xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ยันดอกเบี้ยขาขึ้น หวังศก.ไทยฟื้นตัวเร็ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภายหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.25% นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังเป็นขาขึ้น เพราะอัตราเงินเฟ้อถือว่ายังอยู่ในระดับสูง เพียงแต่ยังไม่ได้เร่งตัวขึ้นมาเร็วนัก
ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 4.19% แต่ผลสำรวจคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อภาคธุรกิจ ยังมองในระดับที่มีเสถียรภาพ ทำให้ธปท.มีพื้นที่ในการทำนโยบายการเงินผ่อนคลาย กลับกันหากภาคธุรกิจมีการซ่อมแซมและมีการใช้เงินจำนวนมาก ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโต
"ที่เราเรียกว่า output gap ตอนไตรมาส 3 ปิดลง เพราะการขยายตัวเศรษฐกิจต่ำไม่เป็นไปตามศักยภาพ ธปท.เคยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวตามศักยภาพ แต่จากน้ำท่วมทำให้เลื่อนออกไป ตอนนี้มองว่าไตรมาส 2 ปีหน้า output gap จะกลับมา เศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวตามศักยภาพ"
ทั้งนี้ การที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยหลังจากกนง.ลดดอกเบี้ยไปแล้วนั้น คงต้องรอระยะหนึ่ง เพราะขณะนี้สภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ดังนั้น การใช้ระยะเวลาส่งผ่านนโยบายไปยังตลาดต้องใช้เวลา ตอนนี้มีปัจจัยต่าง ๆ 2 ทิศทาง คือนโยบายการผ่อนคลาย และทิศทางนโยบายการเงินไม่ถึงกับชัดเจนเต็มที่ ดังนั้นธนาคารพาณิชย์ก็คงรอประเมินสถานการณ์อยู่
นายประสารย้ำว่า การทำนโยบายการเงินครั้งล่าสุด ไม่อยากส่งสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยเยอะ ๆ ถ้าลดเยอะแล้วปรับขึ้นอีก ก็ทำให้จะไม่มีความเชื่อมั่นต่อนโยบาย ตอนนี้ต้องติดตามหากมีความจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยลงอีกตามที่กนง.แถลงข่าวไป ก็จะลดดอกเบี้ยอีก แต่ถ้าเกิดเป็นไปตามที่ ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในช่วงไตรมาส 2/55 ดอกเบี้กย็จะกลายเป็นอีกทิศทางหนึ่ง
สำหรับภาวะเศรษฐกิจปี 55 ธปท.มองว่าอุปสงค์และการลงทุนภาคเอกชนจะมีส่วนกระตุ้นให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนเช่นเดียวกับปีนี้ โดย ธปท.มองไว้ที่ 4.8% สูงกว่าคาดการณ์เมื่อ ต.ค.ที่ผ่านมา แต่การผลิตจะกลับมาขยายตัวเต็มกำลังช่วงไตรมาส 3/55 และไตรมาส 4/55
ด้านปัจจัยเสี่ยงจะมาจากเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐที่ไม่แน่นอนสูง หากเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำก็จะกระทบกับการส่งออกของไทย ซึ่งปีนี้มองว่าส่งออกจะขยายตัวเหลือ 8% จากเดิมคาดไว้ 17-20% แต่ข้อต่อทางเศรษฐกิจต่างประเทศมีความเชื่อมโยงกัน และขณะนี้มีความซับซ้อนพอสมควร ขณะที่ไทยมีการค้าขายในภูมิภาคมากขึ้น และลดการพึ่งพาการส่งออกยุโรป ทำให้รอบนี้ผลกระทบจึงไม่น่าจะมีมากนัก
"ธปท.ต้องติดตามดูแลข้อต่อด้านตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด เพราะตลาดดอลลาร์ยังคลุมเครือจากความกังวลว่าจะเกิดผลกระทบ ขณะที่กรณีธนาคารกลาง 6 ชาติจับมือกันเพิ่มสภาพคล่องไม่มีผลต่อค่าเงิน และกรณีสถาบันจัดอันดับสแตนดาร์ดแอนด์พัว (S&P)ระบุอาจจะพิจารณาปรับลดเครดิตความเชื่อถือก็ไม่กระทบกับเศรษฐกิจและค่าเงินบาทของไทย เศรษฐกิจขณะนี้ไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินการคลังเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจระยะสั้น คงต้องเก็บไว้ใช้เพื่อเป็นกระสุนในยามจำเป็นฎ
นายประสารกล่าวว่า แม้ตลาดเงินไทยผันผวน แต่ ธปท.ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซงตลาดมากเท่าไหร่ ส่วนการที่ S&P ลดอันดับ 15 แบงก์ ไม่ได้มีผลต่อตลาดเงินในไทยมากนัก เพราะธปท.เห็นปัญหามาก่อนหน้านี้แล้ว เชื่อว่าไม่กระทบกับเศรษฐกิจไทย เพราะไทยถือพันธบัตรสกุลยูโรน้อยมาก
ส่วนกรณีเงินบาทแข็งค่าไม่ได้ผิดปกติ เพราะก่อนหน้านี้มีการเทขายสินทรัพย์ที่เป็นยูโรเพื่อวิ่งไปหาดอลลาร์ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนดอลลาร์แข็ง แต่หลังจากมีมมาตรการทำให้คนเชื่อมั่นแล้ว เชื่อว่าจะทำให้ดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า ขณะนี้ตลาดเงินมีความผันผวนต่อข่าวค่อนข้างมาก จึงต้องระมัดระวัง .
กำลังโหลดความคิดเห็น