ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดกระหน่ำซ้ำประเทศไทยมานานหลายเดือน จนทำให้ประชาชนคนไทยกว่าครึ่งค่อนประเทศต้องเดือดร้อนแสนสาหัส นับแสนครอบครัวต้องสูญเสียทรัพย์สิน บ้านจมน้ำ คนเป็นล้านต้องมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ตัวเลขผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งค่อนพันราย ผลลัพธ์จากวิกฤติอุทกภัยทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมยากจะประเมินค่า
แม้จะเป็นความจริงอันโหดร้ายที่คนไทยเกือบทั้งประเทศต้องเผชิญชะตากรรมนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนจำเลยที่จะต้องเอ่ยอย่างเสียมิได้ย่อมไม่พ้นก็คือ รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาบุคคลในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม หรือศปภ. ที่ได้แสดงผลงานการบริหารประเทศได้บรมห่วยเหนือคำบรรยาย
และคงจะไม่เกินเลยไปนัก ถ้าจะกล่าวว่า ในยุคที่น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คือยุคที่ประชาชนชาวไทยได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากมหาอุทกภัยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หลักฐานเชิงประจักษ์ก็คือประชาชนในหลายจังหวัดต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางภัยน้ำ ที่มาถึงจนวันนี้ความเดือดร้อนในบางพื้นที่ก็ยังไม่ได้จางไป
เรียกว่าไม่ว่าจะมองจากมุมไหน หรือพิจารณาจากมุมใด ก็แทบจะไม่เห็นการทำงานให้เป็นชิ้นเป็นอันแบบจับต้องได้เสียแต่อย่างเดียวในเรื่องการแก้ปัญหาอุทกภัยของ ผู้นำประเทศที่ชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้แต่เสี้ยวเดียว ซึ่งเชื่อขนมกินได้เลยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่ประสบภัยน้ำท่วมคงจะจำการบริหารประเทศในวิกฤตของรัฐบาลชุดนี้อย่างไม่มีวันลืมแน่นอน
แต่แล้วเรื่องราวอันพิลึกกึกกือและสุดแสนมหัศจรรย์ชวนให้น่าสมเพชก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวน ดุสิต สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,506 คน ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย. เรื่อง“ที่สุด”ของ“น้ำท่วมใหญ่”กับ“การเมืองไทย” โดยมีประเด็นที่น่าสนใจหลายด้านด้วยกัน
อาทิ น้ำท่วมมีผลดีต่อการเมืองไทย อันดับแรกคือทำให้เกิดความสามัคคี ช่วยเหลือและแก้ปัญหาน้ำท่วม รองลงมาได้เห็นถึงความตั้งใจและบทบาทหน้าที่ในการทำงานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและเป็นการกระตุ้นให้ภาครัฐเร่งหาแนวทางป้องกันแก้ไขอย่างจริงจัง ส่วนน้ำท่วมมีผลเสียต่อการเมืองไทย อันดับแรกภาพลักษณ์ทางการเมืองในสายตาของชาวต่างชาติและนักลงทุนแย่ลง รองลงมาแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่มาจากความคิดเห็นในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ไม่ตรงกัน และการทำงานของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร/ประชาชนขาดความเชื่อมั่น
สำหรับนักการเมืองไทยที่ประชาชนประทับใจในการช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาน้ำท่วมมากที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 39.20 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 25.87 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 21.33 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร้อยละ 13.60 ส่วนประชาชนคิดอย่างไรกับการเมืองไทยหลังน้ำลด ร้อยละ 58.59 ระบุยังคงเห็นภาพการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้านเหมือนเดิม ร้อยละ 21.64 ระบุรัฐบาลต้องเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูประเทศอย่างเต็มที่ และร้อยละ 19.77 ระบุอาจมีการเคลื่อนไหว/ชุมนุมของผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังไม่พอใจกับการช่วยเหลือของรัฐบาล สิ่งที่ประชาชนอยากให้นักการเมืองทำหลังน้ำลด ร้อยละ 48.62 ระบุเร่งให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาให้มากขึ้น ร้อยละ 31.85 การร่วมมือร่วมใจกันทำงานอย่างเต็มที่/การติดต่อสื่อสารและการประสานงาน ที่ดี ร้อยละ 19.53 ระบุการหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมระยะยาว
ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือนักการเมืองไทยที่ประชาชนประทับใจในการช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาน้ำท่วมมากที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 39.20 เรียกว่าค้านความรู้สึกประชาชนไม่น้อยเช่นกัน เพราะกว่าจะพอนึกออกถึงความสำเร็จแบบเป็นชิ้นเป็นอันก็แทบจะหาไม่เจอ เท่าที่จำได้เห็นจะมีเพียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำการย่างกรายเหยียบเยือนประชาชนตามต่างจังหวัดในขณะที่น้ำท่วมไปกว่าระดับบ้านชั้นสองเรียบร้อยแล้ว หรือจะเป็นตรวจเยี่ยมชาวบ้านด้วยการสวมรองเท้าแบรนด์เนมยี่ห้อเบอร์เบอรี่ ราคาเหยียบคู่ละสองหมื่น ลงตรวจน้ำท่วมท่ามกลางการใช้ชีวิตอย่างยากลำบากของประชาชน หรือจะเป็นเอาแต่นั่งอยู่แต่บนเฮลิคอปเตอร์ ส่องลงมาดูพื้นที่น้ำท่วม ลงน้ำอยู่ไม่กี่วัน พร้อมอธิบดี ข้าราชการที่เกี่ยวข้องด้านน้ำ อธิบายการแก้ไขปัญหาต่างๆ ส่วนจะรู้เรื่องด้วยหรือเปล่านั้นก็มิอาจทราบได้
และยิ่งย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อไปดูผลสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ก็ทำเอาประชาชน งงเป็นไก่ตาแตกไปตามๆ กัน เมื่อเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง "การเมืองกับภัยพิบัติน้ำท่วมและทางออกในสายตาของสาธารณชน" ศึกษาตัวอย่างจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัด 2,419 ตัวอย่าง ปรากฏกว่า75.0% ไม่คิดว่ามีนักการเมืองคนใดจะสามารถทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ดีกว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เรียกว่า ค้านความรู้สึกของประชาชนที่ติดตามข่าวสารการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลมากเพียงใด คงต้องย้อนกลับไปถามว่า ตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เคยทำสิ่งใดสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันในการแก้ปัญหาน้ำท่วมเสียมากกว่า
ถามหน่อยเถิดว่า บางระกำโมเดล ที่เคยอวดนักอวดหนาว่าเป็นสุดยอดโมเดลแก้ไขน้ำท่วม มาถึงวันนี้หน้าตาเป็นอย่างไร
ถามหน่อยเถิดว่า กรณีแนวคิดการวางกระสอบทราย หรือบิ๊กแบ็ก ที่เกิดปัญหารุมเร้าประชาชนบริเวณนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยวางแนวทางไว้อย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่
แน่นอน ผลโพลดังกล่าวที่ออกมาจะค้านสายตาประชาชนและสวนทางกับความเป็นจริงทุกประการแล้ว ก็ย่อมต้องถูกตั้งคำถามว่าเป็นปฏิบัติการอุ้มรัฐบาลปูแดงในห้วงความน่าเชื่อถือของการบริหารประเทศ กำลังสาละวันเตี้ยลงดำดิ่งไปอยู่ก้นเหวทุกขณะหรือไม่
และยิ่งกลับย้อนไปฟังคำสัมภาษณ์ ของทาสผู้ซื่อสัตย์กับตระกูลชินวัตร อย่างร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ดูจะเข้าเค้ากันอย่างเหมาะเจาะดิบดี เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่าโพลหลายสำนักให้คะแนนการแก้ปัญหาน้ำท่วมของศปภ.และรัฐบาล สอบตก รองนายกฯ กล่าวว่า เอแบคโพลล์ระบุว่าประชาชนมั่นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 75 และระบุว่าไม่เห็นใครดีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตรงนี้ยังพอได้อยู่
ไม่เว้นแม้แต่ อนุสรณ์ อมรฉัตร สามี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังคงออกมารับลูกว่า "ทุกวันนี้นายกฯก็ทำดีที่สุดแล้ว เมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ยังพูดคุยเรื่องผลโพล ล่าสุดบอกว่าประชาชนประทับใจกับการช่วยเหลือน้ำท่วมของนายกฯ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์บอกว่าดีใจที่ออกไปทำ ไปเหนื่อย แล้วประชาชนเห็น ทั้งนี้ ในเรื่องงานและปัญหาน้ำท่วมนั้นนายกฯ จะพูดคุยกับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ.อยู่เสมอ โดยไม่ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"
และแน่นอน ขบวนการคนเสื้อแดงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของรัฐบาล ย่อมจะไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง หลักฐานชัดๆ ก็คือ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 500 คน รวมตัวกันบริเวณสี่แยกราชประสงค์ก่อนที่จะเดินทางยังรัฐสภาด้วยรถบัสจำนวน 7 คัน เพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)
ทั้งนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการสอดรับอย่างเหมาะเจาะ เพราะเป็นวันที่รัฐบาลถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีการทุจริตถุงยังชีพและการบริหารที่ล้มเหลวผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัย แน่นอนการกระทำของนายขวัญชัย ย่อมหวังผลให้สังคมเข้าใจได้ว่ายังมีประชาชนให้การหนุนหลังรัฐบาลอยู่ แต่ไม่ว่าจะพิจารณามุมใดก็ไม่ได้ต่างจากการสร้างภาพว่ายังมีประชาชน พออกพอใจกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้อยู่
ขณะเดียวกันจะเรียกว่าบังเอิญสุดขีดหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ เพราะในขณะที่คะแนนนิยมของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับปัญหาอุทกภัยนับวันจะยิ่งดิ่งลงเหวแบบกู่ไม่กลับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เกิดอาการป่วยแบบกะทันหัน เนื่องจากมีอาการท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรง จนต้องเข้าพักเพื่อรักษาอาการที่โรงพยาบาลพระรามเก้า และแน่นอนก็มีบรรดาคนเสื้อแดงยกโขยงไปให้กำลังใจเหมือนเคย
จากนั้นก็หอบสังขารขึ้นเครื่องบินเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เรียกว่างานนี้โกยคะแนนความสงสารจากคนเสื้อแดงได้อีกเป็นกระบุงโกย เสมือนว่าเธอช่างเป็นผู้นำประเทศที่ทำงานหนักจนต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาล และพอออกจากโรงพยาบาลก็ถึงกับต้องปฏิบัติภารกิจต่อทันทีทันใด
ทว่า ความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คงจะรู้อยู่แก่ใจและจะปฏิเสธความเป็นจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ว่า เป็นจำเลยหลักในการบริหารจัดการน้ำชนิดล้มเหลวไม่เป็นท่า หลักฐานคือภาพความเดือดร้อนแสนสาหัสของชาวบ้านจำนวนมากในแต่ละวันที่มีขึ้นผ่านสื่อเป็นเวลาเกือบสองถึงสามเดือนก่อนหน้านี้ ผสมปนเปกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนทั่วบ้านทั่วเมือง ตลอดจนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบ สร้างแรงกระแทกทำให้หัวขบวนตั้งแต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปจนถึงบรรดาคนใน ศปภ.ต่างซวนเซ แทบเสียศูนย์ ครั้งแล้วครั้งเล่า เรียกว่าจมน้ำตายซ้ำตายซากไม่รู้จะกี่รอบ
แน่นอนผลโพลที่เกิดขึ้น หรือไม่ว่าแกนนำคนเสื้อแดงจะขนคนออกมาให้กำลังใจแก่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมากแค่ไหน เพราะในความเป็นจริง เธอก็ยังเป็นแค่ผู้นำประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภาวะผู้นำ ไม่มีบารมี ไม่เด็ดขาด และไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยเสียอย่างเดียว
และจะว่าไปความเป็นผู้นำประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ตายไปจากความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไปตั้งนานนมแล้วด้วยซ้ำ