ASTVผู้จัดการรายวัน - น้ำท่วมยังคงขยายวงกว้าง “สุขุมพันธุ์” สั่ง “หนองแขม-ภาษีเจริญ" อพยพ ส่วน จตุจักรไปทั้งเขต ชุมชนวิภาฯ 11 เดือด ทั้งหนุนทั้งค้าน ศปภ.โต้กันเดือด ขณะที่น้ำมุดท่อระบายเอ่อซอยบ้าน “ยิ่งลักษณ์" เจ้าตัวมั่นใจ “บิ๊กแบ็ก” เอา กทม.ชั้นในอยู่! ปัดย้าย ศปภ.ไปไบเทค “มาร์ค” เตือนอย่าเพิ่งวางใจ "บิ๊กแบ็ก" เหตุมวลน้ำจ่อถล่ม กทม.ฝั่งใต้
สถานการณ์น้ำเอ่อล้นจากท่อระบายน้ำใน กทม.ยังสร้างปัญหาโดยท่วมหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด วานนี้ (6 พ.ย.) น้ำได้เอ่อทั้งท่อระบายน้ำและมวลน้ำที่ไหลมาจากสมทบจาก5แยกลาดพร้าว รวมทั้งถนนวิภาวดีรัวสิต เข้าท่วม ถ.พหลโยธิน หน้าสวนจตุจัตร และตลาดนัดจตุจักร อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่า ถ.พหลโยธินที่จะมุ่งหน้ายัง4แยกสะพานควาย จะมีน้ำท่วมขังอย่างหนักใน 1-2 วันนี้ รวมทั้งมวลน้ำจะพุ่งตรงไปยังอนุสาวรีชัยสมรภูมิในเวลาที่ไล่เสี่ยกัน โดยมวลน้ำตั้งแต่ธนาคารทหารไทยสำนักงานใหญ่ถึงสี่แยกกำแพงเพชร มีน้ำท่วมขัง ตลอดฝั่งตลาด อ.ต.ก.
ทำให้ขณะนี้มีการปิดการจราจร ทางทิศเหนือเพิ่ม 1 แห่ง ได้แก่ ถ.ลาดพร้าว ขาเข้า-ขาออก ขยายพื้นที่ปิดการจราจร ตั้งแต่ 5 แยกลาดพร้าว ถึง ถ.ลาดพร้าว ซ. 45 ถ.รัชดาภิเษก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงคลองบางซื่อ (โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค)
ส่วนเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยง ในทิศเหนือจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1. ถ.พหลโยธิน ขาเข้า-ขาออก ขยายพื้นที่ตั้งแต่แยกลาดพร้าวถึงคลองบางซื่อ และ 2.รามอินทรา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ กม.5 ถึง กม.8 ขณะที่ทิศตะวันตก ควรหลีกเลี่ยง ถ.ราชพฤกษ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่คลองบางแวก ถึงตัด ถ.เพชรเกษม
รายงานระบุว่า สำหรับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใช้การได้ 1. สะพานพระพุทธยอดฟ้า 2. สะพานพระปกเกล้าฯ 3. สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน (สาธร) 4. สะพานกรุงเทพ 5. สะพานพระราม 3 6. สะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) 7. สะพานภูมิพลฯ(วงแหวนอุตสาหกรรม)
***สั่ง“หนองแขม-ภาษีเจริญ””อพยพ
ย่านฝั่งธนบุรี ที่น้ำท่วมหนักที่สุดบริเวณ ถ.เพชรเกษม ได้มีน้ำผุดขึ้นมาจากท่อระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำ ถ.เพชรเกษม ขาออก มุ่งหน้าไปหนองแขม และพุทธมณฑล สูงสุดประมาณ 1 เมตร มีการปิดการจราจรบริเวณแยกราชพฤกษ์ ตัดเพชรเกษม ขณะที่มวลน้ำเริ่มผุดท่อ ทะลุ ร.พ.บางไผ่ ใกล้ถึงสี่แยกท่าพระ โดยเฉพาะหน้า ร.ร.วิบูลย์บริหารธุรกิจ และหน้าสรรพากร ส่วนบริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 มีน้ำท่วมสูงตลอดทั้งวัน
ส่วนเขตหนองจอก น้ำสูงขึ้น โดยในแขวงคลองสิบ แขวงคู้ฝั่งเหนือ แขวงโคกแฝด ที่รับน้ำมาจากคลองเก้า และคลองสิบ ส่งผลให้มีน้ำท่วมในถนนมิตรไมตรี ถนนเลียบวารี และถนนสุวินทวงศ์
โดยจุดนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังสถานนีสูบน้ำคลองแสนแสบ-หนองจอก ได้ลงนามในประกาศอพยพ ได้แก่ เขตหนองจอก แขวงคลอง 10 แขวงคู้ฝั่งเหนือ แขวงโคกแฝด และเขตภาษีเจริญ แขวงปากคลองภาษีเจริญ แขวงบางหว้า แขวงคูหาสวรรค์ เขตมีนบุรี แขวงแสนแสบ เขตหนองแขม แขวงหนองแขม ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ประกาศให้แขวงหนองค้างพลู เป็นเขตอพยพ ซึ่งเท่ากับว่าเขตหนองแขมเป็นเขตอพยพทั้งเขต
ให้เขตธนบุรี ถนนวุฒากาศ ถนนเทอดไท แขวงตลาดพลู เขตลาดพร้าว แขวงลาดพร้าว ถนนประเสริฐมนูกิจ จนถึงสุดเขตลาดพร้าว เขตมีนบุรี แขวงมีนบุรี เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงคลองแปด คลองเก้า และคลองสิบ ที่ยังดำเนินการปิดประตูระบายน้ำไม่สำเร็จ รวมถึงยังเป็นห่วงใน 14 จุด ในพื้นที่ทางด้านเหนือและตะวันตกของ กทม. ซึ่งหาก ศปภ. ไม่สามารถไปซ่อมแซมได้ครบทั้งหมดนั้น โดยฝั่งธนบุรีทั้งหมดอาจจะได้รับผลกระทบ
**จตุจักรอพยพยกเขต
ต่อมาเวลา 17.20 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ประกาศให้เขตจตุจักรทั้งหมด เป็นพื้นที่อพยพเพิ่มเติมในแขวงลาดยาว แขวงเสนานิคม แขวงจตุจักร แขวงจันทรเกษม และแขวงจอมพล อพยพออกจากพื้นที่โดยเร็ว ทำให้ขณะนี้ กทม.ได้ประกาศพื้นที่อพยพประชาชนทั้งเขต รวม 11 เขต
**คนวิภาฯ11 แตกคอทั้งหนุนทั้งค้าน ศปภ.
สถานการณ์น้ำล่าสุดที่ ถ.วิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก ตั้งแต่บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีระดับน้ำสูงเจ้าหน้าที่ได้เร่งวางแนวกระสอบทรายยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก เพื่อกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมในซอยวิภาวดี 11 ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) รวมทั้งมีการเทหินคลุก ราดยางมะตอย เป็นถนนถาวร ตัดเข้ามายังศูนย์แล้วยังมีการนำบิ๊กแบ็ก 2 ชั้นมาวางตามแนวถนนเพื่อกันน้ำซัดเซาะพื้นถนน โดยมีระดับความสูงล่าสุดประมาณ 1 เมตร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้ามาติดต่องานใน ศปภ.ขณะที่น้ำผุดออกมาจากท่อระบายหลายจุดอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเวลา 16.00 น. บริเวณปากซอยวิภาวดี 11 ระหว่างที่เข้าหน้าที่ประมาณ 50 คน ได้นำกระสอบดินปนทราย จำนวนประมาณ 15,000 กระสอบ มาสร้างแนวกั้นท่อบริเวณปากทางเข้าซอย บรรยากาศเป็นไปด้วยความวุ่นวาย กลุ่มชาวบ้านในซอยวิภาวดี 11 ที่จับกลุ่มกว่า 30 คนวิพากษ์วิจารณ์ตะโกนว่า “ย้ายออกมาจากดอนเมืองแล้ว พอย้ายมาที่นี่ ที่นี่ท่วมอีกแล้วจะย้ายต่อไปที่ไหนอีกครับ” ก่อนที่ชาวบ้านกลุ่มนี้รวมตัวเข้ามาต่อว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ว่าการที่กั้นน้ำในบริเวณนี้ ส่งผลกระทบให้มีน้ำท่วมขังภายในซอยมากขึ้น พร้อมทั้งขู่ว่าจะระดมคนออกมาต่อต้านการทำง่านของศปภ.
ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านในย่านนี้อีกหนึ่งกลุ่ม ออกมาสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งต่อว่าชาวบ้านกลุ่มแรกว่า”พวกไม่รู้เรื่อง ที่เขาสร้างก็เพื่อไม่ให้น้ำท่วมในซอย พวกเราพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ “
ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้เข้ามาสังเกตการณ์และสั่งงานด้วยตัวเอง พร้อมทั้งระบุว่า ต้องทำให้พื้นผิวถนนบริเวณนี้แห้งก่อนด้วยวิธีการอุดท่อระบายน้ำแล้วสูบน้ำออกด้วยรถสูบน้ำจากกรมทางหลวง โดยน้ำที่สูบจะปล่อยลงบนถนนวิภาวดีฝั่งมุ่งหน้าเข้าห้าแยกลาดพร้าว
สำหรับสถานการณ์ กทม.ชั้นใน บริวณถ.รัชดาภิเษก ตลอดหน้าศาลอาญาระดับน้ำสูงขึ้น บางจุดเกือบ 1 เมตร บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ถ.ลาดพร้าว น้ำท่วมสูงขึ้นจนถึงซอยภาวนา และไปติดคลองพร้าว รวมทั้งมีน้ำผุดตามท่อระบายน้ำ ขณะที่น้ำในคลองลาดพร้าว และคลองบางซื่อ ล้นเข้าท่วมสะพานสองในพื้นที่โชคชัย ส่วน ถ.รัชดา มุ่งหน้าสุทธิสาร น้ำก็เอ่อท่วมสูงเช่นกัน
ส่วนในซอยโชคชัย 4 นั้น น้ำยังมาไม่ถึงแต่ถนนเส้นวังหิน-เสนา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
**น้ำท่อเอ่อในซอยบ้าน “ยิ่งลักษณ์” แล้ว
มีรายงานข่าวแจ้งว่า มวลน้ำเริ่มเอ่อทะลักจากท่อระบายน้ำภายในซอยโยธินพัฒนา 3 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นซอยบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่ปริมาณน้ำไม่มากนักและยังไม่เป็นปัญหากับซอยดังกล่าว
ขณะที่ระดับน้ำที่คลองลำเจียก ซึ่งห่างจากบ้านนายกรัฐมนตรี เพียงประมาณ 200 - 300 เมตร ขณะนี้น้ำอยู่ในระดับปริ่มตลิ่งแล้ว ทั้งนี้ในซอยดังกล่าวมีหมู่บ้านค่อนข้างเยอะ รวมถึงชุมชนนวมินทร์ 1 ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในซอย ก็ได้มีการทำพนังป้องกันน้ำเข้าบ้านกันพอสมควร
ทั้งนี้ น้ำจากคลองลำเจียกซึ่งมีความกกว้างประมาณเกือบ 4 เมตรได้ปริ่มน้ำเอ่อล้นขอบปูนเข้าท่วมทางเท้าแพร่กระจายไปทั่วบริเวณเป็นจุดๆและบางส่วนไหลเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนแล้ว ซึ่งคาดว่าน้ำอีกไม่กี่วันน้ำจากคลองดังกล่าวอาจจะไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและบ้านนายกรัฐมนตรีได้
**ปูรับมั่นใจ “บิ๊กแบ็ก” เอากทม.ชั้นในอยู่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงหลังการวางกระสอบทรายยักษ์หรือ บิ๊กแบ็คประเมินผลปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาเป็นอย่างไรบ้าง ว่า เท่าที่ดูน่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ได้นำกระสอบทรายขนาดจำนวน 6 แสนกระสอบ ไปอุดตามรูรั่วต่างๆ เชื่อว่าจะแบ่งเบาทุเลาลงไปได้ ทั้งนี้คงต้องดูปริมาณน้ำในภาพรวมอีกครั้งว่าปริมาณน้ำนั้นลดลงหรือไม่ ทั้งนี้ก็ยังเชื่อมั่น เพราะว่าการนำบิ๊กแบ็ค ไปทำแนวคันกั้นน้ำนั้นไม่ใช่แค่ 6 กิโลเมตร แต่ทำถึง 12กิโลเมตร เนื่องจากได้มีการต่อเป็น 2 ช่วง ซึ่งวันนี้ได้ต่อเสร็จสมบูรณ์หมดแล้ว ส่วนปริมาณน้ำที่จะไหลเข้ามายังส่วนพื้นที่ตอนกลาง กทม.นั้น คงต้องคุยในหลายๆส่วน เพราะในภาพรวมธรรมชาติของน้ำนั้นก็ต้องไหลลง เราเองอาจจะชะลอได้เพียงบางส่วนไม่ถึง 100 เปอร์เซนต์ เพราะกทม. เป็นปลายทางสุดท้าย อย่างที่เห็นกันวันนี้ปริมาณน้ำก็ยังท่วมขังอยู่ นั่นเพราเป็นผลจากการที่เราชะลอน้ำ แต่สุดท้ายปลายทางของน้ำก็ต้องไหลไปยังคลองและตามระบบการระบายน้ำ
“ก็คงต้องขอให้ทางกทม. เร่งสูบน้ำ และระบายอย่างเต็มที่ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำในแต่ละจุด ก็จะเป็นการช่วยเร่งระบายน้ำในส่วนกทม. อีกทางหนึ่ง ส่วนจะระบายได้แค่ไหนต้องให้คณะทำงานเป็นผู้ชี้แจง แต่รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด โดย ศปภ.มีภารกิจ 2 อย่างคือการประสานงานในการพยายามป้องกันพื้นที่โดยรวมของประเทศว่าจะทำอย่างให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ขณะนี้ก็ได้ดูแลความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยที่มีประมาณ 3 ล้านคน ที่ยังต้องการการดูแลทั้งในเรื่องของอาหา
เวลา 18.00 น. ศปภ. แถลงผลของการวางถุงบิ๊กแบ็ก จะว่า ช่วยชะลอน้ำเข้ากทม.ได้ระดับนึง เนื่องจากความต่างของน้ำ 2 ฝั่ง ต่างกันถึง 30-40 ซม. ต่อไปก็จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการระบายน้ำของกทม.แล้วว่าจะระบายได้วันละเท่าใด ทั้งนี้ ศปภ.ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะวางบิ๊กแบ็กในพื้นที่บางกรวย นนทบุรี เพิ่มอีก เพื่อชะลอน้ำที่จะไหลเข้าพระราม 2
นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา คณะกรรมการผลักดันน้ำ ศปภ. เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำที่ทะลักเข้ามาบนถนนพหลโยธิน วิภาวดี เข้าสู่เขตดอนเมือง สายไหม บางเขน และพื้นที่เขตจตุจักร เป็นน้ำที่ไหลทะลักมาจากคลองรังสิต ว่า เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ รัฐบาลได้วางบิ๊กแบ๊กเป็นระยะทางยาวเป็นรูปตัวแอล ซึ่งจะสามารถกันหรือชะลอน้ำเข้ากทม.ได้ โดยระดับความต่างระหว่างหน้าและหลังแนวบิ๊กแบ๊กประมาณ 30-40 ซม.ดังนั้นผลดังกล่าวจะเป็นการชะลอน้ำเข้าสู่กทม.และจากนี้ไปจะเป็นหน้าที่ของกทม.ที่จะบริหารการระบายน้ำ และสูบน้ำออก
ด้านนายอนุดิษฐ์ นาครรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า ศปภ. และกทม.จะประชุมเพื่อหารือการระดมสรรพกำลังช่วยเหลือกทม.ทุกด้าน อีกทั้งศปภ.เตรียมวางบิ๊กแบ๊กแนวยาว 130 เมตร บริเวณพื้นที่สายไหมตรงแยก คปอ. จนถึง คลอง 2 บริเวณแยกสายไหม เพื่อปิดช่องทางน้ำไหลจากคลองเปรมฯ รวมถึงเตรียมวางบิ๊กแบ๊กบริเวณอ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่จะส่งผลให้น้ำไปท่วมถึงบริเวณพระราม 2 ดังนั้นนับเป็นการเพื่อชะลอน้ำฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่เข้ากทม.ดังนั้นแนวทางที่กล่าวมาเป็นภาพสะท้อนการแก้ไขปัญหาการชะลอน้ำเข้าสู่พื้นที่กทม.ทั้งฝั่งตะวันตกและออกขอกแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้มั่นใจว่าช่วงเวลาวันที่ 7-9 พ.ย.น้ำทะเลจะไม่หนุนสูง ทำให้กรมชลประทานสามารถเปิดประตูระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ดี ประมาณ 30 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
**"มาร์ค" เตือนอย่าเพิ่งวางใจบิ๊กแบ็ก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กล่าวภายหลังนำคณะได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมบริเวณ ซอยร่มไทร เขตบางแค ถึงกรณีที่ศปภ.มั่นใจต่อแนวบิ๊กแบ็กว่า คงจะต้องประเมินจากระดับน้ำว่า สามารถที่จะชะลอ หรือทำให้ระดับน้ำทางตอนเหนือของกทม.ลดลงทรงตัวได้หรือไม่ แต่ระหว่างนี้ ประชาชนที่อยู่ในเขตชั้นใน จะต้องระมัดระวัง เพราะเมื่อถุงบิ๊กแบ็กเริ่มทำงาน ก็ยังมีมวลน้ำที่ยังไหลมาสู่กทม.อีก สำหรับพื้นที่ฝั่งธนฯนั้นก็ยังเห็นได้ชัดว่า ก็ยังคืบลงมาทางใต้อยู่ และในส่วนนี้เองตัวบิ๊กแบ็กก็คงไม่ได้ช่วยที่จะทำให้ช่วยชะลอเข้ามาตรงนี้ได้ ส่วนผลกระทบหลังจากที่มีการใช้บิ๊กแบ็กที่จะมาถึงฝั่งธนฯนั้น ก็คงต้องรอประเมินอีก 1-2 วันว่ามีการชะลอน้ำได้มากน้อยแค่ไหนและเบี่ยงน้ำไปแค่ไหน
**น้ำท่วม 25 จว. ตาย 506 คน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. สรุปสถานการณ์อุทกภัย โดยปัจจุบันมีพื้นที่น้ำท่วม 25 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 1 ครัวเรือน รวมกว่า 3 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 506 คน สูญหาย 2 คน และมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินรวมทั้งสิ้น 64 จังหวัด มีจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายและอยู่ระหว่างการฟื้นฟูรวม 39 จังหวัด
***"ปู" ทำซึ้งไม่เคยลืมความทุกข์-ไม่ทิ้ง ปชช.
เวลา 08.30 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานเปิดงานจิตอาสาเยียวยาประชาชน ที่บริเวณลานพระราชวังดุสิต โดยความร่วมมือระหว่าง ศปภ. ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อปล่อยขบวนรถส่งความช่วยหลือไปให้กับผุ้ประสบภัยในเขตกทม.และปริมณฑล แบบครบวงจร ประกอบด้วยเรือท้องแบน แพสำเร็จรุป สุขาลอยน้ำ เก้าอี้สุขา ถุงยังชีพ อาหารสด อาหารปรุงสุข น้ำดื่ม อีเอมบอล น้ำอีเอม ขบวนรถทีมfix it center ทีมสัตวแพทย์ ทีมอาสามารถช่วยเหลือปะชาชน และรถหกล้อสำหรับรับส่งประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ามีความเห็นใจและห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในขณะนี้ และเข้าใจดีว่ายังมีประชาชนอีกหลายครอบครัวที่ความช่วยเหลือยังเข้าไม่ถึง ซึ่งความทุกข์ของปะชาชนคือความทุกข์ของรัฐบาลเช่นกัน โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน และคนไทยก็ไม่ทิ้งคนไทยด้วยกัน ซึ่งภารกิจของรัฐบาลนอกจากการป้องกันไม่ให้ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบแล้ว ยังมีการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจึงได้รวมน้ำใจส่งไปยังประชาชนทั้งเรื่องการให้ความช่วยเหลือ การซ่อมแซม และฟื้นฟู นอกจากนี้รัฐบาลจะเปิดโรงครัวใน 18เขต ของ กทม. จาก 18 จังหวัดและเชิญชวนภาคเอกชนและประชาชนเข้าร่วมประกอบอาหารกับภาครัฐด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตนีและคณะได้เดินทางมาขึ้นรถหกล้อบริเวณเชิงสะพานกรุงธนเพื่อเดินทางไปยังศูนย์พักพิงโรงเรียนวัดบวรมงคล ซอยจรัญสนิทวงศ์ 46 และซอยจรัญสนิทวงศ์ 12 และศุนย์พักพิงเวชยันต์ เขตบางพลัด เพื่อมอบสิ่งของและถุงยังชีพให้กับแระชาชนที่ประสบอุทกภัย
หลังจากนัั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงโรงเรียนวัดบวรมงคล ซอยจรัญสนิทวงศ์46 เพื่อนำสิ่งของอุปโภคบริโภคมอบให้ผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งตลอด 2 ข้างทางก็มีประชาชนมารอต้อนรับพร้อมรับมอบถุงยังชีพจากนายกรัฐมนตรีด้วย
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้ประสบภัยของให้อดทน และเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เชื่อว่าใน 2-3 สัปดาห์ สถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
ทั้งนี้คณะเดินทางมายังอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ศปภ.ส่วนหน้าจ.นนทบุรี ภายในโดยศูนย์สรรพสินค้า บีบีมาร์เก็ต ถ.กาญจนาภิเษก อ.บางใหญ่ และรับรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดถึงข้อจำกัดเรือ รถที่จะใช้ลำเลียงประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีได้ปล่อยขบวนเรือบรรทุกถุงยังชีพจำนวน 100 ลำ ให้กับประชาชนในอำเภอบางใหญ่เพื่อกระจายความช่วยเหลือ และขอความร่วมมือผู้ใหญ่บ้านในการตั้งครัวของรัฐบาล ในการดูแลในระดับชุมชน และจะขอความร่วมมือจากนายอำเภอ
**ปฏิเสธ ย้าย ศปภ.ไปไบเทค
เมื่อเวลา 14.00น. ที่โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ์ 60 พรรษา อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธว่า ยังไม่มีแนวความคิดที่จะย้ายศปภ. จากตึกเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน ไปยังศูนย์แสดงสินค้าไบเทคบางนา
** น้อมรับคำแนะนำ “บรรหาร” มาพิจารณา
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กทม.ทำหนังสือขอเครื่องสูบน้ำไปยังกรมชลประทาน แต่ระบุกรมชลฯไม่ให้เนื่องจากทำหนังสือไปถึง มท. ซึ่ง รมว.มหาดไทยเห็นหนังสือวันที่ 4 พ.ย. พร้อมแนะม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โทรศัพท์สายตรงถึงอธิบดีกรมชลประทานหรือ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็ยินดีช่วยเหลือเต็มที่ โดย ว่า ท่านบรรหารเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ตนเองก็เคารพนับถือท่าน ดังนั้น ท่านพูดอะไรตนก็น้อมรับฟังมาไว้พิจารณา ซึ่งก็ดีใจที่ท่านติดตามสถานการณ์
**ผู้ว่าฯยิ้มออก หลังรัฐบาลให้เครื่องสูบน้ำ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังกล่าวขอขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศปภ. ที่ในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมาได้สนับสนุนแนวคิดความต้องการ ของ กทม.อย่างดียิ่ง โดยทาง ศปภ.ได้นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพิ่มเติม ในคลองหกวาสายล่าง ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อจะเร่งระบายนำออกของฝั่งตะวันออก โดยจากเดิมมีเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่อง ล่าสุดมี 24 เครื่อง ทำให้มีกำลังระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว ส่วนที่สถานีสูบน้ำหนองจอก จากเดิมของกรมชลประทาน ที่เปิดสูบน้ำ จำนวน 8 เครื่อง จากทั้งหมด 20 เครื่อง วันนี้ (6 พ.ย.) ได้เปิดเป็น 16 เครื่อง ส่วนที่เหลืออีก 4 เครื่องเก็บไว้สำรองหาก 16 เครื่องที่เปิดสูบน้ำเกิดการชำรุด
นอกจากนี้ ทาง ศปภ.ยังได้ประสานจะนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพิ่มให้ กทม. เพื่อระบายน้ำคลองพระโขนง เช่นเดียวกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้ประสานจัดหาเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมให้ กทม.ด้วย นอกจากนี้ กทม.ได้เพิ่มจำนวนเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งที่ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 13 เพื่อสูบน้ำลงคลองมอญมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในวันที่7 พ.ย. พล.ต.อ.ประชา ได้ประสานมายัง กทม.เพื่อประชุมหารือ ที่ ศปภ. เวลา 10.00 น. ซึ่งตนจะหารือเรื่องรายละเอียดการติดตั้งเครื่องสูบ การผันน้ำไปยังสถานที่ ต่าง ๆ
**ปลอด” สับเละ กทม.แก้ปัญหามั่ว
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีความขัดแย้งที่อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ว่า “ถ้าตนพูดแรงไปก็อย่าโกรธนะ คือถ้ากทม.หรือหน่วยงานของกทม.บริหารน้ำมั่วแบบนี้ ไม่ไหว” เรื่องคือว่าอยู่ๆ กทม.มาแจ้งบอกว่าอยากจะให้รัฐบาลเอากระสอบทรายไปวางถนนฤทัยราษฎร์ ที่อยู่ทางเหนือของกรุงเทพฯ ติดกับสายไหม โดยบอกว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯถ้าไม่ปิดถนนตรงนี้ ก็มีการขอดกระสอบทรายจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1 แสน และขอกำลังคนจากกรมป่าไม้ 500 คน บังเอิญตนไปแถวนั้น พบว่าประชาชนเขาไม่ยอม ประชาชนจากลำลูกกา จ.ปทุมธานี เขาบอกว่าถนนสายนี้ลำลูกกา ยาวกว่า 10 กม. ถนนฤทัยราษฎร์มันช่วงแค่ 1 กม.น้ำไหลข้ามมานิดเดียว บ้านเรือนประชาชนน้ำกำลังไหลออก 2-3 วันลดลงไป 4-5 เซนติเมตร แล้วเราเอากระสอบทรายมากั้นไว้ ทำให้บ้านเขาน้ำท่วม ให้ตนอธิบายในฐานะรัฐมนตรีก็อธิบายลำบากแล้ว
นอกจากนี้ยังทำให้รถเรือออกจากซอยไม่ได้ เขามาถามว่าทำไมตนทำแบบนี้ ตนบอกว่าไม่ได้ทำ และไม่รู้ว่าใครทำ ก็ขอเช็คก่อน นายอำเภอลำลูกกา เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ความคิดเป็นของกทม. เป็นคำแนะนำของหัวหน้าเขตสายไหม จึงบอกว่าจะวางกระสอบทางเข้าทางออกเขาไม่ได้หรอก จากนั้นช่วงเช้าตนได้นัดเลขาธิการพรรคนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตปลัด กทม. ให้นายอำเภอและกำนันอ.ลำลูกกามา หัวหน้าเขตสายไหม รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมา ปรากฏว่าถึงเวลา กทม.ส่งเด็กมาประชุมแทน ผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำที่เป็นต้นคิดไม่ยอมมา
นายปลอดประสพ กล่าวว่า จึงต่อโทรศัพท์ไป ถามว่าคุณแนะนำแบบนี้ได้อย่างไร ประชาชนก็เกลียดพวกผม เขาจะเตะผมเอา เขาตอบว่าสถานการณ์มันเปลี่ยน เวลามันก็เปลี่ยน น้ำมันก็เปลี่ยน เมื่อก่อนน้ำมันผ่านตรงนี้ แต่ตอนนี้มันไปผ่านตรงสายไหมแล้ว ผมบอกว่าคุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร ตกลงจะเอาอย่างไร เขาเลยบอกว่าน้ำมันเปลี่ยนแล้ว ก็ไม่ต้องทำแล้วตรงนั้น ซึ่งเขายังบอกว่าไม่ได้หารือกับนายอำเภอลำลูกกา เอาของมาทิ้งในบ้านเขาโดยไม่ขออนุญาตคุณทำได้มั้ย ซึ่งเขาก็ไม่ตอบไม่ได้ ก็เลยบอกว่าเอากระสอบมาทิ้งอย่างนี้ แล้วจะว่าอย่างไร เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ทิ้ง
“ผมอยากฝากเรียนไปถึงผู้ว่าฯ การบริหารราชการถ้าไม่ถึงลูกถึงคนไม่เข้าถึงพื้นที่ ไม่เห็นกับตา แล้วเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นประชาชนเดือดร้อน และเราก็แก้ปัญหาน้ำไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว รังแต่ประชาชนจะทะเลาเบาะแว้งกัน วันนี้บ่าย 2 โมงประชุม จะหารือที่ประชุมว่าต่อไปนี้การมองภาพต้องมองภาพเล็กด้วย มาซ้อนกันให้เป็นภาพใหญ่ให้ได้ จะถือวิสาสะ ถือภาพใหญ่เอาแต่ใจตัวโดยไม่คำนึงประชาชนตัวเล็กไม่ได้แล้ว ต้องมองทั้งจากเล็กไปหาใหญ่ จากใหญ่ไปหาเล็ก เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอก ทั้งนี้หากทำแล้วกทม.ปลอดภัย ประชาชนกทม.ไม่มีความสุขไม่ปลอดภัยมันไม่ถูก ฉะนั้นของประกาศผ่านไปที่มีการวางกระสอบไม่ใช่ความคิดตน เป็นความคิดอันประเสริฐเลิศเลอของเจ้าหน้าที่กทม.ซึ่งอย่างนี้ไม่ถูกต้อง”รมว.วิทยาศาสตร์ฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาความขัดแย้งของรัฐบาลกับกทม.จะแก้ไขอย่างไร นายปลอดประสพ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าขัดแย้งหรือไม่ขัดแย้ง แต่ตนว่ามั่ว อย่างที่เล่าให้ฟังซึ่งสัมผัสมากับตัวเองไม่ได้ฟังใครเล่า
**ปชป.เสนอ 8 ข้อให้รัฐบาลเร่งทำ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงข้อเสนอ 8 ข้อ ที่รัฐควรเริ่มดำเนินการได้แล้ว ดังต่อไปนี้
1. ขอเสนอให้รัฐบาลเริ่มต้นให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงกับประชาชน2. ความชัดเจนในเรื่องการจัดทำแผนอพยพและการจัดตั้งศูนย์อพยพที่มีประสิทธิภาพ3. การดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง4. การชดเชยความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนที่ต้องตกเป็นผู้ที่มีบ้านเรือนอยู่ในเส้นทางที่น้ำไหลผ่านหรือท่วมขัง 5. รัฐบาลควรพิจารณาหามาตรการเสริมอื่นๆ ในการอำนวยความสะดวก กับพี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน6. รัฐบาลควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมปริมาณและราคาของสินค้าจำเป็นให้มีเพียงพอ7. เรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังทางด้านสาธารณสุข และ8. รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้ที่พี่น้องประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกนอกพื้นที่นั้น จัดโครงการฝึกอาชีพ.