“สุเทพ” ยัน 13 ศพฝีมือชายชุดดำก่อการร้าย ป้อง “มาร์ค” ไม่มีเอี่ยวคำสั่ง แอ่นอกรับสั่งการแต่ผู้เดียวในฐานะ ผอ.ศอฉ. แต่มี กม.รองรับถูกต้อง ไม่ให้ราคา “เฉลิม” ที่อ้างมีหลักฐานเอาผิด นัดอีกหน 22 ธ.ค.นี้ ขณะที่ “อภิสิทธิ์” เข้าคิวสอบต่อบ่ายนี้ โฆษก ปชป.ชี้ลากทุกคนเข้าบ่วง หวังออก กม.นิรโทษฯ
วานนี้ (8 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ และคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานทางคดีตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมายคดีชันสูตรพลิกศพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ กทม. เมื่อปี 2553 โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
** แอ่นอกรับสั่งคนเดียว “มาร์ค” ไม่เกี่ยว
ภายหลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ นายสุเทพ เปิดเผยว่า การเดินทางเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานในครั้งนี้ เป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองคนหนึ่งที่ได้นำข้อมูล และข้อเท็จจริงที่มีมายื่นให้แก่พนักงานสอบสวน จากเหตุสลายการชุมนุมในจุดต่างๆนำไป สู่การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ สน.ปทุมวัน สน.ดุสิต สน.วัดพระยาไกร สน.พญาไท และ สน.พลับพลาไชย 1 โดยได้ถ่ายสำเนาคำสั่งของ ศอฉ. และภาพถ่ายนำมาให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นภาพถ่ายของกลุ่มชายชุดดำที่ก่อการร้าย เป็นเหตุทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันดังกล่าวเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ในการเข้ามาให้ปากคำของวันนี้เป็นการให้ปากคำเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ขอคืนพื้นที่จราจรบริเวณสะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ของวันที่ 10 เม.ย. ปี 2553 เท่านั้น
“ขอยืนยันว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งของผมนั้นได้ทำงานอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯพ.ศ.2548 และผมไม่ถึงกับต้องมาเป็นพระเอกหรอก เพียงแค่ตอบตามความเป็นจริง แล้วผมขอพูดตรงๆเลยว่า ผมไม่สนใจต่อคำพูดของคุณเฉลิมที่เคยบอกว่าจะเอาเอกสารหลักฐานมาเอาผิดผม และขอยืนยันว่า เหตุการณ์ต่างๆที่เป็นคำสั่งของตนในฐานะ ผอ.ศอฉ.นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด” นายสุเทพ กล่าว
** เมิน “เฉลิม” ที่อ้างมีหลักฐานเอาผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่ามีหลักฐานที่จะชี้เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 รายนั้น นายสุเทพ หยุดฟังคำถามแล้วตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่เคยสนใจในคำพูดของคุณเฉลิม และช่วยเอาบันทึกที่คุณเฉลิมพูด มาให้ดูหน่อย” ทั้งนี้ นายสุเทพเปิดเผยด้วยว่า พนักงานสอบสวนนัดตนอีกครั้ง ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. โดยจะสอบปากคำในจุดอื่นๆ ที่มีการขอคืนพื้นที่จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เช่น วันที่ 13-16, 19 พ.ค.53 ก็ถือว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ ซึ่งตนเองก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จจากการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่ดักรออยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายสุเทพ ได้เดินทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์ทันที และยังได้กล่าวกับสื่อมวลชนที่พรรคด้วยว่า ตนให้ปากคำร่วม 2 ชั่วโมง โดยมีการเตรียมข้อมูลชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรกว่า 33 หน้า คำสั่งต่างๆและยังมีภาพประกอบที่เป็นภาพของผู้ก่อการร้ายชายชุดดำที่เข้าไปก่อการร้ายในวันนั้น และบันทึกเหตุการณ์ชั่วโมงต่อชั่วโมง โดยได้ให้ข้อมูลเต็มที่
**โร่ติวข้อสอบให้ “อภิสิทธิ์”
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า พนักงานสอบสวนได้ซักถามคำถามที่ตนคาดไว้แล้วว่าเขาจะถาม ส่วนใหญ่จะสอบถามถึงเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.53 บริเวณ ร.ร.สตรีวิทยา ซึ่งตนก็ได้อธิบายให้เขาฟังว่า ตนเป็นผู้สั่งการในฐานะ ผอ.ศอฉ. แต่เพียงผู้เดียว และทำภายใต้กรอบของกฎหมาย มีกฎหมายรองรับ ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ โดยได้ยืนยันว่าการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายชายชุดดำทั้งสิ้น ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารเพิ่มเติมเช่น รูปบางรูปที่ตนได้นำไปแสดง โดยขอเป็นคลิปวิดิโอ ซึ่งตนก็จะจัดไปให้
จากนั้นนายสุเทพได้เดินขึ้นไปยังห้องทำงานพร้อมทีมทนายความประมาณ 5 คนที่มี นายคนึง ฤาไชย เป็นหัวหน้าคณะเพื่อพบกับนายอภิสิทธิ์ ซึ่งได้ใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 5 นาที โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังว่า ไม่ได้คุยอะไรมาก ทุกอย่างเรียบร้อยดีและตนได้เตรียมเอกสารข้อมูลที่จะไปชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) และยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะเป็นชุดเดียวกันหรือไม่
** “มาร์ค” เข้าคิวสอบต่อบ่ายนี้
ก่อนหน้าวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ ได้ยืนยันจะเดินทางมาให้ปากคำทางคดีกับคณะทำงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันนี้ (9 ธ.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. อย่างแน่นอน โดยจะเดินทางมาพร้อมกับกลุ่ม ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัติย์ พร้อมคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายของพรรคและทนายความ โดยจะทำการสอบปากคำ ทันทีที่เดินทางมาถึงภายในห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล
**ชี้ลากทุกคนเข้าบ่วง หวังออก กม.นิรโทษฯ
ขณะที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวงว่า ขณะนี้ดูเหมือนมีความพยายามของขบวนการกดดันกระบวนการยุติธรรม และมีความพยายามให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เข้าสู่กระบวนการให้ทุกฝ่ายตกเป็นผู้ต้องหา ได้รับผลกระทบ และได้รับโทษเท่าเทียมกัน จากผลการดำเนินการทางการเมืองในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา แล้วจะมีการนำไปสู่กระบวนการพิจารณาออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับทุกคน ซึ่งทางนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ก็มีความชัดเจน ขอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผลออกมาอย่างไร พวกเรายินดีรับ แต่เราไม่ยอมรับในกระบวนการที่จะเข้าไปกดดันศาล หรือกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ ที่ให้ทุกฝ่ายต้องเป็นผู้ต้องหา แล้วใช้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาครอบไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับคนๆเดียว
วานนี้ (8 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ และคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานทางคดีตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมายคดีชันสูตรพลิกศพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ กทม. เมื่อปี 2553 โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
** แอ่นอกรับสั่งคนเดียว “มาร์ค” ไม่เกี่ยว
ภายหลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ นายสุเทพ เปิดเผยว่า การเดินทางเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานในครั้งนี้ เป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองคนหนึ่งที่ได้นำข้อมูล และข้อเท็จจริงที่มีมายื่นให้แก่พนักงานสอบสวน จากเหตุสลายการชุมนุมในจุดต่างๆนำไป สู่การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ สน.ปทุมวัน สน.ดุสิต สน.วัดพระยาไกร สน.พญาไท และ สน.พลับพลาไชย 1 โดยได้ถ่ายสำเนาคำสั่งของ ศอฉ. และภาพถ่ายนำมาให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นภาพถ่ายของกลุ่มชายชุดดำที่ก่อการร้าย เป็นเหตุทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันดังกล่าวเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ในการเข้ามาให้ปากคำของวันนี้เป็นการให้ปากคำเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ขอคืนพื้นที่จราจรบริเวณสะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ของวันที่ 10 เม.ย. ปี 2553 เท่านั้น
“ขอยืนยันว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งของผมนั้นได้ทำงานอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯพ.ศ.2548 และผมไม่ถึงกับต้องมาเป็นพระเอกหรอก เพียงแค่ตอบตามความเป็นจริง แล้วผมขอพูดตรงๆเลยว่า ผมไม่สนใจต่อคำพูดของคุณเฉลิมที่เคยบอกว่าจะเอาเอกสารหลักฐานมาเอาผิดผม และขอยืนยันว่า เหตุการณ์ต่างๆที่เป็นคำสั่งของตนในฐานะ ผอ.ศอฉ.นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด” นายสุเทพ กล่าว
** เมิน “เฉลิม” ที่อ้างมีหลักฐานเอาผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่ามีหลักฐานที่จะชี้เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 รายนั้น นายสุเทพ หยุดฟังคำถามแล้วตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่เคยสนใจในคำพูดของคุณเฉลิม และช่วยเอาบันทึกที่คุณเฉลิมพูด มาให้ดูหน่อย” ทั้งนี้ นายสุเทพเปิดเผยด้วยว่า พนักงานสอบสวนนัดตนอีกครั้ง ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. โดยจะสอบปากคำในจุดอื่นๆ ที่มีการขอคืนพื้นที่จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม เช่น วันที่ 13-16, 19 พ.ค.53 ก็ถือว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ ซึ่งตนเองก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จจากการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่ดักรออยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายสุเทพ ได้เดินทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์ทันที และยังได้กล่าวกับสื่อมวลชนที่พรรคด้วยว่า ตนให้ปากคำร่วม 2 ชั่วโมง โดยมีการเตรียมข้อมูลชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรกว่า 33 หน้า คำสั่งต่างๆและยังมีภาพประกอบที่เป็นภาพของผู้ก่อการร้ายชายชุดดำที่เข้าไปก่อการร้ายในวันนั้น และบันทึกเหตุการณ์ชั่วโมงต่อชั่วโมง โดยได้ให้ข้อมูลเต็มที่
**โร่ติวข้อสอบให้ “อภิสิทธิ์”
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า พนักงานสอบสวนได้ซักถามคำถามที่ตนคาดไว้แล้วว่าเขาจะถาม ส่วนใหญ่จะสอบถามถึงเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.53 บริเวณ ร.ร.สตรีวิทยา ซึ่งตนก็ได้อธิบายให้เขาฟังว่า ตนเป็นผู้สั่งการในฐานะ ผอ.ศอฉ. แต่เพียงผู้เดียว และทำภายใต้กรอบของกฎหมาย มีกฎหมายรองรับ ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ โดยได้ยืนยันว่าการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายชายชุดดำทั้งสิ้น ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอเอกสารเพิ่มเติมเช่น รูปบางรูปที่ตนได้นำไปแสดง โดยขอเป็นคลิปวิดิโอ ซึ่งตนก็จะจัดไปให้
จากนั้นนายสุเทพได้เดินขึ้นไปยังห้องทำงานพร้อมทีมทนายความประมาณ 5 คนที่มี นายคนึง ฤาไชย เป็นหัวหน้าคณะเพื่อพบกับนายอภิสิทธิ์ ซึ่งได้ใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 5 นาที โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังว่า ไม่ได้คุยอะไรมาก ทุกอย่างเรียบร้อยดีและตนได้เตรียมเอกสารข้อมูลที่จะไปชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) และยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนจะเป็นชุดเดียวกันหรือไม่
** “มาร์ค” เข้าคิวสอบต่อบ่ายนี้
ก่อนหน้าวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ ได้ยืนยันจะเดินทางมาให้ปากคำทางคดีกับคณะทำงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันนี้ (9 ธ.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. อย่างแน่นอน โดยจะเดินทางมาพร้อมกับกลุ่ม ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัติย์ พร้อมคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายของพรรคและทนายความ โดยจะทำการสอบปากคำ ทันทีที่เดินทางมาถึงภายในห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล
**ชี้ลากทุกคนเข้าบ่วง หวังออก กม.นิรโทษฯ
ขณะที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวงว่า ขณะนี้ดูเหมือนมีความพยายามของขบวนการกดดันกระบวนการยุติธรรม และมีความพยายามให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เข้าสู่กระบวนการให้ทุกฝ่ายตกเป็นผู้ต้องหา ได้รับผลกระทบ และได้รับโทษเท่าเทียมกัน จากผลการดำเนินการทางการเมืองในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา แล้วจะมีการนำไปสู่กระบวนการพิจารณาออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับทุกคน ซึ่งทางนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ก็มีความชัดเจน ขอให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผลออกมาอย่างไร พวกเรายินดีรับ แต่เราไม่ยอมรับในกระบวนการที่จะเข้าไปกดดันศาล หรือกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ ที่ให้ทุกฝ่ายต้องเป็นผู้ต้องหา แล้วใช้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาครอบไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับคนๆเดียว