ASTVผู้จัดการรายวัน-ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ยื่นหนังสือถึง “ยิ่งลักษณ์” แก้ปัญหางาบงบฟื้นฟูน้ำท่วม หลังพบการจัดทำโครงการ ทั้งซ้ำซ้อน เร่งรีบ เอื้อพวกพ้อง แฝงการเมือง และจ้างวิธีพิเศษ เสนอจัดทำเว็บไซต์แจ้งข้อมูลการใช้งบประมาณแบบเรียลไทม์ พร้อมตั้งหน่วยงานกลางตรวจสอบ ล่าสุดส่งป.ป.ช.สอบ 10 โครงการโกงพันล้านแล้ว
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ คณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น เปิดเผยว่า นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น จะทำหนังสือถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวทางเฝ้าระวังทุจริตการใช้งบประมาณฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วมของรัฐบาลวงเงินกว่า 8 แสนล้านบาท เพราะเกรงว่าเงินจะถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมและอาจจะเกิดการทุจริตเกิดขึ้นได้ จึงต้องหาทางป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ การใช้งบประมาณช่วยเหลือน้ำท่วมที่ผ่านมา เห็นว่า บางโครงการจัดทำแบบผักชีโรยหน้า ซ้ำซ้อน และรีบด่วน เพื่อให้ใช้เงินได้ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ เหมือนกับการฆ่าช้างเอางา มีการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเอง มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง และการใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างพิเศษ ทำให้ราคาสิ่งของและบริการสูงเกินกว่าปกติถือเป็นการข้ามขั้นตอนปกติ เหมือนกับข้ออ้างที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เคยทำไว้ ทำให้มีการจัดซื้อสินค้าช่วยเหลือน้ำท่วมในราคาเกินเหมาะสมมาก
นายสมพลกล่าวว่า แนวทางการแก้ไข จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเปิดเผยข้อมูลการใช้งบประมาณทุกก้อนอย่างชัดเจนผ่านทางเว็บไซด์ ซึ่งจะต้องเป็นข้อมูลที่ครบถ้วนทุกด้านทั้งราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง ใครเป็นผู้ได้รับโครงการ ราคาต่อหน่วยในการจัดซื้อจัดจ้าง และข้อมูลจะต้องทำจัดทำขึ้นแบบรวดเร็วแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่การจัดทำข้อมูลย้อนหลัง 3 เดือน
ขณะเดียวกัน จะต้องมีกลไกในการตรวจสอบ ด้วยการตั้งหน่วยงานตรวจสอบการใช้งบขึ้นมา ซึ่งอาจจะให้บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบการใช้งบประมาณว่าทำอย่างถูกต้องหรือไม่ นอกเหนือจากหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ทำไว้อยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะชนซึ่งภาคประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ โดยผ่านโครงการตาสับปะรดที่จะรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการช่วยตรวจสอบภาคสนามอีกทางหนึ่ง และเมื่อตรวจสอบพบผู้กระทำผิดต่อการใช้งบประมาณ ขอให้รัฐบาลเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ขอให้เร่งรัดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผลักดันการให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอำนาจในการเปิดเผยและจัดทำราคากลางโครงการประมูลและจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลทั้งหมด เพื่อใช้เป็นฐานในการตรวจสอบการทุจริตได้สะดวกขึ้น ซึ่งการประชุมครม.ครั้งล่าสุดได้มีการเสนอแนวทางดังกล่าวเข้าไป แต่ครม.ยังไม่รับในหลักการ
จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักดันในเรื่องดังกล่าว
“ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ยังมีแนวคิดที่จะจัดทำคลิปวีดีโอ รู้ สู้ โกง เหมือนกับที่มีคนทำโครงการ รู้ สู้ ฟลัด ขึ้นมา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับภาคประชาชนและเยาวชนได้เรียนรู้ถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นที่จะสร้างปัญหาให้กับสังคมและความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างไร ซึ่งอาจทำในลักษณะเชิงสัญลักษณ์โดยมีรูปสุนัขเป็นตัวสื่อสารเหมือนกับน้ำท่วมที่ใช้ปลาวาฬสื่อสารสร้างความเข้าใจ”นายสมพลกล่าว
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ เป็นประเด็นที่น่าห่วง เพราะเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ง่าย เนื่องจากไม่ต้องมีราคากลาง เป็นการทำเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในขั้นตอนการจัดซื้อ ซึ่งทางภาคีเครือข่ายฯจะขอให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างพิเศษขึ้นมาผ่านทางเว็บไซด์ว่าจ้างใคร ราคาเท่าไร และนำมาวิเคราะห์ว่าเกิดการทุจริตในการจัดซื้อจ้างของหน่วยงานต่างๆ หรือไม่ หากมีข้อมูลครบถ้วนก็จะเสนอข้อมูลต่อป.ป.ช.นำไปตรวจสอบต่อ และในอนาคตจะเสนอให้รัฐบาลหาวิธีเหมาะสมมากกว่าการใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างพิเศษ เพราะถือเป็นจุดอ่อนของระบบ
นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า เตรียมส่งเรื่องให้ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบ 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท จากที่มีผู้ร้องเรียนจัดส่งเอกสารมาให้ว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่ เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอให้ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลผลการตรวจสอบให้สังคมรับรู้เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านและป้องปรามผู้ที่จะทุจริต
นอกจากนี้ ยังได้รับเรื่องร้องเรียนของผู้ไม่ประสงค์ออกนามอีกจำนวน 500 ราย ซึ่งจะขอให้เครือข่ายอาสาที่เป็นหอการค้าจังหวัดเข้าไปร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดยข้อมูลการทุจริตที่ได้รับมา เริ่มตั้งแต่ที่มีการตั้งเครือข่ายภาคีช่วงเดือนมิ.ย.เป็นต้นมา
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ คณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น เปิดเผยว่า นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น จะทำหนังสือถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวทางเฝ้าระวังทุจริตการใช้งบประมาณฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วมของรัฐบาลวงเงินกว่า 8 แสนล้านบาท เพราะเกรงว่าเงินจะถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมและอาจจะเกิดการทุจริตเกิดขึ้นได้ จึงต้องหาทางป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ การใช้งบประมาณช่วยเหลือน้ำท่วมที่ผ่านมา เห็นว่า บางโครงการจัดทำแบบผักชีโรยหน้า ซ้ำซ้อน และรีบด่วน เพื่อให้ใช้เงินได้ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ เหมือนกับการฆ่าช้างเอางา มีการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตนเอง มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง และการใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างพิเศษ ทำให้ราคาสิ่งของและบริการสูงเกินกว่าปกติถือเป็นการข้ามขั้นตอนปกติ เหมือนกับข้ออ้างที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เคยทำไว้ ทำให้มีการจัดซื้อสินค้าช่วยเหลือน้ำท่วมในราคาเกินเหมาะสมมาก
นายสมพลกล่าวว่า แนวทางการแก้ไข จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเปิดเผยข้อมูลการใช้งบประมาณทุกก้อนอย่างชัดเจนผ่านทางเว็บไซด์ ซึ่งจะต้องเป็นข้อมูลที่ครบถ้วนทุกด้านทั้งราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง ใครเป็นผู้ได้รับโครงการ ราคาต่อหน่วยในการจัดซื้อจัดจ้าง และข้อมูลจะต้องทำจัดทำขึ้นแบบรวดเร็วแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่การจัดทำข้อมูลย้อนหลัง 3 เดือน
ขณะเดียวกัน จะต้องมีกลไกในการตรวจสอบ ด้วยการตั้งหน่วยงานตรวจสอบการใช้งบขึ้นมา ซึ่งอาจจะให้บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบการใช้งบประมาณว่าทำอย่างถูกต้องหรือไม่ นอกเหนือจากหน่วยงานของรัฐ เช่น กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ ทำไว้อยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะชนซึ่งภาคประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ โดยผ่านโครงการตาสับปะรดที่จะรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการช่วยตรวจสอบภาคสนามอีกทางหนึ่ง และเมื่อตรวจสอบพบผู้กระทำผิดต่อการใช้งบประมาณ ขอให้รัฐบาลเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ขอให้เร่งรัดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผลักดันการให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอำนาจในการเปิดเผยและจัดทำราคากลางโครงการประมูลและจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลทั้งหมด เพื่อใช้เป็นฐานในการตรวจสอบการทุจริตได้สะดวกขึ้น ซึ่งการประชุมครม.ครั้งล่าสุดได้มีการเสนอแนวทางดังกล่าวเข้าไป แต่ครม.ยังไม่รับในหลักการ
จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักดันในเรื่องดังกล่าว
“ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ยังมีแนวคิดที่จะจัดทำคลิปวีดีโอ รู้ สู้ โกง เหมือนกับที่มีคนทำโครงการ รู้ สู้ ฟลัด ขึ้นมา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับภาคประชาชนและเยาวชนได้เรียนรู้ถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นที่จะสร้างปัญหาให้กับสังคมและความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างไร ซึ่งอาจทำในลักษณะเชิงสัญลักษณ์โดยมีรูปสุนัขเป็นตัวสื่อสารเหมือนกับน้ำท่วมที่ใช้ปลาวาฬสื่อสารสร้างความเข้าใจ”นายสมพลกล่าว
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ เป็นประเด็นที่น่าห่วง เพราะเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ง่าย เนื่องจากไม่ต้องมีราคากลาง เป็นการทำเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในขั้นตอนการจัดซื้อ ซึ่งทางภาคีเครือข่ายฯจะขอให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างพิเศษขึ้นมาผ่านทางเว็บไซด์ว่าจ้างใคร ราคาเท่าไร และนำมาวิเคราะห์ว่าเกิดการทุจริตในการจัดซื้อจ้างของหน่วยงานต่างๆ หรือไม่ หากมีข้อมูลครบถ้วนก็จะเสนอข้อมูลต่อป.ป.ช.นำไปตรวจสอบต่อ และในอนาคตจะเสนอให้รัฐบาลหาวิธีเหมาะสมมากกว่าการใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างพิเศษ เพราะถือเป็นจุดอ่อนของระบบ
นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า เตรียมส่งเรื่องให้ป.ป.ช.เข้าไปตรวจสอบ 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท จากที่มีผู้ร้องเรียนจัดส่งเอกสารมาให้ว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่ เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอให้ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลผลการตรวจสอบให้สังคมรับรู้เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านและป้องปรามผู้ที่จะทุจริต
นอกจากนี้ ยังได้รับเรื่องร้องเรียนของผู้ไม่ประสงค์ออกนามอีกจำนวน 500 ราย ซึ่งจะขอให้เครือข่ายอาสาที่เป็นหอการค้าจังหวัดเข้าไปร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป โดยข้อมูลการทุจริตที่ได้รับมา เริ่มตั้งแต่ที่มีการตั้งเครือข่ายภาคีช่วงเดือนมิ.ย.เป็นต้นมา