้ความเคารพเทิดทูน สุดท้ายเป้าหมายที่ต้องการปกป้องสถาบันก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์จึงคำนึงถึงเสรีภาพตามหลักสากลมาโดยตลอด แต่จะไม่ยอมให้มีการใช้เสรีภาพมาเป็นข้ออ้างในการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ หากพบว่ามีการกระทำความผิดภายในประเทศ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 อย่างเคร่งครัด
5.ในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการนโยบายเพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายและหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีการบูรณาการความร่วมมือจากกระทรวงต่างๆ ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นประธาน และมีการตั้งคณะทำงาน ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Security Operation Center เรียกสั้นๆ ว่า ISOC เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่กระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการจัดตั้งขึ้น เพื่อติดตามเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลไม่เหมาะสม รวมทั้งประสานความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงไอซีที และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือในการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลปัจจุบันก็ยังใช้กลไกนี้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ต่างกันตรงที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับเครือข่ายกลุ่มคนที่มีทัศนคติเป็นอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูง และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาไม่กลั่นแกล้งใคร จึงอยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา และใช้เครื่องมือที่พรรคประชาธิปัตย์สร้างไว้มาใช้ในการปกป้องสถาบันด้วย
6.หลักการสำคัญในการปกป้องสถาบัน คือ ต้องเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง และทำความเข้าใจกับนานาชาติถึงวัฒนธรรมประเพณีของไทย ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันหลักของชาติ