xs
xsm
sm
md
lg

โรคซ้ำกรรมซัด

เผยแพร่:   โดย: ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต

“...ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา” บทกลอนของท่านสุนทรภู่ท่อนนี้คงโดนใจคนไทยหลายๆ คนในขณะนี้ที่กำลังอึดอัด เก็บกด และช้ำใจกันอยู่ ในยามที่พี่น้องประชาชนนับล้านคนกำลังประสบภัยพิบัติจากอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ ด้วยความบกพร่องของน้ำมือมนุษย์ที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง บางพื้นที่ในต่างจังหวัดเริ่มน้ำลด แต่ชาวบ้านก็หมดเนื้อหมดตัวไปตามๆ กัน ในขณะที่บ้านของคนกรุงเทพฯ อีกหลายล้านคนยังจมอยู่ในน้ำ และอีกหลายแสนคนที่ยังคงนั่งคอยเฝ้าระวังการมาถึงของน้ำด้วยความกระวนกระวายใจ ไม่มีใครบอกได้ว่าน้ำจะมาเมื่อไหร่ ท่วมสูงแค่ไหน และอยู่ไปอีกนานเท่าไหร่

ในขณะที่เทคโนโลยีของโลกล้ำหน้าไปไกล แต่เทคนิคการป้องกันน้ำท่วมแบบไทยๆ ก็ยังคงใช้แค่ถุงทรายกับแผ่นพลาสติกเป็นหลัก และใช้พลุเป็นสัญญาณเตือนภัยเช่นเดียวกับสมัยอยุธยาเมื่อ 400 ปีที่ผ่านมา

เรามีผู้ทรงความรู้เต็มบ้านเต็มเมือง มีสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่วางแผนให้ประเทศของเราเดินมาถึงจุดนี้ได้ ปัญหาที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งซึ่งมีส่วนทำให้ประเทศชาติใกล้จะล่มจมทุกวันนี้ก็คือคุณภาพและประสิทธิภาพของนักการเมืองในระบอบที่เรียกว่า ประชาธิปไตย เราเรียนรู้อะไรบ้างกับระยะเวลา 79 ปีแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่อ้างว่าดีที่สุด

การที่ ครม.ได้มีการประชุมลับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และผ่านร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2554 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา โดยมีการเผยแพร่ทางสื่อมวลชนทั่วไปว่าในครั้งนี้รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แก้ไขหลักการสำคัญของกฎหมาย โดยเปิดโอกาสให้นักโทษหนีคดีเช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับผลจากกฎหมายฉบับนี้ด้วย การกระทำในครั้งนี้มีการวางแผนเตรียมการกันมานานแล้ว จากการยอมรับของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีซึ่งเคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน สอดคล้องกับมวลชนคนเสื้อแดงที่มีแกนนำออกมาปกป้องรัฐบาล และให้ความชอบธรรมในการช่วยเหลือทักษิณโดยเอานักโทษจำนวนกว่า 2 หมื่นคนมาบังหน้า

สิ่งสำคัญที่ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจก็คือ การกดดันให้พระมหากษัตริย์ต้องทรงลงพระปรมาภิไธยในกฎหมายที่ผิดจากหลักธรรมาภิบาลและจารีตประเพณีที่เคยทำกันมา ซึ่งแต่เดิมการอภัยโทษจะไม่ให้สิทธิแก่นักโทษในคดียาเสพติดและคดีคอร์รัปชัน แต่กฎหมายอภัยโทษฉบับนี้ได้แก้ไขหลักการเดิม โดยเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาคดีร้ายแรงดังกล่าวให้เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษ ทั้งนี้เพื่อเปิดช่องให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

การซ่อนเร้นวาระการประชุม ครม.เป็นวาระจรซึ่งจะไม่มีใครทราบล่วงหน้า ทั้งๆ ที่โดยหลักการแล้วจะต้องผ่านการเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีก่อนเท่านั้นจึงจะนำเข้าเป็นวาระจรได้ การวางแผนไปเยี่ยมชาวบ้านของนายกฯ และจำเป็นต้องค้างคืนโดยอ้างว่าเครื่องบินบินกลับตอนกลางคืนไม่ได้ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะระยะทางจากสิงห์บุรีกลับมายังกรุงเทพฯ โดยรถยนต์สามารถทำได้ เนื่องจากถนนก็มีรถวิ่งผ่านได้มานานแล้ว เครื่องบินถูกขอทำภารกิจไว้ 2 วัน แสดงให้เห็นถึงการวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และไม่ใช่เรื่องปกติที่นายกฯ จะต้องมาโกหกหน้าตายกับประชาชนหากไม่มีวาระซ่อนเร้น

การเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคุณยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการเข้ามาเพื่อทำภารกิจสำคัญ นั่นก็คือการเร่งดำเนินการหาวิธีนำพี่ชายกลับบ้านให้ได้โดยเร็ว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีจึงยอมเป็นทัพหน้าในการทำเรื่องพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงและหมิ่นเหม่ต่อการกระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอย่างสูง

ไม่มีใครห้ามไม่ให้คุณทักษิณกลับเข้าประเทศไทย เพราะเมื่อหลังการเลือกตั้งในปี 2550 คุณทักษิณก็เคยกลับเข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว แต่หลังจากต่อสู้คดีซึ่งรู้ว่าต้องติดคุก จึงได้หนีคดีไปก่อนที่ศาลจะพิพากษาเสียอีก แต่ก็เที่ยวไปกล่าวร้ายต่อกระบวนการยุติธรรมไทย โดยหาว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้งโดยใช้อำนาจทางศาล เวลาคนเสื้อแดงพูดถึงความผิดของคุณทักษิณที่ถูกตัดสินจำคุกก็มักจะบอกว่าถูกกลั่นแกล้ง “เมียซื้อที่ดิน แล้วผัวจะต้องมาติดคุกได้อย่างไร” เมื่อพูดแบบนี้ชาวบ้านที่ไม่ทราบในรายละเอียดและข้อเท็จจริงของคดีก็เข้าใจว่าถูกกลั่นแกล้งจริง เรียกคะแนนความสงสารได้มาก

แต่ในความเป็นจริงแล้วคดีความของคุณทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวยังมีอีกมากมาย ที่ถูกตัดสินไปแล้วนั้น ยังเป็นเพียงแค่คดีแรก รัฐบาลที่ผ่านๆ มาก็ไม่พยายามอธิบายให้ประชาชนทราบถึงความผิดต่างๆ ที่คุณทักษิณได้กระทำไว้ เพียงเรื่องที่ดินรัชดาฯ ก็ควรชี้แจงให้เข้าใจได้ว่าในขณะที่คุณทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศ ดูแลหน่วยงานราชการทุกกระทรวง เมื่อคุณหญิงพจมานผู้เป็นภรรยาไปซื้อที่ดินของหลวง ซึ่งสามีเป็นผู้ดูแลในราคาประมูลที่ไม่มีใครกล้าแข่งกับเมียนายกฯ ด้วยราคา 700 ล้านบาทเศษ

ดังนั้นสามีภรรยาซึ่งจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายก็เท่ากับเป็นบุคคลคนเดียวกัน ถ้าซื้อที่ดินทั่วไปก็คงไม่มีความผิด แต่นี่เป็นที่ดินของเอกชนที่ตกเป็นของรัฐไปแล้ว นายกฯ มีหน้าที่ต้องดูแลที่ดินแปลงนี้ แต่กลับยินยอมให้เมียซื้อเสียเอง ก็เท่ากับตนเองมีผลประโยชน์ร่วมด้วยครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดเพราะถือว่าเป็นการคอร์รัปชันอย่างหนึ่ง ศาลจึงตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ” ความผิดชัดเจนเช่นนี้คงไม่มีใครไปกลั่นแกล้งหรือสั่งให้ศาลตัดสินได้

เมื่ออำนาจตุลาการได้ตัดสินสิ้นสุดไปแล้ว แต่ฝ่ายบริหารกลับมาออกกฎหมายแก้เพื่ออภัยโทษให้กับคนที่ไม่เคยสำนึกว่าตนผิด ไม่ยอมมารับโทษ ก็เท่ากับใช้อำนาจบริหารมาล้มล้างอำนาจตุลาการ เป็นการกระทำที่เลวทรามและทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตย

แค่น้ำท่วมอย่างเดียวก็ลำบากกันมากพอแล้ว ยังมีคนชั่วที่จ้องจะงัดแงะโจรกรรมทรัพย์สินซ้ำเติมให้เดือดร้อนหนักเข้าไปอีก และที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือการที่รัฐทำตัวเป็นโจรเสียเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศไทยจะอยู่กันอย่างสงบสันติได้อย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น