“เทพเทือก” ระบุชัด “ชายชุดดำ” ก่อการร้าย ทำให้คนเสื้อแดงเสียชีวิตจำนวนมาก ย้ำไม่หวั่น “เฉลิม” จะนำหลักฐานเอาผิดในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง มามัดเพื่อดำเนินคดีให้ได้ เปิดอก ไม่สนใจน้ำลายเฉลิม ยัน ผอ.ศอฉ.สั่งเอง ไม่เกี่ยว “มาร์ค”
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ พร้อมด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และคณะทำงานนายตำรวจระดับ รองผกก.สส.และพนักงานสอบสวน เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้ปากคำในฐานะพยานทางคดีตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมายคดีชันสูตรพลิกศพ 91 ศพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ กทม.เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมานี้ ที่ได้มีการสลายการชุมนุมว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและนำเอกสาร ที่เป็นหลักฐานสามารถตรวจพิสูจน์ได้มายืนยันระหว่างที่มีการสอบปากคำซึ่ง โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
นายสุเทพ เปิดเผยว่า การเดินทางเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานในครั้งนี้ เป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองคนหนึ่งที่ได้นำข้อมูล และข้อเท็จจริงที่มีมายื่นให้แก่พนักงานสอบสวน จากเหตุสลายการชุมนุมในจุดต่างๆ นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ สน.ปทุมวัน สน.ดุสิต สน.วัดพระยาไกร สน.พญาไท สน.พลับพลาไชย 1 โดยได้ถ่ายสำเนาคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และภาพถ่ายนำมาให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นภาพถ่ายของกลุ่มชายชุดดำ ที่ก่อการร้าย เป็นเหตุทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันดังกล่าวเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในการเข้ามาให้ปากคำของวันนี้เป็นการให้ปากคำเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ขอคืนพื้นที่จราจรบริเวณสะพานพระราม 8 และ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ของวันที่ 10 เม.ย.ปี 2553 เท่านั้น
“ขอยืนยันว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งของผมนั้น ได้ทำงานอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี พ.ศ.2548 และผมไม่ถึงกับต้องมาเป็นพระเอกหรอก เพียงแค่ตอบตามความเป็นจริง แล้วผมขอพูดตรงๆ เลยว่า ผมไม่สนใจต่อคำพูดของคุณเฉลิมหรอก ที่เคยบอกว่าจะเอาเอกสารหลักฐานมาเอาผิดผม และผมขอยืนยันว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นคำสั่งของผมในฐานะ ผอ.ศอฉ.นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า มีหลักฐานที่จะชี้เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 รายนั้น นายสุเทพ หยุดฟังคำถามแล้วตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่เคยสนใจในคำพูดของคุณเฉลิม และช่วยเอาบันทึกที่คุณเฉลิมพูด มาให้ดูหน่อย”
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนนัดตนอีกครั้งในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น.โดยจะสอบปากคำในจุดอื่นๆที่มีการขอคืนพื้นที่จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมซึ่งผมเองก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
นอกจากนี้ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัติย์และอดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะเดินทางมาให้ปากคำทางคดีกับคณะทำงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันที่ 9 ธ.ค.เวลาประมาณ 14.00 น.อย่างแน่นอน โดยจะเดินทางมาพร้อมกับกลุ่ม ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัติย์ พร้อมคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายของพรรคและทนายความโดยจะทำการสอบปากคำ ทันทีที่เดินทางมาถึงภายในห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล
วันนี้ (8 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ พร้อมด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และคณะทำงานนายตำรวจระดับ รองผกก.สส.และพนักงานสอบสวน เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้ปากคำในฐานะพยานทางคดีตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมายคดีชันสูตรพลิกศพ 91 ศพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ กทม.เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมานี้ ที่ได้มีการสลายการชุมนุมว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและนำเอกสาร ที่เป็นหลักฐานสามารถตรวจพิสูจน์ได้มายืนยันระหว่างที่มีการสอบปากคำซึ่ง โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
นายสุเทพ เปิดเผยว่า การเดินทางเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานในครั้งนี้ เป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองคนหนึ่งที่ได้นำข้อมูล และข้อเท็จจริงที่มีมายื่นให้แก่พนักงานสอบสวน จากเหตุสลายการชุมนุมในจุดต่างๆ นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ สน.ปทุมวัน สน.ดุสิต สน.วัดพระยาไกร สน.พญาไท สน.พลับพลาไชย 1 โดยได้ถ่ายสำเนาคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และภาพถ่ายนำมาให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นภาพถ่ายของกลุ่มชายชุดดำ ที่ก่อการร้าย เป็นเหตุทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันดังกล่าวเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในการเข้ามาให้ปากคำของวันนี้เป็นการให้ปากคำเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศอฉ.ขอคืนพื้นที่จราจรบริเวณสะพานพระราม 8 และ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ของวันที่ 10 เม.ย.ปี 2553 เท่านั้น
“ขอยืนยันว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งของผมนั้น ได้ทำงานอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี พ.ศ.2548 และผมไม่ถึงกับต้องมาเป็นพระเอกหรอก เพียงแค่ตอบตามความเป็นจริง แล้วผมขอพูดตรงๆ เลยว่า ผมไม่สนใจต่อคำพูดของคุณเฉลิมหรอก ที่เคยบอกว่าจะเอาเอกสารหลักฐานมาเอาผิดผม และผมขอยืนยันว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นคำสั่งของผมในฐานะ ผอ.ศอฉ.นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า มีหลักฐานที่จะชี้เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 รายนั้น นายสุเทพ หยุดฟังคำถามแล้วตอบกลับเพียงสั้นๆ ว่า “ผมไม่เคยสนใจในคำพูดของคุณเฉลิม และช่วยเอาบันทึกที่คุณเฉลิมพูด มาให้ดูหน่อย”
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนนัดตนอีกครั้งในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น.โดยจะสอบปากคำในจุดอื่นๆที่มีการขอคืนพื้นที่จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมซึ่งผมเองก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ
นอกจากนี้ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัติย์และอดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะเดินทางมาให้ปากคำทางคดีกับคณะทำงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันที่ 9 ธ.ค.เวลาประมาณ 14.00 น.อย่างแน่นอน โดยจะเดินทางมาพร้อมกับกลุ่ม ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัติย์ พร้อมคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายของพรรคและทนายความโดยจะทำการสอบปากคำ ทันทีที่เดินทางมาถึงภายในห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล