ASTVผู้จัดการรายวัน-ฟันธงเศรษฐกิจไทยปีหน้าโตไม่หวือหวา มีโอกาสแค่ 4-5% เหตุได้รับผลกระทบน้ำท่วม บวกกับปัญหาหนี้ในยุโรป เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกชะลอตัวซ้ำเติม ชี้หากรัฐบาลไม่เร่งกระตุ้นการใช้จ่ายและฟื้นลงทุน โอกาสขยายตัวยิ่งต่ำ แนะควรลดดอกเบี้ย 0.5% แทนที่จะลดแค่ 0.25% เหตุต้องให้ยาแรง ส่วนผลสำรวจผู้ประกอบการพบจมน้ำกันถ้วนหน้า คาดใช้เวลาฟื้นฟูธุรกิจ 4-5 เดือน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2555 มีโอกาสที่จะเติบโตได้เพียง 4-5% ไม่น่าจะขยายตัวได้สูงมากอย่างที่หลายฝ่ายประเมินเอาไว้ เพราะหลังจากภาวะน้ำท่วมในไทยที่ได้สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าประมาณ 3.5 แสนล้านบาท หรือกระทบต่อการขยายตัวของจีดีพี 3.1-3.4% และทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2554 ขยายตัวเหลือ 1.5-2%
ส่วนในปีหน้า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับผลกระทบของปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและซึมตัวในช่วงครึ่งปีแรก 2555 ซึ่งจะทำให้การส่งออกปีหน้าขยายตัวเพียง 8-10% จากปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 15-17% และปัญหาราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้นเฉลี่ย 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเงินบาทแข็งค่าต่ำกว่า 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
"น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีนี้ และต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า และไทยอาจจะต้องสูญเสียรายได้จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา 1-2 แสนล้านบาท ดังนั้น หากภายในไตรมาสแรกปีหน้า รัฐบาลไทยยังไม่อาจกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและสร้างความมั่นใจต่อการลงทุนให้ฟื้นตัวได้ตามปกติแล้ว ขณะที่ปัญหาหนี้ในยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐฯ รุนแรงเกิน 6 เดือน โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเหลือ 3-4% ก็เป็นไปได้"นายธนวรรธน์กล่าว
ทั้งนี้ เห็นว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นวันนี้ (30 พ.ย.) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายลงมาเพียง 0.25% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าว หากไม่มีปัญหาน้ำท่วมสามารถรับได้ แต่กรณีที่มีปัญหาน้ำท่วมเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการฟื้นตัวได้ทันในไตรมาส 1 เนื่องจากดอกเบี้ยถือว่าต้นทุนธุรกิจอย่างหนึ่ง และการปรับลดดอกเบี้ยทันที เร็วและแรง จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจผู้ประกอบการ ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย.2554 จำนวน 701 ราย ถึงสถานภาพธุรกิจไทยไตรมาส4/2554 และปี 2555 ว่า ผู้ประกอบการ 92.7% ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งต้องปิดกิจการชั่วคราวจากการเป็นพื้นที่น้ำท่วม มีปัญหาเรื่องแหล่งวัตถุดิบ และต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น โดยสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายกรณีไม่มีรายได้ประมาณ 2-3 เดือน และคาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวเหมือนเดิมน่าจะใช้เวลา 4-5 เดือน ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าน่าจะขยายตัวได้เพียง 1.5-2.5% เท่านั้น
ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลดำเนินการในปัจจุบัน ขอให้เน้นการดูแลและช่วยเหลือธุรกิจที่ประสบภัย คือ ต้องการเงินชดเชย เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ลดภาษีให้กับผู้ประสบอุทกภัย ให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2555 มีโอกาสที่จะเติบโตได้เพียง 4-5% ไม่น่าจะขยายตัวได้สูงมากอย่างที่หลายฝ่ายประเมินเอาไว้ เพราะหลังจากภาวะน้ำท่วมในไทยที่ได้สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าประมาณ 3.5 แสนล้านบาท หรือกระทบต่อการขยายตัวของจีดีพี 3.1-3.4% และทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2554 ขยายตัวเหลือ 1.5-2%
ส่วนในปีหน้า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับผลกระทบของปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและซึมตัวในช่วงครึ่งปีแรก 2555 ซึ่งจะทำให้การส่งออกปีหน้าขยายตัวเพียง 8-10% จากปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 15-17% และปัญหาราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้นเฉลี่ย 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเงินบาทแข็งค่าต่ำกว่า 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
"น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีนี้ และต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า และไทยอาจจะต้องสูญเสียรายได้จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา 1-2 แสนล้านบาท ดังนั้น หากภายในไตรมาสแรกปีหน้า รัฐบาลไทยยังไม่อาจกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและสร้างความมั่นใจต่อการลงทุนให้ฟื้นตัวได้ตามปกติแล้ว ขณะที่ปัญหาหนี้ในยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐฯ รุนแรงเกิน 6 เดือน โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเหลือ 3-4% ก็เป็นไปได้"นายธนวรรธน์กล่าว
ทั้งนี้ เห็นว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นวันนี้ (30 พ.ย.) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายลงมาเพียง 0.25% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าว หากไม่มีปัญหาน้ำท่วมสามารถรับได้ แต่กรณีที่มีปัญหาน้ำท่วมเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการฟื้นตัวได้ทันในไตรมาส 1 เนื่องจากดอกเบี้ยถือว่าต้นทุนธุรกิจอย่างหนึ่ง และการปรับลดดอกเบี้ยทันที เร็วและแรง จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลสำรวจผู้ประกอบการ ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย.2554 จำนวน 701 ราย ถึงสถานภาพธุรกิจไทยไตรมาส4/2554 และปี 2555 ว่า ผู้ประกอบการ 92.7% ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งต้องปิดกิจการชั่วคราวจากการเป็นพื้นที่น้ำท่วม มีปัญหาเรื่องแหล่งวัตถุดิบ และต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น โดยสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายกรณีไม่มีรายได้ประมาณ 2-3 เดือน และคาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวเหมือนเดิมน่าจะใช้เวลา 4-5 เดือน ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าน่าจะขยายตัวได้เพียง 1.5-2.5% เท่านั้น
ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลดำเนินการในปัจจุบัน ขอให้เน้นการดูแลและช่วยเหลือธุรกิจที่ประสบภัย คือ ต้องการเงินชดเชย เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ลดภาษีให้กับผู้ประสบอุทกภัย ให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
