“ผมมีลางสังหรณ์อยู่แล้วว่า ทำไมนายกฯ ปูถึงแกล้งไม่มาประชุม ครม. อ้างว่า ฮ.ไม่มีเรดาร์ ปรากฏว่าวันนี้ ครม.มีการประชุมลับ ไล่เจ้าหน้าที่ออกจากห้องหมด และมีการผ่าน พ.ร.ฎ.อภัยโทษเรียบร้อยแล้ว เป็นวันที่เศร้าที่สุดวันหนึ่งของประเทศไทย”
นี่คือข้อความที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กช่วงบ่ายวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ภายหลังมีข่าวสะพัดว่าที่ประชุม ครม.ในวาระจรและปิดลับผ่านร่าง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งเอื้อให้นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศสามารถกลับเข้าไทยได้แบบไม่ต้องติดคุกติดตาราง
จากนั้นแม่ยกประชาธิปัตย์ที่ชอบดูแต่เรียลลิตีโชว์ก็แห่แหนเข้าไปให้กำลังใจแก๊งไอติมเป็นทิวแถว โดยไม่ใส่ใจที่มาที่ไปของกฎหมายฉบับนี้ว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์สมัยที่แล้วนั่นแหละตั้งเรื่องใส่พานไว้ให้กับรัฐบาลนี้ ดังนั้นสิ่งที่นายศิริโชคสมควรเศร้าและก็เขกหัวตัวเองมากที่สุดคือ ในฐานะวอลล์เปเปอร์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ทำไมไม่ผลักดันให้จัดการระบอบทักษิณแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในช่วงที่ตนมีอำนาจ
เห็นละครที่พลพรรคประชาธิปัตย์เล่นแล้วก็ให้รู้สึกอนาถใจ แต่ก็เป็นการยืนยันได้อย่างหนักแน่นว่า การเมืองแบบไทยๆ นี่มันช่าง “กลวง” ได้ใจเสียจริงๆ
หันมาดูมหาอุทกภัยที่ทำให้เกิดสึนามิน้ำจืดคืบคลานเข้าถล่มกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชนิดที่ต้องจับตากันด้วยใจระทึกแบบวันต่อวัน หรือชั่วโมงต่อชั่วโมง นี่ก็เป็นอีกภาพชัดที่ตอกย้ำว่าสังคมไทยไม่ควรปล่อยให้บ้านเมืองตกอยู่ในกำมือการเมืองกลวงโดยที่เราไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว
การเมืองกลวงในที่นี้หมายเป็นได้ทั้ง “ระบบ” และ “บุคคล”
ระบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ นี่กลวงมาตั้งแต่ต้น เริ่มเมื่อปี 2475 ที่คณะราษฎร์เปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย ผ่านมาเพียง 79 ปีเรามีคณะรัฐประหารถึง 12 ชุด และก็มีกบฏอีก 11 ครั้ง แถมช่วงกว่าสิบปีมานี้ยังได้สร้างระบอบทักษิณให้เป็นมรดกตกทอดถึงปัจจุบัน
ในการเลือกตั้งทุกครั้งก็มากมายไปด้วยการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ระยะหลังๆ มานี้กลุ่มทุนสามานย์สามารถใช้เงินทุ่มลงไปในสนามเลือกตั้งเพื่อซื้อประเทศชาติได้สำเร็จ และยังชอนไชลงไปทำลายคุณธรรมการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อถึงฤดูโยกย้ายจึงเห็นข้าราชการประจำวิ่งวุ่นซื้อตำแหน่ง สุดท้ายระบบได้ทำให้ทั้งนักการเมืองและข้าราชการเอาประโยชน์ตนมากกว่าเพื่อประเทศชาติและประชาชน
ในส่วนของบุคคลก็กลวงมาตั้งแต่สังคมไทยมีนักการเมืองเลยก็ว่าได้ ที่ผ่านมาเราเห็นภาพนักการเมืองแทบไม่ต่างไปจากพวกเหล่านี้คือ คนกะล่อน ปลิ้นป้อน ซ่อนเงื่อนงำ มือถือสากปากถือศีล ปีศาจคาบคัมภีร์ ผีพนัน เจ้าของบ่อน นักค้ายา พวกเอาดีใส่ตัว เอาชั่วไปป้ายคนอื่น นักฉวยโอกาส โดยเฉพาะความเป็นนักสร้างภาพนี่ค่อนข้างจะปรากฏชัด
แม้รัฐบาลชุดใหม่จะทำงานได้เพียงกว่า 3 เดือน แต่ก็ได้แสดงความกลวงให้เห็นจนเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีฝึกงานของระบอบทักษิณ ที่ชอบโชว์ว่าใช้สินค้าแบรนด์เนมอันสื่อถึงการอบรมเลี้ยงดู สำเนียงดัดจริตที่บอกพื้นฐานความคิด และคำพูดคำจาที่ห่างไกลจากรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น
นอกจากนี้คำกล่าวทางการต่อสาธารณชนของเธอหลายครั้งก็หลุดสคริป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสมองก็น่าจะกลวงด้วย เช่น หญ้าแฝก-หญ้าแพรก, เรือดันน้ำ-เรือดำน้ำ, พฤศจิกาคม และล่าสุดชี้แจงงบประมาณกลางสภาฯ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน อ่านสคริปออกเสียงตัวเลข 53,918 ล้านบาทผ่านเรียวปากบางอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ห้าหมื่นสามแสนเก้าร้อยสิบแปดล้านบาท
จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะเป็นอนุสาวรีย์แห่งความกลวงของนักการเมืองไทย เมื่อหัวขบวนกลวง พวกที่ห้อมล้อมก็ไม่น่าจะแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นใน ศปภ. ครม. รวมถึง นปช. และบรรดาพลพรรคเพื่อไทย ซึ่งผู้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองสม่ำเสมอจะเห็นภาพยืนยันในเรื่องนี้ชัดเจน
ที่ผ่านมาการเมืองกลวงได้นำพาประเทศชาติและประชาชนเข้าสู่วิกฤตระลอกแล้วระลอกเล่า บาดแผลที่สังคมไทยได้รับจึงบอบช้ำระบมบ่มเป็นฝีกลัดหนองไปแทบจะทั้งตัว เกินเลยเวลาที่จะใช้ยาแก้อักเสบมารักษา ในเวลานี้มีแต่จะต้องใช้วิธีการบ่งหรือรอเวลาให้หนองแตกเอง เพื่อที่จะได้เอาความช้ำเลือดช้ำหนองออกให้หมดเสียก่อน แล้วให้ร่างกายของสังคมไทยได้มีโอกาสรักษาเยียวยาตัวเอง
แต่ ณ ห้วงเวลานี้ ผมยังไม่เห็นว่าจะมีใครหรือคณะใดที่จะมาบ่งหนองให้ได้ หรือว่าเราจะต้องรอไปจนกว่าฝีกลัดหนองอันสุดแสนปวดร้าวเจ็บลึกนี้ต้องถึงกาลแตกเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสังคมไทยจะต้องผจญกับวิกฤตอะไรอีกหลังมหาอุทกภัยผ่านพ้น แต่ในใจลึกๆ คิดว่าอาจจะรุนแรงจนสามารถทำให้ผิวหนังที่ห่อหุ้มหนองถึงกลับแตกระเบิดได้ ดังนั้นเราน่าจะเตรียมตัวเตรียมใจรับเหตุการณ์ในวันข้างหน้าไว้บ้างก็จะดี
ในคอลัมน์ “ด้ามขวานผ่าซาก” เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้เชิญชวนให้สังคมไทยหาโอกาสร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับการเมืองกลวงที่สุดจะเลวร้ายอีกต่อไปแล้ว โดยได้ยกตัวอย่างที่สามารถทำได้ง่ายๆ ก็คือนัดแนะวันและเวลาตีเกราะเคาะไม้ หรือเคาะหม้อไหที่เสียหายจากน้ำท่วมหรือไม่ใช้แล้ว ซึ่งถึงตอนนี้ผมก็ยังเห็นว่าน่าจะยังทำกันได้ต่อไปเรื่อยๆ
แล้วในวันที่นักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร จะกลับไทยหาก พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษฉบับใหม่มีผล ว่ากันว่าเขาอาจจะได้กลับมาช่วงหลังวันที่ 5 ธันวาคม เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของลูกสาวในวันที่ 12 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ผมเองก็อยากให้สังคมไทยได้มีโอกาสจัดกิจกรรมต้อนรับการกลับมาของเขาอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ หรือใครจะบอกว่าควรต้อนรับให้ “สมเกลียด” ก็ว่ากันเอาเองนะครับ.