ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์"น้อมใส่เกล้าฯ สนองพระราชดำรัสในหลวง สั่งระดมเครื่องสูบน้ำ เร่งสูบ 100 หมู่บ้านที่ยังมีน้ำท่วมขัง ทั้งกรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี หวังให้แห้งเป็นของขวัญปีใหม่ ส่วนสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ ดีวันดีคืน หลายพื้นที่น้ำเริ่มแห้ง กทม.สั่งเปิดประตูฝั่งตะวันออกเพิ่ม และเร่งเก็บขยะ จ่ออนุมัตินำเข้าแรงงานพม่า 1 แสนคน หลังหนีกลับช่วงน้ำท่วม วัฒนธรรมประสานยูเนสโกเร่งฟื้นฟูโบราณสถาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรัสไว้ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ว่า ได้มีมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยืนยันว่า รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัส โดยเฉพาะในเรื่องของน้ำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพี่น้องประชาชน
"ได้ย้ำกับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในการลงไปกำกับส่วนของรายละเอียดต่างๆ ซึ่งพบว่ายังมีราว 80-100 หมู่บ้าน ที่ยังมีน้ำท่วมขัง โดยจะเร่งดำเนินการสูบน้ำ และตั้งใจว่า จะสูบน้ำให้เสร็จก่อนสิ้นปี เพื่อพี่น้องประชาชนได้กลับเข้าบ้านในช่วงปีใหม่ปีนี้"
ส่วนกระแสพระราชดำรัสที่ทรงตรัสไว้ให้ประชาชนเลิกมีการขัดแย้งกันนั้น ตนได้ย้ำกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ผอ.ศปภ.) ว่า การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง จะต้องมีทางออก และการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ แต่ในหลักใหญ่ ถ้าเราไปเร่งในเรื่องของการสูบน้ำ และการเยียวยาต่างๆ ให้เร็วขึ้น ก็จะทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียดได้ ที่สำคัญได้เน้นย้ำในเรื่องของการเร่งสูบน้ำ รวมถึงให้กระทรวงการคลัง เข้าไปดูแลเพิ่มเติม โดยเฉพาะรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่เสียหาย เพื่อไปทำการสำรวจ และดูว่าจะมีมาตรการอื่นๆ อีกหรือไม่ เพื่อที่จะเร่งช่วยเหลือบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า ความขัดแย้งในด้านอื่นๆ จะแก้ไขอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องแก้ไปทีละส่วน ที่สำคัญต้องยึดหลักผลประโยนช์ส่วนรวม และการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างสันติ ต้องพูดคุยกัน เพราะโจทย์ใหญ่ คือ ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนมีความทุกข์
***ระดมเครื่องสูบน้ำเร่งสูบพื้นที่น้ำท่วมขัง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมครม.ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ยกกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชน ที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากขณะนี้พบว่ายังมีหลายชุมชนที่ยังมีน้ำท่วมขัง จึงอยากให้นำพระราชดำรัสไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน โดยรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาพื้นที่ที่มีน้ำขัง โดยเรื่องนี้จะเน้นการแก้ไขให้เกิดการทำงานอย่างบูรณาการ ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าไปช่วยเร่งระดมเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ทั้งหมดที่มีน้ำท่วมขัง โดยต้องทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหลังจากนี้ นายยงยุทธ นายปรีชา และนายปลอดประสพ ต้องรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทกสัปดาห์ในที่ประชุมครม.
***งดมหรสพในโครงการช่วยเหลือประชาชน
นายอนุสรณ์กล่าวว่า นายกฯ ยังเน้นย้ำว่า โครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชน ต่อจากนี้ไป จะต้องไม่มีเรื่องของงานมหรสพ แต่จะเน้นในเรื่องของเม็ดเงินให้ถึงมือประชาชนมากที่สุด เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน และเกิดการใช้จ่ายภาคประชาชน โดยไม่เน้นการประชาสัมพันธ์ หรือที่ต้องมีการว่าจ้างบริษัท ออร์แกนไน ไม่เน้นงานรื่นเริง และจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ในการแก้ปัญหา ขอให้มาอยู่ในโครงการ 5 ธ.ค. รวมหัวใจถวายพระพรในหลวงในทุกพื้นที่
ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียดคู่มือเยียวยา เพราะพบว่ายังมีข้อตกหล่น หรือยังมีช่องว่างอยู่ เช่น กรณีของรถยนต์ที่มีประกันชั้น 1 จะจ่ายอย่างไร หรือรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันชั้น1 จะมีการเยียวยาอย่างไร มอร์เตอร์ไซค์ ที่ไม่ได้อยู่ในการประกันน้ำท่วม จะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร บ้านที่ไม่ได้ทำการประกันภัยไว้ รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งนายยงยุทธ จะเข้าไปดูว่าในคู่มือเยียวยา มีข้อตกหล่นอะไรบ้างที่จะช่วยเหลือประชาชน
***กองทัพพร้อมสนองพระราชดำรส
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (6 ธ.ค.) ที่ชุมชนดาวทอง เขตดอนเมือง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. กล่าวถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พวกเราพร้อมสนองตามพระราชดำรัสทั้งประเทศ ยิ่งฟังพระองค์ท่านในวันพิเศษ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนคิดว่าหลายคนน้ำตาซึม หลายคนร้องไห้ เพราะพวกเราคงคิดเหมือนกัน เมื่อมองพระองค์ท่านแล้ว 60 กว่าปีที่ท่านครองราชย์ ท่านไม่เคยหยุดสักวัน ลองนำ 365 วันไปคูณ 60 ปี ไม่เคยหยุดสักวัน ที่ท่านทรงทำทุกอย่าง
เมื่อถามว่า ระบบน้ำควรมีองค์กรหรือบุคคลใดมาเป็นแกนนำ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ต้องให้รัฐบาลเป็นแกน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี ก็เตรียมการเรื่องนี้แล้ว ส่วนทหารที่มีประสบการณ์ที่ลงพื้นที่จริง ก็จะคอยเสริมให้รัฐบาล โดยตอนนี้ ผบ.ทบ. ได้สั่งการ และได้ทำแล้ว ซึ่งจะยื่นแผนนี้ให้คณะกรรมการที่นายกฯ ตั้งมาเพื่อไปประกอบกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ เพื่อดูภาพรวมว่าที่กองทัพบกคิดสอดคล้องกันหรือไม่ ส่วนการขุดคลองหรือทำแก้มลิง เราก็พร้อมที่จะช่วยทำเต็มที่ โดยใช้หน่วยทหารช่างที่มีอยู่ทั่วประเทศทำ หากรัฐบาลสั่งมา
** “ปู"นั่งหัวโต๊ะวางแผนแก้ปัญหาน้ำ 6 ด้าน
เมื่อเวลา15.00น.นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารทรัพยากรน้ำ (กยน.) โดยใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการกยน. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมพิจารณาแผนปฏิบัติงานใน 6 ด้าน คือ แผนเร่งด่วน โดยอนุกรรมการแผนนี้ต้องเร่งจัดทำแผนและเสนอเข้ามายังที่ประชุมภายในสองสัปดาห์ ได้แก่ แผนการจัดการระบบข้อมูล แผนจัดการพื้นที่รับน้ำ แผนการพัฒนาพื้นที่เฉพาะ แผนจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการน้ำในระยะยาว และแผนการใช้งบประมาณ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แต่งตั้งอนุกรรมการอีกชุดหนึ่งขึ้นมา คือ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูป่าไม้และต้นน้ำ โดยมรว.ดิศนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการเชียงใหม่เป็นประธานอนุกรรมการและมีนายสุเมธ ตันติเวชกุล ที่ปรึกษากยน. เป็นที่ปรึกษาอนุกรรการชุดนี้
***ระดับน้ำในคลองกรุงเทพฯลดลง
สำหรับสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำในคลองสายหลักพื้นที่กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ระดับน้ำคลองแสนแสบลดลง 2-5 ซม. คลองประเวศบุรีรมย์ระดับน้ำลดลง 2 ซม. คลองลาดพร้าวระดับน้ำลดลง 4-6 ซม. คลองเปรมประชากร ระดับน้ำลดลง 5 ซม. และคลองบางเขนระดับน้ำลดลง 5 ซม. ส่วนพื้นที่ฝั่งธนบุรีตอนบนระดับน้ำลดลง 2-5 ซม.
**ซอยแอนเน็กซ์ เขตสายไหม น้ำแห้งแล้ว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่กทม. โดยภาพรวมดีขึ้นตามลำดับ ถนนสายหลักบางสายยังมีน้ำท่วมขัง คาดจะระบายได้หมดใน 2-3 วันนี้ ส่วนซอยแอนเน็กซ์ เขตสายไหม กทม.ได้ดำเนินการโดยใช้เครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องระบายน้ำจนแห้งแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ถนนพหลโยธินสามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น คาดว่าบริเวณหมู่บ้านและพื้นที่โดยรอบน้ำจะแห้งทั้งหมดภายในวันนี้ จากนั้นกทม.จะเข้าไปทำความสะอาดใหญ่ต่อไป
ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันตก ด้านถนนบรมราชชนนี เขตบางแค เขตทวีวัฒนา ยังคงมีน้ำท่วมผิวการจราจรอยู่ และที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตบางแค สถานการณ์น้ำเริ่มดีขึ้น น้ำแห้งแล้วในบางจุด ซึ่งกทม.จะเร่งบล็อคน้ำเพื่อระบายออกเป็นพื้นที่ๆ ไปจนสุดซอย
**เปิดบานประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออกเพิ่ม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์น้ำด้านเหนือฝั่งตะวันออกดีขึ้น กทม.จะเพิ่มความสูงของประตูระบายน้ำอีก 20 ซม. ที่ประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ-มีนบุรี จาก 1.50 เมตร เป็น 1.70 เมตร ประตูระบายน้ำลำบึงขวาง จาก 1.40 เมตร เป็น 1.60 เมตร ประตูระบายน้ำลาดกระบังจาก 1.20 เมตร เป็น 1.40 เมตร เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำบริเวณลำลูกกา และคลองหกวาสายล่าง ใน จ.ปทุมธานี
**กทม.มีมติเช่ารถเก็บขนขยะเพิ่ม
รายงานข่าว แจ้งว่า ที่ผ่านมา กทม.เก็บขยะได้เพิ่มขึ้นเป็น 11,600 ตัน/วัน แต่ยังมีขยะตกค้างค่อนข้างมาก ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีมติให้เช่ารถเก็บขยะเพิ่มขึ้น เพื่อเร่งจัดเก็บขยะและรถตักที่ตกค้างให้ลดลงโดยเร็ว
***"อุตฯ"รายงานครม.ช่วยนิคมฯคืบ
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้แจ้งครม. ถึงความก้าวหน้าการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งโดนน้ำท่วม 7 แห่ง โดย 4 แห่งสูบน้ำออกหมดแล้ว เริ่มประกอบกิจการ 20% ของจำนวนผู้ประกอบการในนิคม และจะมีอีก 3 แห่ง ที่ยังอยู่ระหว่างการฟื้นฟู คือ นิคมอุตสาหกรรมบางกระดี ซึ่งจะมีบิ๊กคลีนนิ่งเดย์วันที่ 7 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะเริ่มทำการซ่อมแซมเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานแล้วเสร็จในวันที่ 11 ธ.ค. จะเริ่มประกอบการได้ 15 ธ.ค.
ส่วนนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร แจ้งว่าได้สูบน้ำแล้วเสร็จวันที่ 5 ธ.ค. และจะประกอบการได้ในวันที่ 15 ธ.ค. ส่วนสวนอุตสาหกรรมนวนคร เป็นสวนอุตสาหกรรมแห่งสุดท้ายที่จะสูบน้ำเสร็จก่อนวันที่ 10 ธ.ค. และจะเริ่มซ่อมแซมสาธารณูปโภคพื้นฐานให้เสร็จก่อนวันที่ 12 ธ.ค. และจะเริ่มประกอบการได้ทันที โดยการฟื้นฟูทั้งหมดได้รับความร่วมมือด้วยดีจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.ปทุมธานี
***ส.อ.ท.ชงยุทธศาสตร์จัดการน้ำระยะยาว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.อยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำแบบยั่งยืนที่จะเน้นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแนวทางการบริหารจัดการน้ำภาพรวมของประเทศ และจะนำเสนอรัฐบาลเร็วๆ นี้ โดยเบื้องต้นจะเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นใหม่ที่ดึงทุกส่วนทั้งหน่วยงานราชการทุกกระทรวง เอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานให้เป็นคณะกรรมการถาวรที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็ยังคงอยู่
“แผนดังกล่าวเป็นเรื่องระยะยาวไม่ใช่ 1-2 ปีแล้วจบ จึงควรมีคณะทำงานขึ้นใหม่ถาวร เพราะที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) มีนายกฯ เป็นประธานและคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนและเป็นคณะทำงานเฉพาะกิจเท่านั้น”นายธนิตกล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้แผนดังกล่าวเบื้องต้นเอกชนเสนอเรื่องของการจัดทำผังเมืองอย่างยั่งยืน ทางระบายน้ำที่มองภาพทั้งประเทศในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด แยกทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม และไม่ได้มองเรื่องน้ำท่วม แต่มองในเรื่องของการแก้ไขปัญหาภัยแล้งควบคู่ไปด้วย ขณะเดียวกันภายใต้แผนยังต้องการเห็นการจัดตั้งหน่วยงานระบบเตือนภัยด้านน้ำโดยเฉพาะภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นปัจจุบันที่ทำให้เกิดความสับสนเพื่อให้ระบบเตือนภัยเป็นสากลมีความเชื่อถือได้ในระยะยาว
***โรดโชว์สำเร็จทุนญี่ปุ่นไม่ย้ายฐานหนี
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้ (6พ.ย.) ว่า ได้รายงานถึงการเดินทางไปประชุม Flood Situation in Thailand เทศญี่ปุ่นที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวีรพงษ์ รามางกูรในฐานะประธานกยอ. ชี้แจงถึงมาตรการฟื้นฟูและสร้างความมั่นใจระบบจัดการน้ำในอนาคตให้กับผู้บริหารญี่ปุ่นที่เข้าร่วมฟัง 111 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทแม่ที่เข้ามาทุนในไทย โดยภาพรวมนักลงทุนญี่ปุ่นยืนยันที่จะไม่ย้ายฐานการผลิต
** "ณรงค์"เจอจม.ขู่หลังฟ้องรัฐ
รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่มีจดหมายข่มขู่ หลังจากที่เป็นแกนนำฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานราชการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำที่ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพก่อนหน้านี้ ว่า เมื่อวันก่อน ตนได้รับจดหมายซึ่งมีเนื้อหาข่มขู่ตน ด้วยข้อความหยาบคาย ทำนองว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จะฟ้องร้องทำไม พร้อมกับแนบรูปถ่ายอวัยวะเพศชายมาให้ตนอีกด้วย ซึ่งการฟ้องร้องของตนไม่เชิงว่า จะฟ้องร้องรัฐบาล แต่ฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความเสียหาย
***จัดนัดพบแรงงานนิคมฯบางปะอิน-โรจนะ
นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้กสร. ร่วมกับกรมการจัดหางาน (กกจ.) จัดมหกรรมนัดพบแรงงานให้ถี่มากขึ้น โดยจัดงานภายในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินและนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ในจ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเริ่มฟื้นฟูแล้ว เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างไม่ให้ว่างงานนาน
***จ่อนำเข้าต่างด้าวชดเชยน้ำท่วม 1แสนคน
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวว่า มีแนวคิดในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานสัญชาติพม่าผ่านข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่า เพื่อนำมาชดเชยแรงงานต่างด้าวที่หนีน้ำท่วมและเดินทางกลับประเทศจำนวนประมาณ 2 แสนคน โดยการหารือล่าสุดได้ข้อสรุปจะมีการนำเข้าผ่านทางเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำซึ่งอยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการตั้งด่านออกเอกสาร รับรองแรงงานต่างด้าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ เอ็มโอยูที่ไทยทำไว้กับพม่ามีโควตาอยู่ที่ 1 แสนคน นำเข้ามาแล้ว 3 หมื่นคน ยังขาดอยู่ 7 หมื่นคน
**ยูเนสโกห่วงจิตรกรรมฝาผนังเสียหาย
นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโกมาสำรวจแล้วว่า ทางผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโก แสดงความเป็นห่วงที่วัดเชิงท่า ที่มีจิตรกรรมฝาผนัง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีขี้เกลือเกาะติดตามผนังอยู่เป็นจำนวนมาก โดยทางผู้เชี่ยวชาญบอกว่า จุดนี้ถือเป็นจุดที่อยู่ในขั้นวิกฤต ส่วนจุดอื่นๆ ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน อย่างที่วัดอโยธยา ก็มีความเสียหายค่อนข้างมาก มีบางส่วนล้มลงมาด้วย ซึ่งคงต้องมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ต้องเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างด้วย และอาจจะต้องมีการขุดกำแพงขึ้นมา คงต้องมาดูว่าถ้าสามารถเพิ่มความสูงของกำแพงโดยรอบได้ ก็จะเป็นแนวกั้นน้ำอย่างดี ก็ต้องมาดูกันอีกที ซึ่งอาจต้องฟื้นฟูในระบบคูคลองแบบโบราณ เพื่อจะนำมาใช้ และการขุดลอกคูคลองโดยรอบ ก็ถือเป็นการช่วยระบายน้ำอีกทางหนึ่ง
เมื่อถามว่ามีจุดไหนที่ทางยูเนสโกเป็นห่วงเป็นพิเศษหรือไม่ นอกจากที่วัดเชิงท่า นางสุกุมลกล่าวว่า ที่ยูเนสโกมาดู ก็เป็นการดูเบื้องต้น และวันที่ 18 ธ.ค. ทางญี่ปุ่นก็จะส่งมาอีกชุดหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าเรามีการพูดคุยกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญของไทย และยูเนสโก เพราะไทยผู้เชี่ยวชาญของไทยก็มีประสบการณ์ในการฟื้นฟูโบราณสถานมาค่อนข้างมาก และถือเป็นการนำเทคนิคใหม่ๆ มาให้กับผู้เชี่ยวชาญเมืองไทยได้รับทราบ
สำหรับงบประมาณ ได้มีการเสนอต่อครม.ไปแล้ว 1,477 ล้าน ซึ่งจะครอบคลุมโบราณสถานถึง 313 แห่ง เป็นการฟื้นฟูเบื้องต้น และต้องขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ซึ่งก็รอในเรื่องของมาตรการลดหย่อนภาษีด้วยว่า ทางกระทรวงการคลังจะอนุมัติมาที่จำนวนเท่าใด และหากมีความชัดเจนในเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีแล้ว ก็จะเดินหน้าเชิญชวน ไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือหน่วยงานอื่นที่จะมาช่วยกันฟื้นฟู
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรัสไว้ในเรื่องการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ว่า ได้มีมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยืนยันว่า รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัส โดยเฉพาะในเรื่องของน้ำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพี่น้องประชาชน
"ได้ย้ำกับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในการลงไปกำกับส่วนของรายละเอียดต่างๆ ซึ่งพบว่ายังมีราว 80-100 หมู่บ้าน ที่ยังมีน้ำท่วมขัง โดยจะเร่งดำเนินการสูบน้ำ และตั้งใจว่า จะสูบน้ำให้เสร็จก่อนสิ้นปี เพื่อพี่น้องประชาชนได้กลับเข้าบ้านในช่วงปีใหม่ปีนี้"
ส่วนกระแสพระราชดำรัสที่ทรงตรัสไว้ให้ประชาชนเลิกมีการขัดแย้งกันนั้น ตนได้ย้ำกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ผอ.ศปภ.) ว่า การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง จะต้องมีทางออก และการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ แต่ในหลักใหญ่ ถ้าเราไปเร่งในเรื่องของการสูบน้ำ และการเยียวยาต่างๆ ให้เร็วขึ้น ก็จะทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียดได้ ที่สำคัญได้เน้นย้ำในเรื่องของการเร่งสูบน้ำ รวมถึงให้กระทรวงการคลัง เข้าไปดูแลเพิ่มเติม โดยเฉพาะรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่เสียหาย เพื่อไปทำการสำรวจ และดูว่าจะมีมาตรการอื่นๆ อีกหรือไม่ เพื่อที่จะเร่งช่วยเหลือบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า ความขัดแย้งในด้านอื่นๆ จะแก้ไขอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องแก้ไปทีละส่วน ที่สำคัญต้องยึดหลักผลประโยนช์ส่วนรวม และการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างสันติ ต้องพูดคุยกัน เพราะโจทย์ใหญ่ คือ ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนมีความทุกข์
***ระดมเครื่องสูบน้ำเร่งสูบพื้นที่น้ำท่วมขัง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมครม.ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ยกกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชน ที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากขณะนี้พบว่ายังมีหลายชุมชนที่ยังมีน้ำท่วมขัง จึงอยากให้นำพระราชดำรัสไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน โดยรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาพื้นที่ที่มีน้ำขัง โดยเรื่องนี้จะเน้นการแก้ไขให้เกิดการทำงานอย่างบูรณาการ ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าไปช่วยเร่งระดมเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ทั้งหมดที่มีน้ำท่วมขัง โดยต้องทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหลังจากนี้ นายยงยุทธ นายปรีชา และนายปลอดประสพ ต้องรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาทกสัปดาห์ในที่ประชุมครม.
***งดมหรสพในโครงการช่วยเหลือประชาชน
นายอนุสรณ์กล่าวว่า นายกฯ ยังเน้นย้ำว่า โครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชน ต่อจากนี้ไป จะต้องไม่มีเรื่องของงานมหรสพ แต่จะเน้นในเรื่องของเม็ดเงินให้ถึงมือประชาชนมากที่สุด เพื่อให้เกิดการหมุนเวียน และเกิดการใช้จ่ายภาคประชาชน โดยไม่เน้นการประชาสัมพันธ์ หรือที่ต้องมีการว่าจ้างบริษัท ออร์แกนไน ไม่เน้นงานรื่นเริง และจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดๆ ในการแก้ปัญหา ขอให้มาอยู่ในโครงการ 5 ธ.ค. รวมหัวใจถวายพระพรในหลวงในทุกพื้นที่
ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียดคู่มือเยียวยา เพราะพบว่ายังมีข้อตกหล่น หรือยังมีช่องว่างอยู่ เช่น กรณีของรถยนต์ที่มีประกันชั้น 1 จะจ่ายอย่างไร หรือรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันชั้น1 จะมีการเยียวยาอย่างไร มอร์เตอร์ไซค์ ที่ไม่ได้อยู่ในการประกันน้ำท่วม จะช่วยเหลือเขาได้อย่างไร บ้านที่ไม่ได้ทำการประกันภัยไว้ รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งนายยงยุทธ จะเข้าไปดูว่าในคู่มือเยียวยา มีข้อตกหล่นอะไรบ้างที่จะช่วยเหลือประชาชน
***กองทัพพร้อมสนองพระราชดำรส
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (6 ธ.ค.) ที่ชุมชนดาวทอง เขตดอนเมือง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. กล่าวถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พวกเราพร้อมสนองตามพระราชดำรัสทั้งประเทศ ยิ่งฟังพระองค์ท่านในวันพิเศษ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนคิดว่าหลายคนน้ำตาซึม หลายคนร้องไห้ เพราะพวกเราคงคิดเหมือนกัน เมื่อมองพระองค์ท่านแล้ว 60 กว่าปีที่ท่านครองราชย์ ท่านไม่เคยหยุดสักวัน ลองนำ 365 วันไปคูณ 60 ปี ไม่เคยหยุดสักวัน ที่ท่านทรงทำทุกอย่าง
เมื่อถามว่า ระบบน้ำควรมีองค์กรหรือบุคคลใดมาเป็นแกนนำ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ต้องให้รัฐบาลเป็นแกน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี ก็เตรียมการเรื่องนี้แล้ว ส่วนทหารที่มีประสบการณ์ที่ลงพื้นที่จริง ก็จะคอยเสริมให้รัฐบาล โดยตอนนี้ ผบ.ทบ. ได้สั่งการ และได้ทำแล้ว ซึ่งจะยื่นแผนนี้ให้คณะกรรมการที่นายกฯ ตั้งมาเพื่อไปประกอบกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ เพื่อดูภาพรวมว่าที่กองทัพบกคิดสอดคล้องกันหรือไม่ ส่วนการขุดคลองหรือทำแก้มลิง เราก็พร้อมที่จะช่วยทำเต็มที่ โดยใช้หน่วยทหารช่างที่มีอยู่ทั่วประเทศทำ หากรัฐบาลสั่งมา
** “ปู"นั่งหัวโต๊ะวางแผนแก้ปัญหาน้ำ 6 ด้าน
เมื่อเวลา15.00น.นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารทรัพยากรน้ำ (กยน.) โดยใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการกยน. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมพิจารณาแผนปฏิบัติงานใน 6 ด้าน คือ แผนเร่งด่วน โดยอนุกรรมการแผนนี้ต้องเร่งจัดทำแผนและเสนอเข้ามายังที่ประชุมภายในสองสัปดาห์ ได้แก่ แผนการจัดการระบบข้อมูล แผนจัดการพื้นที่รับน้ำ แผนการพัฒนาพื้นที่เฉพาะ แผนจัดตั้งองค์กรบริหารจัดการน้ำในระยะยาว และแผนการใช้งบประมาณ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แต่งตั้งอนุกรรมการอีกชุดหนึ่งขึ้นมา คือ คณะอนุกรรมการฟื้นฟูป่าไม้และต้นน้ำ โดยมรว.ดิศนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการเชียงใหม่เป็นประธานอนุกรรมการและมีนายสุเมธ ตันติเวชกุล ที่ปรึกษากยน. เป็นที่ปรึกษาอนุกรรการชุดนี้
***ระดับน้ำในคลองกรุงเทพฯลดลง
สำหรับสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำในคลองสายหลักพื้นที่กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ระดับน้ำคลองแสนแสบลดลง 2-5 ซม. คลองประเวศบุรีรมย์ระดับน้ำลดลง 2 ซม. คลองลาดพร้าวระดับน้ำลดลง 4-6 ซม. คลองเปรมประชากร ระดับน้ำลดลง 5 ซม. และคลองบางเขนระดับน้ำลดลง 5 ซม. ส่วนพื้นที่ฝั่งธนบุรีตอนบนระดับน้ำลดลง 2-5 ซม.
**ซอยแอนเน็กซ์ เขตสายไหม น้ำแห้งแล้ว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่กทม. โดยภาพรวมดีขึ้นตามลำดับ ถนนสายหลักบางสายยังมีน้ำท่วมขัง คาดจะระบายได้หมดใน 2-3 วันนี้ ส่วนซอยแอนเน็กซ์ เขตสายไหม กทม.ได้ดำเนินการโดยใช้เครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องระบายน้ำจนแห้งแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ถนนพหลโยธินสามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น คาดว่าบริเวณหมู่บ้านและพื้นที่โดยรอบน้ำจะแห้งทั้งหมดภายในวันนี้ จากนั้นกทม.จะเข้าไปทำความสะอาดใหญ่ต่อไป
ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันตก ด้านถนนบรมราชชนนี เขตบางแค เขตทวีวัฒนา ยังคงมีน้ำท่วมผิวการจราจรอยู่ และที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตบางแค สถานการณ์น้ำเริ่มดีขึ้น น้ำแห้งแล้วในบางจุด ซึ่งกทม.จะเร่งบล็อคน้ำเพื่อระบายออกเป็นพื้นที่ๆ ไปจนสุดซอย
**เปิดบานประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออกเพิ่ม
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์น้ำด้านเหนือฝั่งตะวันออกดีขึ้น กทม.จะเพิ่มความสูงของประตูระบายน้ำอีก 20 ซม. ที่ประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ-มีนบุรี จาก 1.50 เมตร เป็น 1.70 เมตร ประตูระบายน้ำลำบึงขวาง จาก 1.40 เมตร เป็น 1.60 เมตร ประตูระบายน้ำลาดกระบังจาก 1.20 เมตร เป็น 1.40 เมตร เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำบริเวณลำลูกกา และคลองหกวาสายล่าง ใน จ.ปทุมธานี
**กทม.มีมติเช่ารถเก็บขนขยะเพิ่ม
รายงานข่าว แจ้งว่า ที่ผ่านมา กทม.เก็บขยะได้เพิ่มขึ้นเป็น 11,600 ตัน/วัน แต่ยังมีขยะตกค้างค่อนข้างมาก ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีมติให้เช่ารถเก็บขยะเพิ่มขึ้น เพื่อเร่งจัดเก็บขยะและรถตักที่ตกค้างให้ลดลงโดยเร็ว
***"อุตฯ"รายงานครม.ช่วยนิคมฯคืบ
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้แจ้งครม. ถึงความก้าวหน้าการฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม และการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งโดนน้ำท่วม 7 แห่ง โดย 4 แห่งสูบน้ำออกหมดแล้ว เริ่มประกอบกิจการ 20% ของจำนวนผู้ประกอบการในนิคม และจะมีอีก 3 แห่ง ที่ยังอยู่ระหว่างการฟื้นฟู คือ นิคมอุตสาหกรรมบางกระดี ซึ่งจะมีบิ๊กคลีนนิ่งเดย์วันที่ 7 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะเริ่มทำการซ่อมแซมเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานแล้วเสร็จในวันที่ 11 ธ.ค. จะเริ่มประกอบการได้ 15 ธ.ค.
ส่วนนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร แจ้งว่าได้สูบน้ำแล้วเสร็จวันที่ 5 ธ.ค. และจะประกอบการได้ในวันที่ 15 ธ.ค. ส่วนสวนอุตสาหกรรมนวนคร เป็นสวนอุตสาหกรรมแห่งสุดท้ายที่จะสูบน้ำเสร็จก่อนวันที่ 10 ธ.ค. และจะเริ่มซ่อมแซมสาธารณูปโภคพื้นฐานให้เสร็จก่อนวันที่ 12 ธ.ค. และจะเริ่มประกอบการได้ทันที โดยการฟื้นฟูทั้งหมดได้รับความร่วมมือด้วยดีจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.ปทุมธานี
***ส.อ.ท.ชงยุทธศาสตร์จัดการน้ำระยะยาว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.อยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำแบบยั่งยืนที่จะเน้นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแนวทางการบริหารจัดการน้ำภาพรวมของประเทศ และจะนำเสนอรัฐบาลเร็วๆ นี้ โดยเบื้องต้นจะเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นใหม่ที่ดึงทุกส่วนทั้งหน่วยงานราชการทุกกระทรวง เอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานให้เป็นคณะกรรมการถาวรที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็ยังคงอยู่
“แผนดังกล่าวเป็นเรื่องระยะยาวไม่ใช่ 1-2 ปีแล้วจบ จึงควรมีคณะทำงานขึ้นใหม่ถาวร เพราะที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) มีนายกฯ เป็นประธานและคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนและเป็นคณะทำงานเฉพาะกิจเท่านั้น”นายธนิตกล่าว
ทั้งนี้ ภายใต้แผนดังกล่าวเบื้องต้นเอกชนเสนอเรื่องของการจัดทำผังเมืองอย่างยั่งยืน ทางระบายน้ำที่มองภาพทั้งประเทศในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด แยกทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม และไม่ได้มองเรื่องน้ำท่วม แต่มองในเรื่องของการแก้ไขปัญหาภัยแล้งควบคู่ไปด้วย ขณะเดียวกันภายใต้แผนยังต้องการเห็นการจัดตั้งหน่วยงานระบบเตือนภัยด้านน้ำโดยเฉพาะภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นปัจจุบันที่ทำให้เกิดความสับสนเพื่อให้ระบบเตือนภัยเป็นสากลมีความเชื่อถือได้ในระยะยาว
***โรดโชว์สำเร็จทุนญี่ปุ่นไม่ย้ายฐานหนี
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วานนี้ (6พ.ย.) ว่า ได้รายงานถึงการเดินทางไปประชุม Flood Situation in Thailand เทศญี่ปุ่นที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวีรพงษ์ รามางกูรในฐานะประธานกยอ. ชี้แจงถึงมาตรการฟื้นฟูและสร้างความมั่นใจระบบจัดการน้ำในอนาคตให้กับผู้บริหารญี่ปุ่นที่เข้าร่วมฟัง 111 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทแม่ที่เข้ามาทุนในไทย โดยภาพรวมนักลงทุนญี่ปุ่นยืนยันที่จะไม่ย้ายฐานการผลิต
** "ณรงค์"เจอจม.ขู่หลังฟ้องรัฐ
รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่มีจดหมายข่มขู่ หลังจากที่เป็นแกนนำฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานราชการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำที่ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพก่อนหน้านี้ ว่า เมื่อวันก่อน ตนได้รับจดหมายซึ่งมีเนื้อหาข่มขู่ตน ด้วยข้อความหยาบคาย ทำนองว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จะฟ้องร้องทำไม พร้อมกับแนบรูปถ่ายอวัยวะเพศชายมาให้ตนอีกด้วย ซึ่งการฟ้องร้องของตนไม่เชิงว่า จะฟ้องร้องรัฐบาล แต่ฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความเสียหาย
***จัดนัดพบแรงงานนิคมฯบางปะอิน-โรจนะ
นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้กสร. ร่วมกับกรมการจัดหางาน (กกจ.) จัดมหกรรมนัดพบแรงงานให้ถี่มากขึ้น โดยจัดงานภายในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินและนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ในจ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเริ่มฟื้นฟูแล้ว เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างไม่ให้ว่างงานนาน
***จ่อนำเข้าต่างด้าวชดเชยน้ำท่วม 1แสนคน
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวว่า มีแนวคิดในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงานสัญชาติพม่าผ่านข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่า เพื่อนำมาชดเชยแรงงานต่างด้าวที่หนีน้ำท่วมและเดินทางกลับประเทศจำนวนประมาณ 2 แสนคน โดยการหารือล่าสุดได้ข้อสรุปจะมีการนำเข้าผ่านทางเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำซึ่งอยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการตั้งด่านออกเอกสาร รับรองแรงงานต่างด้าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ เอ็มโอยูที่ไทยทำไว้กับพม่ามีโควตาอยู่ที่ 1 แสนคน นำเข้ามาแล้ว 3 หมื่นคน ยังขาดอยู่ 7 หมื่นคน
**ยูเนสโกห่วงจิตรกรรมฝาผนังเสียหาย
นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโกมาสำรวจแล้วว่า ทางผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโก แสดงความเป็นห่วงที่วัดเชิงท่า ที่มีจิตรกรรมฝาผนัง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีขี้เกลือเกาะติดตามผนังอยู่เป็นจำนวนมาก โดยทางผู้เชี่ยวชาญบอกว่า จุดนี้ถือเป็นจุดที่อยู่ในขั้นวิกฤต ส่วนจุดอื่นๆ ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน อย่างที่วัดอโยธยา ก็มีความเสียหายค่อนข้างมาก มีบางส่วนล้มลงมาด้วย ซึ่งคงต้องมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ต้องเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างด้วย และอาจจะต้องมีการขุดกำแพงขึ้นมา คงต้องมาดูว่าถ้าสามารถเพิ่มความสูงของกำแพงโดยรอบได้ ก็จะเป็นแนวกั้นน้ำอย่างดี ก็ต้องมาดูกันอีกที ซึ่งอาจต้องฟื้นฟูในระบบคูคลองแบบโบราณ เพื่อจะนำมาใช้ และการขุดลอกคูคลองโดยรอบ ก็ถือเป็นการช่วยระบายน้ำอีกทางหนึ่ง
เมื่อถามว่ามีจุดไหนที่ทางยูเนสโกเป็นห่วงเป็นพิเศษหรือไม่ นอกจากที่วัดเชิงท่า นางสุกุมลกล่าวว่า ที่ยูเนสโกมาดู ก็เป็นการดูเบื้องต้น และวันที่ 18 ธ.ค. ทางญี่ปุ่นก็จะส่งมาอีกชุดหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าเรามีการพูดคุยกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญของไทย และยูเนสโก เพราะไทยผู้เชี่ยวชาญของไทยก็มีประสบการณ์ในการฟื้นฟูโบราณสถานมาค่อนข้างมาก และถือเป็นการนำเทคนิคใหม่ๆ มาให้กับผู้เชี่ยวชาญเมืองไทยได้รับทราบ
สำหรับงบประมาณ ได้มีการเสนอต่อครม.ไปแล้ว 1,477 ล้าน ซึ่งจะครอบคลุมโบราณสถานถึง 313 แห่ง เป็นการฟื้นฟูเบื้องต้น และต้องขอเชิญชวนทุกภาคส่วน ซึ่งก็รอในเรื่องของมาตรการลดหย่อนภาษีด้วยว่า ทางกระทรวงการคลังจะอนุมัติมาที่จำนวนเท่าใด และหากมีความชัดเจนในเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีแล้ว ก็จะเดินหน้าเชิญชวน ไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือหน่วยงานอื่นที่จะมาช่วยกันฟื้นฟู