“มาร์ค” เข้าให้ปากคำกับตำรวจนครบาล ท่ามกลางม็อบ 91 ศพที่แห่ไปดักรอชูป้าย ตะโกนด่า เจ้าตัวยันไม่วิตก พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง
วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายศิริโชค โสภา และคณะที่ปรึกษากฎหมายพรรคประชาธิปัติย์ เดินทางมาให้ปากคำต่อคณะพนักงานสอบสวนนครบาล คดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต 91 ศพ ตามที่มีการนัดหมายไว้โดยเดินทางมาถึงก่อนเวลาประมาณ 15 นาที ด้วยรถยนต์เรนจ์โรเวอร์ สีดำ ทะเบียน ฌอ-5999 โดยนายอภิสิทธิ์สวมชุดสูทสีดำ มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงที่รุมถ่ายภาพเบียดเสียดกันกว่า 100 คน
ขณะเดียวกัน ระหว่างที่รถยนต์ของนายอภิสิทธิ์ขับเข้ามาในกองบัญชาการตำรวจนครบาล พบว่ามีประชาชนชายหญิงที่สวมชุดดำไว้ทุกข์ให้กับผู้เสียชีวิตมารออยู่ก่อนหน้าประมาณ 20 คนได้ชูป้ายข้อความที่เขียนว่า “ใครสั่งฆ่าประชาชนต้องรับกรรม” “ฆาตกรแห่งเมืองผู้ดี 91 ศพ” และข้อความอื่นที่มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “ไอ้ฆาตกร 91 ศพ” ตลอดทางเมื่อรถยนต์ของนายอภิสิทธิ์ขับเคลื่อนเข้ามาภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 10 นายดูแลความเรียบร้อยอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าไม่ให้มีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “พร้อมจะชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่วิตกอะไร” และหลังจากที่บรรดาช่างภาพทั้งภาพนิ่งและโทรทัศน์ต่างบันทึกภาพนายอภิสิทธิ์นั้น พบว่าไม้ประดับที่วางเรียงไว้สำหรับต้อนรับภาคเอกชนที่จะเดินทางมามอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงเย็นวันนี้ถูกเหยียบกระจัดกระจาย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาจัดวางใหม่ให้เข้าที่ตามเดิม
ภายหลังการเข้าให้ปากคำกว่า 3 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดินทางมาให้ปากคำในฐานะพยานกับกรณีที่มีการชันสูตรพลิกศพผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน และช่วงเดือนพ.ค. โดยจะอธิบายบทบาทหน้าที่ในช่วงนั้น ในฐานะนายกรัฐมนตรี และเป็นคนออกคำสั่งตั้ง ศอฉ. ขึ้นมา แต่ในรายละเอียดในส่วนการปฎิบัติงานของ ศอฉ. จะเป็นหน้าที่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี สมัยนั้น และฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นผู้ดำเนินการ โดยยังได้อภิปรายถึงเหตุผลลำดับเหตุการณ์ ทั้งการเจรจาและการตัดสินใจขอคืนพื้นที่ต่างๆ ส่วนกรณีช่างภาพญี่ปุ่นที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 เม.ย. จะต้องสอบถามทางเจ้าหน้าที่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ทางเจ้าหน้าที่มีความมุ่งหมาย คือการขอคืนพื้นที่การจราจร และทางการเจ้าหน้าที่จะหยุดการเคลื่อนไหวการชุมนุมก่อนมืด แต่กลับถูกโอบล้อม และมีการใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามาใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนเกิดเหตุชุลมุน นอกจากนี้ ได้นำภาพถ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งของชายชุดดำที่ปรากฏตัวในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ยังได้นำเอกสาร รวมทั้งแนวคำวินิจฉัยของศาลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม และเท่าที่ทราบไม่มีประเด็นอะไรที่จะต้องเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาระบุว่าเจ้าหน้าที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่ดีเอสไอ สมัยที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยมีการส่งสำนวนดังกล่าว ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม ไม่ได้มีประเด็นอะไรใหม่ และทางร.ต.อ.เฉลิม ที่ได้ให้สัมภาษณ์ เกินเลยไปในข้อสรุปบางอย่าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก เนื่องจากมีการสอบสวนกันอยู่
เมื่อถามว่า รู้สึกวิตกกังวลหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กังวล โดยส่วนตัวคิดว่าเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่ทำแบบตรงไปตรงมา โดยขอย้ำว่ากระบวนการนี้มีความสำคัญต่อการเดินหน้าของประเทศ เพราะต้องค้นหาความจริงและถึงความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ฉะนั้นตนจึงต้องขอเตือนกับฝ่ายการเมือง ต้องไม่เข้าแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือเข้ามาชี้นำ เพราะจะทำให้หมดความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมดถูกกระทบ และจะไม่เป็นผลดีของประเทศไทยที่จะเดินเข้าสู่ความปรองดอง
“หากเจ้าหน้าที่ไม่ทำงานตรงไปตรงมา ทางเจ้าหน้าที่เองที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนคนที่เข้ามาชี้นำจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายศิริโชค โสภา และคณะที่ปรึกษากฎหมายพรรคประชาธิปัติย์ เดินทางมาให้ปากคำต่อคณะพนักงานสอบสวนนครบาล คดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต 91 ศพ ตามที่มีการนัดหมายไว้โดยเดินทางมาถึงก่อนเวลาประมาณ 15 นาที ด้วยรถยนต์เรนจ์โรเวอร์ สีดำ ทะเบียน ฌอ-5999 โดยนายอภิสิทธิ์สวมชุดสูทสีดำ มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงที่รุมถ่ายภาพเบียดเสียดกันกว่า 100 คน
ขณะเดียวกัน ระหว่างที่รถยนต์ของนายอภิสิทธิ์ขับเข้ามาในกองบัญชาการตำรวจนครบาล พบว่ามีประชาชนชายหญิงที่สวมชุดดำไว้ทุกข์ให้กับผู้เสียชีวิตมารออยู่ก่อนหน้าประมาณ 20 คนได้ชูป้ายข้อความที่เขียนว่า “ใครสั่งฆ่าประชาชนต้องรับกรรม” “ฆาตกรแห่งเมืองผู้ดี 91 ศพ” และข้อความอื่นที่มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “ไอ้ฆาตกร 91 ศพ” ตลอดทางเมื่อรถยนต์ของนายอภิสิทธิ์ขับเคลื่อนเข้ามาภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 10 นายดูแลความเรียบร้อยอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าไม่ให้มีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “พร้อมจะชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่วิตกอะไร” และหลังจากที่บรรดาช่างภาพทั้งภาพนิ่งและโทรทัศน์ต่างบันทึกภาพนายอภิสิทธิ์นั้น พบว่าไม้ประดับที่วางเรียงไว้สำหรับต้อนรับภาคเอกชนที่จะเดินทางมามอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในช่วงเย็นวันนี้ถูกเหยียบกระจัดกระจาย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาจัดวางใหม่ให้เข้าที่ตามเดิม
ภายหลังการเข้าให้ปากคำกว่า 3 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดินทางมาให้ปากคำในฐานะพยานกับกรณีที่มีการชันสูตรพลิกศพผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน และช่วงเดือนพ.ค. โดยจะอธิบายบทบาทหน้าที่ในช่วงนั้น ในฐานะนายกรัฐมนตรี และเป็นคนออกคำสั่งตั้ง ศอฉ. ขึ้นมา แต่ในรายละเอียดในส่วนการปฎิบัติงานของ ศอฉ. จะเป็นหน้าที่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี สมัยนั้น และฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นผู้ดำเนินการ โดยยังได้อภิปรายถึงเหตุผลลำดับเหตุการณ์ ทั้งการเจรจาและการตัดสินใจขอคืนพื้นที่ต่างๆ ส่วนกรณีช่างภาพญี่ปุ่นที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 เม.ย. จะต้องสอบถามทางเจ้าหน้าที่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ทางเจ้าหน้าที่มีความมุ่งหมาย คือการขอคืนพื้นที่การจราจร และทางการเจ้าหน้าที่จะหยุดการเคลื่อนไหวการชุมนุมก่อนมืด แต่กลับถูกโอบล้อม และมีการใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามาใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนเกิดเหตุชุลมุน นอกจากนี้ ได้นำภาพถ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งของชายชุดดำที่ปรากฏตัวในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ยังได้นำเอกสาร รวมทั้งแนวคำวินิจฉัยของศาลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม และเท่าที่ทราบไม่มีประเด็นอะไรที่จะต้องเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาระบุว่าเจ้าหน้าที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่ดีเอสไอ สมัยที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยมีการส่งสำนวนดังกล่าว ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม ไม่ได้มีประเด็นอะไรใหม่ และทางร.ต.อ.เฉลิม ที่ได้ให้สัมภาษณ์ เกินเลยไปในข้อสรุปบางอย่าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก เนื่องจากมีการสอบสวนกันอยู่
เมื่อถามว่า รู้สึกวิตกกังวลหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กังวล โดยส่วนตัวคิดว่าเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่ทำแบบตรงไปตรงมา โดยขอย้ำว่ากระบวนการนี้มีความสำคัญต่อการเดินหน้าของประเทศ เพราะต้องค้นหาความจริงและถึงความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ฉะนั้นตนจึงต้องขอเตือนกับฝ่ายการเมือง ต้องไม่เข้าแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือเข้ามาชี้นำ เพราะจะทำให้หมดความน่าเชื่อถือของกระบวนการทั้งหมดถูกกระทบ และจะไม่เป็นผลดีของประเทศไทยที่จะเดินเข้าสู่ความปรองดอง
“หากเจ้าหน้าที่ไม่ทำงานตรงไปตรงมา ทางเจ้าหน้าที่เองที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนคนที่เข้ามาชี้นำจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว