บลจ.กรุงไทยส่งกองทุน "กรุงไทยธนทรัพย์ บี 21" ลงทุน 3 เดือนให้ผลตอบแทน 3.00 - 3.20% ต่อปี เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 7 ธันวาคม 2554 ขณะที่บลจ.แอสเซท พลัสเปิดขายและรับซื้อคืนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 2 (ASP-TFIXED2) รอบใหม่วันที่ 6 ธ.ค.นี้ ลงทุน 6 เดือนให้ยิลด์3.25% ต่อปี
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 21 ( KTSUPB21 )ในวันที่ 30 พฤศจิกายน - 7 ธันวาคม 2554 เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศอายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยกองทุนจะเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนน ประกอบด้วยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝาก /ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย และตัวแลกเงินบริษัทเอกชนไทยส่วนที่เหลือในตราสารหนี้ต่างประเทศได้แก่ เงินฝากประจำ Union National Bank ( UNB ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00 - 3.20% ต่อปี
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2554เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 80%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี
ส่วนภาวะตลาดตราสารหนี้ ในสัปดาห์นี้อยู่ในระหว่างการรอผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลง 0.25 - 0.50 % จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.50 % ซึ่งที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรทยอยปรับลดลงและสถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากผลกระทบการเกิดมหาอุทกภัยที่กระทบต่อภาคการผลิต การจ้างแรงงาน การลงทุน และการบริโภค ประกอบกับ ความกังวลต่อปัจจัยภายนอก จากปัญหาเศรษฐกิจและการจัดการปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรปซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะซบเซาอย่างน้อยในครึ่งแรกของปี 2555
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสิ้นเดือนนี้ เนื่องจาก ผลกระทบจากมหาอุทกภัยมีความเสียหายมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หลายหน่วยงานมีการปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP ประเทศของปีนี้ลง ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าน่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.00% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการบริโภคของภาคประชาชนที่น่าจะปรับตัวขึ้นหลังจากน้ำลด
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทฯ จะยังคงเน้นเลือกลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ที่มีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน และบริษัทเอกชนไทยคุณภาพดีของไทย เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร โดยแนะนำให้ลงทุนระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 3-6 เดือน ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวจนถึงปีหน้า โดยในวันที่ 6 ธันวาคม บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 2 (ASP-TFIXED2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้ จะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ตั๋วแลกเงินธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินของไทย อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.25% ต่อปี